“คุณค่าของชีวิต คือสิ่งที่เราคิด และเราเป็น”

มนุษย์เราทุกคนมีความปรารถนาที่จะพบกับความสำเร็จในชีวิต

แต่การที่จะก้าวเดินไปสู่ความสำเร็จได้ดังใจปรารถนานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย                                                                                        

              

มีคนจำนวนมากมายมหาศาลเดินทางผิด ต้องล้มลุกคลุกคลาน ต้องเสียเหงื่อและน้ำตาจนแทบจะหมดใจ

เหตุผลข้อหนึ่งก็เพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร                                                                                                            

และไม่รู้ว่าอะไรคือเบื้องหลังของความสำเร็จ     ดังนั้น หนังสือประเภทกุญแจแห่งความสำเร็จ     

ทางลัดสู่ชีวิตใหม่ หรือว่าค้นพบความร่ำรวย หรืออะไรประมาณนั้น                                                                                       

จึงเป็นหนึ่งในบรรดาหนังสือที่ขายดีตลอดกาลในวงการหนังสือ 

และก็ไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยที่จะมีเล่มใหม่ๆ ทยอยออกมาวางตลาดอย่างต่อเนื่องให้เราได้อ่านอยู่เสมอ

ที่จริงแล้วเนื้อหาสาระของหนังสือเหล่านี้ส่วนใหญ่คล้ายคลึงกัน  คือมักจะเน้นเรื่องอานุภาพของจิตใจ  

เรื่องของความมุ่งมั่น และตั้งใจจริงและเมื่อเราเริ่มต้นด้วยความถูกต้องแล้ว  

พลังงานอันทรงอำนาจที่แฝงเร้นอยู่ภายในตัวของเราก็จะเป็นบันไดที่นำพาให้เราไปสู่ความสำเร็จที่มุ่งหมายไว้ได้

ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นรวมกับบุคลิกที่อ่อนโยน ผสานกับการทำงานที่มีทั้ง

ศาสตร์และศิลป์จึงทำให้ คุณสุมนา วรชุน หรือคุณแอร์ 

Residence Managerคนเก่งแห่งศรีพันวา

ได้ก้าวเข้ามายืนอยู่แถวหน้า เป็นมือวางอันดับต้นๆของนักการโรงแรม

ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ

เรามีนัดคุยกับคุณแอร์ ที่ Baba Nest จุดชมวิวที่สวยที่สุดของเกาะภูเก็ต 

บริเวณด้านยอดของแหลมพันวา ซึ่งเป็นที่ตั้งของศรีพันวา ภูเก็ต 

สถานที่ที่คุณแอร์ทำงานอยู่  

คุณแอร์ เล่าให้เราฟังว่า "แอร์จบปริญาโทจากมหาวิทยาลัย บอร์นมัธ 

ประเทศอังกฤษ สาขาการโรงแรมและการตลาดค่ะ"                                                   

"แต่ถ้าย้อนไปตอนมัธยมนี่ แอร์ เรียนที่เซนต์จอห์น 

 สอบเทียบ ม.6 แล้วไปเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด ที่เพชรบุรี สาขาสื่อสารภาษาอังกฤษค่ะ"

คุณแอร์ ยังบอกกับเราอีกว่าได้เรียนและใช้ชีวิตที่สถานศึกษาแห่งเมืองชายทะเลถึงสองแห่ง

"ตอนไปอยู่ที่สแตมฟอร์ดที่ชะอำ

แอร์ ได้ทำอะไรด้วยตัวเองเองมากขึ้น ได้เรียนรู้มากขึ้น

เป็นชีวิตเด็กหอที่มีความสุข

เพราะว่าชะอำเป็นเมืองท่องเที่ยวริมทะเลทียังคงความมีเสน่ห์ไว้ได้เป็นอย่างดี

พอไปเรียนต่อที่อังกฤษก็เป็นเมืองชายทะเลอีก" คุณแอร์ ยิ้มกว้างบอกกับเรา

มหาวิทยาลัยบอร์นมัธ(Bournemouth University)ที่คุณแอร์ไปเรียนเป็นที่รู้จักกันว่าตั้งอยู่ในเมืองชายฝั่งทะเลที่สำคัญของอังกฤษเมืองหนึ่ง

