เส้นทางชีวิตที่ค่อยเป็นค่อยไป...ทีละขั้นตามจังหวะก้าวเดิน ทำให้วิถีชีวิตของนักการตลาดสาวผู้นี้เป็นไปอย่างสวยงาม...มั่นคงและเปี่ยมด้วยพลังที่จะสานฝันธุรกิจครอบครัว..เพื่ออนาคตอย่างตั้งใจ
คุณเตเต้ – จิรนุช เจตจรัสกุล คือคนรุ่นใหม่ที่ AC NEWS มีโอกาสได้พบปะพูดคุยและนำเรื่องราวประสบการณ์การทำงาน จากสาวแบงค์สู่ธุรกิจนำเข้ารถหรูจากต่างประเทศ มาแบ่งปัน
ชีวิตวัยเยาว์ ... ในรั้วคอนแวนต์
คุณเตเต้ - จิรนุช เริ่มเล่าให้ฟังถึงชีวิตเมื่อครั้งยังเป็นเด็กน้อยว่า “... คุณพ่อเป็นนายธนาคาร เกษียณแล้ว ตอนนี้เป็นที่ปรึกษาให้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้านและทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ เต้เป็นลูกคนเดียว การเลี้ยงดูของคุณแม่ก็ไม่ได้ตามใจหรือเลี้ยงแบบคุณหนูอะไร แต่จะดูแลเป็นอย่างดี คุณแม่ไปรับไปส่งที่โรงเรียนตั้งแต่เด็ก จนถึงมหาวิทยาลัยยังไปรับไปส่งอยู่เลยค่ะ
เต้เรียนที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ตั้งแต่ประถมถึงมัธยม ช่วงนั้นก็สนุกในแบบเด็กๆ อยู่คอนแวนต์ค่อนข้างมีระเบียบพอสมควร จะมีวิธีการลงโทษต่างๆ นานา บางทีทานท๊อฟฟี่ในห้อง ก็จะถูกทำโทษด้วยการเอาท๊อฟฟี่นั้นแหล่ะวางไว้ที่ผม ก็เหนียวติดกันเลย (หัวเราะ) ตอนนั้นเริ่มวัยรุ่น เห็นเขาเจาะหูกันหลายรู เทรนด์กำลังมา ใครเจาะมาก็จะถูกทำโทษให้คุกเข่าอยู่ครึ่งวัน หรือไม่ก็ไปยืนตากแดดกลางสนาม ตอนเด็กนี่ไปไหนจะไปเป็นแก๊งค์ แต่สมัยเราไม่ได้โตเร็วเท่ากับเด็กสมัยนี้ ส่วนใหญ่ก็ไปเรียนพิเศษ ไปติวกันที่สยามยุคก่อนมีโรงเรียนติวเตอร์เยอะไปหมด ก็สนุกเวลาที่ได้ออกนอกโรงเรียนจะตื่นเต้น เพราะปกติระฆังเลิกเรียนปุ๊บ คุณพ่อก็มารับกลับบ้าน”
เธอ เล่าต่อว่า “....เข้ามหาวิทยาลัยเรียนคณะรัฐศาสตร์ เอกการปกครอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกรดก็โอเคพอใช้ได้ เพราะเพื่อนๆ รอบตัวทุกคนรักการเรียนกันหมด ก็คบกันมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยออกนอกลู่นอกทาง จริงๆ แล้วคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้เลี้ยงแบบบังคับส่วนใหญ่จะให้เราตัดสินใจเอง จะคอยดูอยู่ถ้าเห็นว่าไม่ใช่แนวทางที่ดี อาจจะปรามๆ เอาไว้บ้าง
ช่วงอยู่มหาวิทยาลัยเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะ ช่วงชีวิตในมหาวิทยาลัยก็สนุกสนาน เขาให้ทำกิจกรรมอะไร ชอบทำกิจกรรม ถ้าไม่กระทบกับการเรียนก็จะทำ ที่คณะรัฐศาสตร์เราจะเฮี้ยบเหมือนกัน มีเรื่องระบบซีเนียร์ ต้องทำตามกฎของรุ่นพี่ รหัสพี่ รหัสน้อง เรื่องการเคารพความอาวุโสของรุ่นพี่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ปลูกฝังต่อมาจนมาถึงการทำงาน เวลาไปทำงานที่ต่างๆ จะเคารพพี่ที่อาวุโสกว่า