อยู่ริมชายฝั่งตอนใต้ของอังกฤษ นั่งรถไฟจากลอนดอนใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง 

 มหาวิทยาลัยบอร์นมัธนั้นมีบรรยากาศที่อบอุ่นในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย

จัดอยู่ในระดับต้นๆของการจัดอันดับของมหาวิทยาลัยในอังกฤษ 

โดยเฉพาะสาขาด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอันดับ 1 (Guardian, UK 2009)

"พอจบแล้ว คุณแอร์ ก็ไปเรียนต่อที่อังกฤษเลยใช่ไหมคะ" เราถาม 

"ใช่คะจบแล้วก็ไปเรียนต่อเลย  

สาเหตุที่ไปต่อเลยเพราะว่ากลัวว่าพอได้ทำงานแล้วจะไม่อยากไปเรียน 

ก็เลยไปเรียนที่อังกฤษ 4ปี "

"สี่ปีที่อังกฤษเป็นยังไงบ้างคะ" เราถามคุณแอร์

"ก็เหมือนนักเรียนไทยที่ไปเมืองนอกนะคะ" คุณแอร์กล่าวยิ้มๆกับเรา 

 "แอร์มีโอกาสได้ทำงานพาร์ทไทม์หลายอย่าง 

อย่างเช่นทำงานร้านขายของตกแต่งบ้าน เป็นพนักงานเสริฟที่ร้านอาหารไทย

แล้วก็ที่ร้านสตาร์บัคด้วยค่ะ

พอจบมาพยายามจะใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ อยู่สองสามปี 

เปลี่ยนงานหลายครั้ง

เพราะว่าตอนนั้นพยายามหาตัวเองว่าจริงๆแล้วชอบงานอะไร"

คุณแอร์เล่าให้เราฟังว่าทำงานในตำแหน่ง Guest Relation ได้แปดเดือน

แล้วก็ย้ายไปทำงานบริษัทพีอาร์เล็กแห่งหนึ่ง

ที่ตรงนั้นคุณแอร์ได้เรียนรู้ และสั่งสมประสบการณ์มากขึ้น

แล้วคุณแอร์ก็ผันตัวเองไปสู่งานทางด้านวิชาการที่มหาวิทยาลัยมหิดล

"ตอนนั้นแอร์เป็นผู้ช่วยอาจารย์น่ะคะ

แต่ลึกๆแล้วเป็นคนชอบงานบริการ

อันนี้เริ่มรู้ใจตัวเองแล้วว่าจะไปทางไหนดี"

                                                                              

"แล้วคุณแอร์มาร่วมงานกับทางศรีพันวานี่ได้อย่างไรคะ" เราถามต่อด้วยความอยากรู้ 

คุณแอร์ยิ้มตาเป็นประกายแล้วเล่าให้เราฟังว่า

"คือตอนอยู่ที่อังกฤษเป็นเพื่อนกับคุณปลาทู"

คุณปลาทูที่คุณแอร์เอ่ยถึงคือ คุณดิฐวัฒน์ อิสระ น้องชายของคุณปลาวาฬ วรสิทธ์ อิสระ

ทั้งสองคนเป็นบุตรชายของ คุณสงกรานต์ อิสระนั่นเอง

"เรารู้จักกันตั้งแต่เรียนอยู่ที่อังกฤษตั้งนานแล้ว

แต่ตอนนั้นเราไม่ทราบว่าคุณปลาทูเนี่ยเป็นลูกของใคร 

วันนึงเค้าก็มาเล่าให้ฟังว่าพี่ชายคือคุณปลาวาฬกำลังจะเปิดโรงแรมที่ภูเก็ตนะชื่อ “ศรีพันวา”

เราก็เอ๊ะ...เพราะตอนที่อยู่ที่โรงแรมสุโขทัยก็ได้ยินและรู้จักโรงแรมนี้มาตลอดน่ะค่ะ

เนื่องจากทางศรีพันวาเนี่ยจะส่งแขกมาที่สุโขทัยอยู่เสมอ 

แล้วทางแอร์ก็จะเป็นคนดูแลแขกวีไอพีกลุ่มนี้

ทำให้คุ้นเคยกับชื่อของ “ศรีพัน” วามาตลอด"

คุณแอร์เล่าให้เราฟังต่อว่า

"ทีนี้พอได้มาเจอกับคุณปลาทูก็เล่าให้ฟังว่าพี่ชายเค้าเปิดโรงแรมอยู่ที่ภูเก็ต แอร์ สนใจไหม

ก็เลยได้ไปสัมภาษณ์กับคุณสงกรานต์ ซึ่งเป็นคุณพ่อของคุณปลาทูแล้วก็พี่ปลาวาฬ

จำได้ว่าตอนนั้นยังเป็นปีแรกอยู่เลย โรงแรมยังไม่เปิด

คุณสงกรานต์ตกลงรับแอร์แต่ยังไม่ได้บอกว่าจะให้แอร์ทำตำแหน่งอะไร แค่บอกว่าอยากให้ไปช่วยกัน

แต่ที่บ้านไม่ให้ไปเพราะว่าเป็นปีแรกของโรงแรม 

ทางบ้านก็เป็นห่วงว่าจะไปทำไม ทำตำแหน่งอะไร แล้วมีความมั่นคงแค่ไหน 

คุณแม่เป็นห่วงน่ะค่ะ เลยไม่ได้ไปค่ะ

แอร์ก็เลยบอกไปทางคุณสงกรานต์ว่าขอโทษค่ะ แอร์ไปไม่ได้"

เวลาผ่านไปเกือบปี 

บังเอิญคุณแอร์ไปเจอคุณวาฬพี่ชายของคุณปลาทูที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

เลยเข้าไปทักไปสวัสดีคุณปลาวาฬ คราวนี่คุณปลาวาฬก็ชวนคุณแอร์ไปทำงานด้วยกันอีก

"แอร์เดินเข้าไปสวัสดีน่ะค่ะ

 บอกว่าพี่คะ สวัสดีค่ะ หนูเป็นเพื่อนน้องชายพี่เคยได้คุยกับคุณพ่อพี่ด้วย

พี่วาฬก็บอกว่า เฮ้ยมาทำซิมาทำ พรุ่งนี้โทรหาพี่นะ " คุณแอร์เล่าให้เราฟัง

แต่แล้วคุณแอร์ก็ไม่ได้โทรกลับไปหาคุณปลาวาฬ จนกาลเนิ่นนานผ่านมาอีกปีครึ่ง

บังเอิญที่คุณปลาทูกดโทรศัพท์เบอร์โทรของแอร์ แต่ว่าคุณแอร์ไม่ได้รับ

แล้วจุดเริ่มต้นของการร่วมงานที่ศรีพันวาของคุณแอร์ก็เกิดขึ้น

เราเชื่อว่ามันเป็นเหมือนกับพรหมลิขิต 

ลิขิตจากพรหมที่ทำทุกคนและทุกอย่างบนโลกของเรานี้

ต้องผ่านมาเพื่อพบและผูกพันกัน 

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวบางเรื่องมักจะเป็นเรื่องจริงที่น่าบังเอิญ

ถึงแม้ว่าบางครั้งชีวิตของเราอาจจะเฉไฉออกนอกทางไปบ้าง

แต่แล้วในที่สุดพรหมลิขิตก็ได้ทำหน้าที่ของมัน

หน้าที่นำพาชีวิตให้ไปถึงบทสรุปของความสุข

"แอร์เห็นมิสคอล จากคุณปลาทู เลยโทรกลับไป

ปลาทูก็บอกว่าปล่าว ไม่ได้โทรสงสัยมือไปโดน

เพราะว่าชื่อแอร์มันขึ้นต้นด้วยตัวเอ ซึ่งเป็นตัวแรกไงคะ

พอดีตอนนั้นคุณปลาทูกำลังนั่งทานข้าวอยู่กับคุณสงกรานต์ กับพี่วาฬพอดี

พอได้ทราบว่าปลาทูกำลังคุยกับแอร์อยู่ พี่วาฬจำได้ 

คุณสงกรานต์ก็จำได้ว่าไอ้เด็กคนนี้มันเคยคุยกับเรานี่"