จบรัฐศาสตร์ ก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องรถ ( หัวเราะ) เกี่ยวกับเรื่องการเมืองการปกครองมากกว่า แต่ก็ได้ใช้ประโยชน์จากการเรียนรัฐศาสตร์เหมือนกัน เป็นการช่วยในการจัดระบบทางความคิด การเจรจา การจัดการ ทำอย่างไรให้รักษาประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เป็นหลักการฑูตนิดๆ ที่นำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ การคุยงานกับคน ให้ลดความสูญเสียของทั้งคู่ได้”
ก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน
หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอเริ่มชีวิตการทำงานด้วยตำแหน่ง Marketing ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) หรือ SCB และเริ่มเรียนปริญญาโทไปพร้อมกัน จนจบ ที่ College of Management , Mahidol University ภาค Inter คณะ Marketing Management
“ที่มาต่อโทด้านการตลาด เพราะเราเริ่มรู้แล้วว่า ชอบ และอยากทำงานสายนี้ แต่ยังไม่มีใบเบิกทาง จึงตัดสินใจเรียน ตอนนั้นทำงานที่ SCB อยู่สำนักงานใหญ่ที่ชิดลม ยังไม่ได้ย้ายมาที่รัชโยธิน ทำด้าน Management Information ทำอยู่สองปี อยู่แผนกการป้องกันการทุจริตบัตรเครดิต จบปริญญาโทก็เปลี่ยนมาทำงานที่ Citi Bank แต่ข้ามแผนกมาเป็น Marketing ที่นี่จะเน้นเรื่องบัตรเครดิต บัตร Exclusive ที่ Citi Bank เป็นแบงค์ต่างชาติ มาอยู่สายนี้ก็ดีใจมาก ถือว่าเป็นสายแข็งมาก
ทำงานกับพี่แหม่ม(รุ่นพี่ที่ทำงาน) เก่งมาก ตอนนี้ไปอยู่ที่เดอะมอลล์กรุ๊ปค่ะ Citi Bank เป็นบัตรเอ็กซ์คลูซีฟ ให้กับเดอะมอลล์อยู่แล้ว เต้ทำงานเป็น Produce Manager เกี่ยวกับเครื่องรูดบัตร ทำอยู่หนึ่งปีก็มาทำแผนกธุรกิจบัตรเครดิตเหมือนเดิมแต่มาโฟกัสที่สาย Dinning สำหรับร้านอาหาร
ทำที่นี่สนุกมาก ถือเป็นผู้นำเลย เพราะเดิมแบงค์ไทยจะไม่ได้สนใจเรื่องธุรกิจบัตรเครดิต แต่จะไปเน้นเรื่องสินเชื่อมากกว่า ช่วงนั้น Citi Bank บูมมาก สนุกค่ะ”
ชีวิตครอบครัว
หลังจาก Citi Bank เธอก็มาทำงานด้านการตลาดให้กับ บริษัท สไปเดอร์ ออโต้ อิมพอร์ท จำกัด ซึ่งสามีเป็นหุ้นส่วน ดำเนินธุรกิจนำเข้ารถหรูจากต่างประเทศ
คุณเต้ เล่าต่อว่า “คุณจักรกฤติ สายสมบูรณ์ หรือ คุณป้อ สามีของเต้ อายุแก่กว่า 6 ปี เป็นรุ่นพี่ของเพื่อน เลยมีโอกาสได้เจอกัน คบกันใช้คำว่าแฟน 6 ปี จึงตัดสินใจแต่งงาน ด้วยโอกาสที่เหมาะสม แล้วเราก็จบปริญญาโทแล้ว อายุก็ 27 แล้ว เหมาะที่จะสร้างครอบครัวได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็โอเค
คุณป้อเป็นหุ้นส่วนที่นี่ ส่วนธุรกิจอื่นๆ ของครอบครัวก็มีร้านซูชิ ชื่อมากุโร่ กำลังอยู่ระหว่างตกแต่ง จะเปิดเดือนพฤษภาคมนี้ที่ ชิค รีพับลิค บางนา และก็มีธุรกิจเสื้อผ้าเปิดช้อปอยู่แถวเอกมัย ร้านชื่อ Ensemble เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า Together แต่กำลังแพลนขึ้นไปอยู่บนห้างในอนาคต โดยใช้แบรนด์นี้เลย เป็นเสื้อผ้าสไตล์ "Smart Casual" เฉพาะผู้หญิงเปิดเมื่อกลางปีที่แล้ว ให้คนดูแลอยู่เป็นการขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป แต่บางชุดสามารถสั่งผลิตได้”