"แล้วยังไงต่อคะ" เราถาม

"พี่วาฬเป็นคนใจร้อนค่ะ เลยโทรกลับมาหาแอร์ทันทีเลยตอนนั้น

ตอนนั้นประมาณทุ่มครึ่ง สองทุ่มนี่หล่ะค่ะ

โทรมาหาแอร์ ถามว่าไปมั้ย เดี๋ยวพี่ส่งตั๋วไปให้

ลองดูก่อนนะไม่ชอบก็ไม่เป็นไร"

เชื่อว่าทุกคนต้องเคยผ่านทางแยกที่ต้องตัดสินใจว่า

ในที่สุดแล้วชีวิตเราจะไปทางไหนดี

การที่พ่อแม่ห่วงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ว่าเราต้องหาเหตุผลมาอธิบายให้ท่านฟังให้ได้

และที่สำคัญที่สุดเราต้องหาคำตอบให้ตัวเราเองได้ก่อน

คุณแอร์ก็เลยตัดสินใจไปเคาะประตูคุยกับคุณแม่คืนนั้นเลย 

"จำได้ว่าแอร์คุยกับคุณแม่อยู่นานพอสมควรค่ะ

คุยกันเรื่องข้อดี ข้อเสีย เหตุผลที่แอร์เลือกที่จะไปทำงานที่ศรีพันวาคืออะไร

จนในที่สุดกลางดึกคืนนั้นก็สรุปว่าตกลง แม่บอกว่าลองไปดูก็ได้ " คุณแอร์เล่าให้เราฟังด้วยตาเป็นประกาย

"ที่นี้เราก็เหมือนกับโดนมัดมือชกกลายๆนะคะ

พี่วาฬซื้อตั๋วให้เราเที่ยวเจ็ดโมงเช้า มีรถมารับไปถึงโรงแรมแล้วก็พาเข้าห้องประชุมเลย

ถูกแนะนำว่าเป็นพนักงานใหม่ จะมาช่วยกัน

ปกติแล้วเก้าโมงของทุกวันจะมีประชุม MOD คือ manager on duty 

ผู้จัดการทุกแผนกจะมานั่งคุยกัน มาบรีฟ มาอัพเดทกันว่าอะไรไปถึงไหนแล้ว

แอร์ก็ได้เริ่มงานตรงนั้น วันนั้นเลยค่ะ"

"ตอนนั้นที่ศรีพันวามีพนักงานกี่คนคะ" เราถาม 

"ประมาณ70คนค่ะ" คุณแอร์บอกเรา 

"แอร์เริ่มเข้าทำงานด้านบิซิเนส เดเวลลอปเมนท์

 คือดูเรื่องการขายเป็นหลักค่ะ

ตอนนั้นเราขายบ้านกันสนุกสนานมาก" คุณแอร์กล่าวยิ้มๆ

ศรีพันวา ภูเก็ตเป็นโครงการบ้านพักตากอากาศ และโรงแรมหรูระดับห้าดาว สไตล์พูลวิลล่า 

โดยใช้การออกแบบแนวทรอปิคอลร่วมสมัย 

ตั้งอยู่บนปลายสุดของแหลมพันวาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต 