และเมื่อถามถึงการแบ่งเวลาในการใช้ชีวิต ทั้งการทำงานและดูแลครอบครัว “วันเสาร์ และวันอาทิตย์ เต้ไม่ได้ทำงานที่ต้องฟิกซ์เรื่องเวลา ก็อาจจะเข้ามาโชว์รูม ดูลูกค้าพิเศษบ้างบางราย และก็ไปทานอาหารด้วยกัน เดินเล่น รีแลกซ์อยู่บ้าน เล่นกับสุนัขที่บ้าน ตอนนี้เลี้ยงอยู่เกือบ 10 ตัว หลายพันธ์ มี ไซบีเรียนฮัคกี้ ชิบะ เชา เชา ต่างจังหวัดจะไปช่วงเทศกาลหยุดยาวมากกว่า ”
จากสาวแบงค์สู่ธุรกิจรถหรู
สำหรับการเข้ามารับผิดชอบงานในบริษัท สไปเดอร์ ออโต้ อิมพอร์ท จำกัด จากสาวแบงค์ เป็นมาอย่างไร เธอเล่าให้ฟังว่า “สามีเป็นหุ้นส่วนก่อตั้งบริษัทนี้มา 5 ปี คาดว่าจะจัดครบรอบ 5 ปีในไตรมาสที่ 4 นี้ ก็เลยออกมาทำงานที่นี่เต็มตัวเมื่อต้นปีที่แล้ว มาทำด้าน Marketing ความที่เคยมีประสบการณ์จากองค์กรใหญ่มา และช่วงหลังการทำตลาดดิจิตอลมาแรง ผู้บริหารเลยอยากให้มาทำ Marketing ให้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอลมากขึ้น
เข้ามาก็มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมากเหมือนกัน มีการบุกตลาดดิจิตอลหลายอย่าง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เมื่อก่อนโปรดักส์จะใช้สื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งสื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือใหม่ของคนยุคนี้ ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่สามารถทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้
แต่สื่อสิ่งพิมพ์ก็ยังมีความสำคัญ ยังเชื่อว่าเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้อยู่ เพราะถือว่าทำให้เกิดความน่าเชื่อถือเช่นกัน สำหรับสื่อออฟไลน์ก็ไม่ทิ้ง ทำควบคู่กันไปมากกว่า”
แม้จะข้ามสายงานมาจากธุรกิจบัตรเครดิตสู่บริษัทที่เกี่ยวกับรถยนต์ แต่เธอย้ำว่า สนุกกับงานมาก “ พอเข้ามาทำแล้วสนุก ข้ามสายมาจากที่ทำอย่างไรให้คนมาใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของเรา แต่นี่คือ ทำอย่างไรให้คนมาซื้อรถของเรา สิ่งสำคัญคือความสามารถในการให้บริการ เพราะรถที่นี่ราคาสูง บางครั้งเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ ต่างกันหลักแสน หลักล้านก็จ่ายได้ แต่สำคัญคือการบริการ ที่เขาตัดสินใจเลือกเรา และอยู่กับเรา จาก life กลายเป็น love แล้วกลายเป็น royalty ได้”
ด้านการบริหารธุรกิจรถนำเข้า
สาวการตลาด อย่างคุณเต้ เริ่มเล่าให้ฟังถึงธุรกิจรถนำเข้าสุดหรูนี้ว่า “รถที่นำเข้ามามีหลายยี่ห้อ รถ Porsche , Audi , Mercedes Benz , BMW , Lamborghini , Toyota เป็นรถ ออปชั่นเก๋ๆ มากกว่า
บริษัทนำเข้ารถยนต์ปัจจุบัน มีเยอะมาก ที่นี่จึงเน้นความแตกต่างที่การยกระดับทั้งภาพลักษณ์ภายนอกและภายใน สำหรับภายในมีการปลูกฝังแนวคิด ทัศนคติให้กับพนักงาน การให้บริการลูกค้าอย่างจริงใจ
ในแง่ของบุคลากร เน้นที่ความเป็นกลุ่มก้อนของพนักงาน ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก ทุกอย่างต้องเกิดจากภายในก่อน เต้เชื่อว่า องค์กรจะโตแบบยั่งยืนได้ต้องเน้นภายในก่อน ส่วนภายนอกก็คือเรื่องของภาพลักษณ์ เราขายรถหลายล้าน ความน่าเชื่อถือต้องมี ทำเลสถานที่ตั้งของบริษัทฯ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ต้องสามารถตอบโจทย์ให้กับลูกค้าในหลายๆ ด้าน มีแผนกต่างๆ มีการบริการหลังการขายที่ใหญ่ขึ้น ดูแลลูกค้าได้เต็มที่
จุดที่แตกต่างจากที่อื่นคือ รถนำเข้าที่อื่นบางครั้งขายรถอย่างเดียว แต่ไม่ได้คำนึงถึงบริการหลังการขาย แต่สไปเดอร์ ออโต้ อิมพอร์ต คำนึงถึงเป็นอย่างมาก พนักงานมีความเชี่ยวชาญรองรับการให้บริการรถยนต์แต่ละยี่ห้อ เมื่อเข้าซ่อมถือเป็นความรับผิดชอบต่อลูกค้า ต่างจากบริษัทอื่นที่บางเจ้าเป็นเต็นท์รถมาก่อน แล้วก็แค่ติดกระจกติดแอร์ ก็ถือเป็นโชว์รูมซึ่งไม่มีการให้บริการหลังการขาย
ลูกค้าที่เลือกซื้อรถของที่นี่ สามารถสบายใจได้ นอกจากรับซ่อมรถที่ขายเองแล้ว ยังรับซ่อมรถที่ที่อื่นซ่อมไม่ได้ด้วย รับเคลมประกัน ซึ่งแสดงว่า ศูนย์ซ่อมนั้นได้รับมาตรฐานจากบริษัทประกันภัย”
กลยุทธ์ของสาวนักการตลาด
ด้วยธุรกิจนำเข้ารถหรูจากต่างประเทศ มีจำนวนมาก ทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็ก สิ่งสำคัญที่จะเรียกความสนใจและความแตกต่างจากลูกค้าได้นอกจากจะเป็นบริการหลังการขายแล้ว การออกโปรโมชั่นแรงๆ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความสนใจ
สาวนักการตลาด เล่าต่อว่า “ นอกจากการบริการแล้ว ทางบริษัทมีการทำโปรโมชั่น สำหรับรถพอร์ชรุ่นใหม่ การันตีถึง 9 ปี ในตลาดจะดูแลแค่ 1-3 ปี เพราะไม่มีศูนย์ซ่อมของตนเอง
เรามองว่าเป็นความคุ้มในการให้ นอกจากราคาที่ไม่สูงไปกว่าที่อื่น ไม่มีการบวกเพิ่ม แล้วยังสามารถมั่นใจได้ถึงการบริการหลังการขาย ทั้งช่างและอะไหล่ ทั้งเทคนิค เรามีซอฟแวร์พิเศษสำหรับรถพอร์ช เพื่อตรวจระบบไฟ สามารถซ่อมได้ตรงจุด เครื่องนี้มีราคาค่อนข้างสูง น้อยรายที่จะมี ซึ่งเป็นเครื่องซอฟแวร์เฉพาะยี่ห้อ
ซึ่งโปรโมชั่นบริการหลังการขาย 9 ปี สำหรับ รถพอร์ช และรถญี่ปุ่น 3 รุ่น และรถครอบครัวให้โปรโมชั่น 5 ปี ซึ่งกระแสตอบรับค่อนข้างดี”
นอกจากนี้ ยังมีแพลนที่จะออกบูธตามงานต่างๆ ในกลางปีนี้ ซึ่งไม่ได้ไปออกงานโชว์มาราว 2 ปีมาแล้ว เนื่องจากรอโมเดลรถใหม่ๆ จะสามารถนำโชว์ได้และเรื่องของภาษี และข่าวต่างๆ ที่ทำให้ทางบริษัทถูกผลกระทบไปด้วย”