วิลล่าของศรีพันวา อยู่เหนือระดับน้ำทะเลสูงประมาณ 40-60 เมตร 

จึงสามารถมองเห็นวิวของท้องทะเลอันดามันได้อย่างเต็มตาอย่างที่ไม่มีที่อื่นทำได้

"โชคดีที่ในทีมจะมีอายุที่ใกล้เคียงไล่เรื่ยกัน 

เลยทำให้งานราบรื่น และสนุกมาก

ในขณะเดียวกันผู้ใหญ่อย่างคุณสงกรานต์ก็จะคอยดูเราอยู่ห่างๆ 

เป็นเหมือนผู้สอนแล้วตั้งโจทย์ให้พวกเราลองผิดลองถูกกัน" คุณแอร์บอกกับเรา

หกปีในศรีพันวาคุณแอร์เริ่มจากงานในส่วนของฝ่ายขายและการตลาด

ทั้งในส่วนของโรงแรม และเรสซิเดนซ์ 

"ที่ผ่านมาเราเคยมีคนไทยซื้อบ้านที่นี่ 

 เสร็จแล้วก็ชวนเพื่อนสมัยเรียนชาวฮ่องกงมาซื้อ 

 พอฮ่องกงซื้อแล้วก็ชวนเพื่อนคนอังกฤษมาซื้ออีก

ตอนนี้เลยมาดูแลด้านการตลาด เพื่อส่งเสริมการขายมากขึ้นค่ะ

แต่จริงๆแล้วตำแหน่งของแอร์ดูแลลูกบ้านทั้งหมด

ตั้งแต่เรื่องไม้จิ้มฟันจนถึงเรือรบหล่ะคะ" คุณแอร์กล่าวติดตลกกับเรา

"แต่ถึงแม้ว่าแขกส่วนใหญ่ของเราจะเป็นวีไอพี 

แต่ก็มีปัญหาน้อยมากนะคะ แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีเลยก็ว่าได้

แต่ละท่านจะมาแบบสบายๆ อยู่กันสามหรือสี่คืน

และเนื่องจากท่านเหล่านั้นมีไลฟ์สไตล์ที่ใกล้เคียงกับเรา

เลยทำให้มีปัญหาจุกจิกน้อยมากค่ะ"

นอกจากนั้นคุณแอร์ยังบอกกับเราว่า Signature ของศรีพันวา

คือ รีแลกซ์ อบอุ่น และเป็นกันเอง 

ซึ่งผู้ซื้อบ้านก็จะสามารถใช้เอาท์เลทต่างๆในส่วนของโรงแรมได้อีกด้วย 

"จริงๆแล้วนโยบายตอนแรกตั้งใจว่าจะทำบ้านพักตากอากาศขายอย่างเดียวน่ะค่ะ

แต่ว่าคุณปลาวาฬเรียนจบกลับมาเห็น เลยขอทำเป็นโรงแรมด้วย

จากโครงการทั้งหมด70หลัง  ก็ขอแบ่งเป็นโรงแรม 11หลัง

ซึ่งพอเริ่มทำโรงแรมไปแล้ว ด้วยกระแสปากต่อปาก ช่วยบอกต่อ

ทำให้ยอดขายในส่วนของบ้านขึ้นมาเกือบ100% ทั้งๆที่ราคาของเราปรับขึ้นเรื่อยๆนะคะ

แต่กลายเป็นว่าทั้งโรงแรมและบ้านพักกลับส่งเสริมซึ่งกันและกันเป็นอย่างดีค่ะ

จากนั้นเราก็เริ่มปรับสิ่งอำนวยความสะดวกให้มีมากขึ้น

เราลงทุนทำสปาที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในภูเก็ตชื่อว่า “คูลสปาค่ะ"

นอกจากนั้นคุณแอร์ยังเล่าให้เราฟังต่อไปว่า

"คูลสปา” เป็นอาคารที่ถูกออกแบบให้มีสีน้ำเงินทังหลังตามชื่อที่เรียกว่า Cool 

แสดงถึงความร่มเย็น สดชื่น เนื้อที่ของอาคารมีทั้งหมด 2,200 ตารางเมตร 

โดยตัวอาคารมีทั้งหมด 4 ชั้น แบ่งเป็นห้องนวดน้ำมัน 4 ห้อง ห้องนวดไทย 2 ห้อง 

และด้านบนสุดของอาคารเปิดให้บริการในส่วนของซาลอน 

และลานโยคะซึ่งประสบความสำเร็จมากค่ะ

ทุกคนที่มาพักที่ศรีพันวาไม่พลาดที่จะใช้บริการที่สปาของเรา

เรียกว่าเป็น Wish Lists อันดับต้นๆของทุกคนเลยก็ว่าได้ค่ะ" คุณแอร์บอกกับเรา

"แขกของศรีพันวาส่วนใหญ่เป็นชาติอะไรคะ" เราถามคุณแอร์

"แขกของเราเป็นชาวเอเซียค่อนข้างเยอะค่ะ 

แต่ทำการตลาดต้องแยกเหมือนกัน

จีน ญี่ป่น ก็ต้องมีการตลาดกันคนละแบบ

สำหรับญี่ปุ่น ที่ผ่านมาเรายังเปิดตลาดได้ไม่กว้างพอ

อาจจะเป็นเพราะว่ายังเข้าไม่ถูกจุดด้วยมั้งคะ แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีเข้ามาเรื่อยๆค่ะ

ส่วนทางยุโรปจะมาปลายปีค่ะ"

มีคนเคยพูดไว้ว่าช่วงสี่ปีแรกของการทำงานนั้นเหมือนได้กลับไปเรียนมหาวิทยาลัยอีกครั้ง

เริ่มตั้งแต่ทำงานด้วยความเชื่อในปีแรก

ขึ้นปีสองเราจะเริ่มได้เรียนรู้จากความเชื่อของตัวเอง

ว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร และควรต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง

พอมาปีที่ปีสามเริ่มจึงผูกพันกับงาน กับทีม

เมื่อถึงปีที่สี่ชีวิตและการทำงานเริ่มเข้าที่เข้าทาง

และก้าวต่อไปหลังจากนั้นคือชีวิตจริง

เพราะจากการเอาใจใส่และทุ่มเทในการทำงานของคุณแอร์ รวมทั้งผู้บริหารท่านอื่น

ทำให้ศรีพันวาเป็นโรงแรมตัวเลือกต้นๆของนักท่องเที่ยว

สมดังกับคำพูดจาก Australian Gourmet Traveler ว่า 

"ไม่บ่อยนักที่คุณจะได้พบกับโรงแรมห้าดาวที่มีทั้งรสนิยม และความสนุกสนานในที่ที่เดียวกัน”

“Not often you find a hotel with five-star flair and a sense of fun rolled into one.” นั่นเอง

คุณแอร์เล่าให้เราฟังต่อไปว่า

"แอร์โชคดีมากที่ได้ทำงานร่วมกับคุณปลาวาฬค่ะ

 เพราะว่าคุณวาฬมักจะสัมผัส รูปรส กลิ่นเสียงได้ก่อนใครเสมอ" คุณแอร์กล่าวยิ้มๆ

"คุณวาฬเป็นเจ้านายที่ดี เป็นพี่ที่น่ารัก

 คุณวาฬจะเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นเสมอค่ะ 

 มองปัญหาทั้งอุปสรรค และความเป็นไปได้

 เหมือนกับทำทางเดินให้พวกเราอย่างแข็งแกร่ง 

 เมื่อข้างบนแข็งแรงข้างล่างก็จะเดินตามไปในทางที่แข็งนั้นด้วยค่ะ

พร้อมทั้งบอกกับทีมเสมอว่าถ้าเราไม่ทำ แล้วใครจะทำ" คุณแอร์บอกกับเรา

ถ้าการตลาดแบบ 4P คือ Product, Price, Place และPromotion

ศรีพันวา ภูเก็ตก็มีการตลาดที่เหนือชั้นไปอีกขึ้น

ว่ากันว่าที่นั้นมี 5P  ซึ่งอีกหนึ่งPนั้นคือ พี ปลาวาฬ อิสสระ นั่นเอง

เพราะฉะนั้นจึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยแม้แต่น้อยที่โรงแรมศรีพันวาจะได้รับความชื่นชม 

และได้รับรางวัลระดับโลกอย่างมากมาย อาทิเช่น

รางวัลชนะเลิศสำหรับการออกแบบสถาปัตยกรรมของภาคใต้ Thailand Boutique Awards 2010

ได้รับการโหวตให้เป็น 1ใน 100 ของโรงแรมสุดหรูโลกจากBest Hotel magazine

ได้รับการโหวตเป็น 1ใน 100 ของสถานที่ ที่สุดคูลของภูเก็ต โดย Australian Gourmet Traveler 2010

ได้รับให้เป็น หนึ่งในสามของบีชบาร์ที่ดีที่สุดของโลกจากWorld Top 3 Best Beach Bars 2011

และได้รับรางวัลให้เป็น โรงแรมที่วิวดีที่สุดในโลกจาก Awarded the Hotel with best view in the world

นี่คือผลลัพธ์ที่พอจะอธิบายคำพูดว่า"ความสำเร็จใดๆที่เกิดขึ้นนั้นมักมีผู้หญิงอยู่เบื้องหลังเสมอ"ได้ดีที่สุด

เมื่อเราถามต่อถึงเวลาว่าง เมื่อว่างเว้นจากการทำงาน คุณแอร์บอกกับเราว่า

"ในหนึ่งอาทิตย์แอร์จะหยุดวันนึงค่ะ

วันหยุดของแอร์ก็คือหยุดเลย  

ถ้ามีเวลาว่างก็จะไปสปาบ้าง

ถ้ามีเวลาว่างแอร์ชอบอ่านหนังสือค่ะ

ตอนนี้กำลังอ่านเรื่อง The Art of War หรือตำราพิชัยสงคราม ซุนวูอยู่ค่ะ"

                                                                                                                                                                                       ในรอบสองทศวรรษที่ผ่านมา มีปรากฏการณ์ใหม่ที่ตำราพิชัยสงครามของซุนวู หรือซุนอู่

ตามการเรียกในภาษาจีนถูกนำไปใช้อ้างอิงอย่างกว้างขวางในแวดวงธุรกิจเป็นอย่างมาก

เนื่องจากคนทำธุรกิจนั้นเริ่มมองว่าการทำธุรกิจเปรียบเสมือนการทำสงคราม                                                                                            

เพราะว่าเราไม่ได้ทำธุรกิจอยู่ตัวคนเดียว แต่มีคู่แข่งอยู่รอบด้าน                                                                                                             

ดังนั้นการบริหารธุรกิจจึงต้องเป็นเรื่องการคิดยุทธศาสตร์เพื่อเอาชนะคู่แข่ง                                                                                         

หรือแม้กระทั่งคิดวางแผนให้คู่แข่งเสียเปรียบ อ่อนแอลง                                                                                                                     

หรือแม้กระทั่งการดักทำลายแผนการของคู่แข่งไม่ให้ประสบผลสำเร็จนั่นเอง   

สายลมเอื่อยๆพัดพาหอบเอากลิ่นหอมๆของทะเลภูเก็ตมากระทบกับใบหน้าของเราพร้อมกับ

น้ำแอบเปิ้ลคั้นแสนอร่อยสูตรเฉพาะของศรีพันวาแก้วที่สองกำลังจะหมดไป                                                                               

เราถามคุณแอร์ว่าคิดว่าตัวเองเป็นตัวการ์ตูนตัวไหน

คุณแอร์ยิ้มอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับตอบกับเรามาเกือบในทันทีว่า "แอร์ว่าตัวเองเหมือนอาราเล่นะคะ" 

อาราเล่ที่คุณแอร์พูดถึงเป็นตัวละครการ์ตูนสุดฮิตเรื่อง 

ดร.สลัมป์ กับหนูน้อยอาราเล่ ในการ์ตูนเรื่องนั้นทั้งคู่อาศัยที่ หมู่บ้านเพนกวิน                                                                                                           

ดร.เซมเบ้ เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งกาจและเป็นอัจฉริยะด้านการประดิษฐ์                                                                                                 

แต่เขาไม่สนใจชื่อเสียงและการครองโลก สิ่งเดียวที่เขาสนใจ 

คือคุณครูมิโดริ และการประดิษฐ์ของใหม่ๆ                                           

ดร.เซมเบ้ ได้สร้างตัวเอกของเรื่องเป็นหุ่นยนต์เด็กหญิงชื่อ 

อาราเล่(โนริมากิ อาราเล่) ขึ้น                                                                     

โดยมีจุดประสงค์คือ การสร้างหุ่นยนต์เหมือนมนุษย์ที่สามารถอยู่ร่วมกับ

คนอื่นๆ โดยไม่มีใครจับผิดได้                                                   

และเลี้ยงดูอาราเล่ให้ใช้ชีวิตเหมือนคนๆ หนึ่ง ให้ไปโรงเรียนร่วมกับเพื่อน ให้ใช้ชีวิตกับคนในหมุ่บ้านได้อย่างมีความสุข

"จริงๆแล้วแอร์ใส่แว่นตั้งแต่เรียนชั้นป.3นะคะ ตัวเองเป็นคนที่สายตาสั้นมาก เพิ่งมาทำเลสิกเมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง"

พอคุณแอร์บอกเรามาอย่างนี้เราจึงได้ถึงบางอ้อ เพราะว่าบุคลิกของคุณแอร์นั้น ใจเย็น อารมณ์ดีได้ทั้งวัน

และที่สำคัญคือคุณแอร์เป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีหรือที่เค้าเรียกกันว่า Good Attitude             

"แอร์เชื่อว่าถ้าเรามีทัศนคติที่ดี การมองโลกแง่ดี จะส่งผลทำให้หลายเรื่องในชีวิตง่ายขึ้นค่ะ                                                           

ก็เหมือนกับหนูน้อยอาราเล่นะคะ เพราะไม่ว่าจะอย่างไร                                                                                                

อาราเล่จะยิ้มตาหยี แล้วก็ ดีจ้า ดีจ้าตลอด"  คุณแอร์บอกกับเราด้วยตาเป็นประกายยามเมื่อพูดถึงการ์ตูนตัวโปรด

คุณแอร์บอกกับเราว่าเธอนั้นเป็นคนมีความฝัน

"ความฝันนั้นสามารถไปได้หลายเส้นทางค่ะ  

 แต่ว่าเราต้องเดินอยู่บนเส้นทางของความเป็นจริง

ความฝันนั้นเป็นสิ่งสวยงาม แต่ถ้าหากว่าเราไม่ยกหัวออกจากหมอน

ไม่ลุกขึ้นมามุ่งมั่นทำความฝันให้เป็นจริง ความสำเร็จในชีวิตก็จะไม่เกิด

ในการทำสิ่งใดๆนั้นเราไม่สามารถก้าวครั้งเดียวแล้วถึงจุดสุดยอดได้

แล้วก็ไม่มีใครที่จะโชคดีประสบความสำเร็จได้ตลอดกาล

ในโลกนี้แอร์ยังไม่เคยเห็นใครที่ประสบความสำเร็จโดยที่ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน

หนทางจะยาวไกลแค่ไหนก็ต้องเริ่มต้นที่ก้าวแรกเสมอ

ดังนั้นหากเราไม่รู้จักวางตัวเองให้ถูกต้อง รู้ทันความรู้สึกของตัวเอง

ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ค่ะ"

และก่อนที่แสงสุดท้ายของวันกำลังจะลับขอบฟ้าไปจากแหลมพันวา 

คุณแอร์บอกกับเราไว้อย่างน่าคิดทีเดียวว่า

"The Winners are not people never fail, but people who never quit"

และนี่คือตัวตนและความคิดที่เต็มไปด้วยความความมุ่งมั่นของคุณแอร์ สุมนา วรชุน หญิงเก่งแห่งศรีพันวา ภูเก็ต