สำหรับด้านแนวโน้มการจำหน่ายรถหรูในปีนี้ คุณเต้ กล่าวว่า “ ปีนี้น่าจะดีขึ้นมาก ข่าวทั้งหลายเริ่มจางออกจากความทรงจำของคนบ้างแล้ว แต่เรื่องของภาษีไม่มั่นใจ อาจจะมีการปรับขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีลง แต่กลุ่มลูกค้าที่ซื้อ เขาก็มีเงินอยู่แล้ว ซึ่งผู้ซื้อจะซื้อเพราะอารมณ์มากกว่า แต่เมื่อของมีราคาแพงขึ้น เหตุผลในการตัดสินใจจะมาก่อนอารมณ์ ทำให้ขายยากขึ้น”
ความฝันที่พร้อมกระโจนลุย
ปัจจุบัน บริษัท สไปเดอร์ ออโต้ อิมพอร์ต ติด 1 ใน 10 ธุรกิจรถนำเข้า แต่เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะหยุดการก้าวไปสู่ตำแหน่งที่ดีกว่า
“ตอนนี้ติด 1 ใน 10 แต่ปลายปีนี้ เราอยากให้เป็น top 3 top 5 ให้ได้ ฝันใหญ่ไม่เสียเงิน (หัวเราะ) อย่างน้อยลูกค้าที่เข้ามาหาเรา เราจะโน้มน้าวอย่างไร จะเน้นกลยุทธ์เรื่องการบริการ เซอร์วิสมายด์ของพนักงาน บริการหลังการขายสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ copy ยากมากๆ ซึ่งบริษัทได้บ่มเพาะมานาน รถทุกวันนี้ซ่อมยากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยระบบไฮบริด ซึ่งช่างจะต้องถูกเทรนนิ่งอย่างสม่ำเสมอ
คนที่ซื้อรถที่นี่ ถ้าเป็นแนวสปอร์ต 2 ที่นั่ง แนวโน้มจะสูงกว่า ถ้าลูกค้าผู้หญิงจะซื้อรถก็จะให้ผู้ชายช่วยตัดสินใจให้ ส่วนถ้าเป็นลูกค้าผู้ชายก็จะเอาคุณพ่อ คุณแฟนมาตัดสินใจ ส่วนใหญ่ มินิพอร์ช บางรุ่น เปิดประทุนผู้หญิงจะชอบมากกว่า
จริงๆ แล้วรถ ยุโรปมีออฟชั่นให้เลือกมากมาย แต่สมัยก่อนยังไม่ถูก educate ว่าเลือกของได้ด้วยหรือไม่ เช่นรถบางยี่ห้อใส่อะไรให้มาก็เลือกตามนั้น โดยไม่เคยรู้ว่ามีออฟชั่นให้ แต่รถยุโรปสามารถทำได้ทั้งคัน
แนวโน้มตลาดรถหรูนำเข้า
ปัจจุบันโชว์รูมรถหรูหลายแห่งปิดตัวลงเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ และปัจจัยทางการเมืองอื่นๆ ซึ่งแต่เดิมมีในตลาดนับร้อยราย จึงเหลือเฉพาะบริษัทตัวจริง ซึ่งถือเป็นการคัดกรองให้กับผู้บริโภค เมื่อถามถึงการลงทุนในธุรกิจแบบนี้ เธอบอกกับ AC NEWS ว่า “.... การก่อตั้งบริษัทนำเข้ารถต่างประเทศ ต้องใช้ทุนมาก รถคันหนึ่งเฉลี่ยราคา 5 ล้านบาท อย่างน้อยต้องมีให้เลือก 5 คัน ก็ 25 ล้านเป็นอย่างต่ำ ยังไม่รวมสิ่งก่อสร้างต่างๆ คิดว่า เงิน 50 ล้านขึ้นไป ถึงจะมีโชว์รูมได้
ในส่วนของบริษัท สไปเดอร์ ออโต้ อิมพอร์ต ผู้ก่อตั้งเป็น ครอบครัว สายสมบูรณ์ มีคุณป้อ – จักรกฤษ สามีเต้ พี่ชายและหุ้นส่วนที่เข้ามาใหม่อีก 2 ท่าน รวมมีกรรมการ 4 ท่าน ชื่อบริษัท สไปเดอร์ มาจากลักษณะของรถเปิดประทุน เหมือนมูนรูฟ ซันรูฟ
คาดว่าจะมีการจัดงานครบรอบ 5 ปีในเร็วๆนี้ค่ะ โดยรถที่นำเข้ามี Porsche , Audi , Mercedes Benz , BMW , Lamborghini , Toyota และรถอื่นที่เขาไม่นำเข้ามา ออฟชั่นสูง ขายตลาดบน แต่ที่เน้นคือ Porsche ราคาเริ่มตั้งแต่ 3 ถึง 20 ล้านบาท
เพราะยอดออเดอร์ที่มีจำนวนมาก ทำให้เราได้รถเร็ว กลุ่มลูกค้าที่มาซื้อจะมีทุกกลุ่ม ค่อนข้างกว้าง ตั้งแต่นักศึกษาไปจนถึง นักธุรกิจ และรถตู้รถครอบครัวที่ราคา 3 ล้านกว่า ลูกค้าที่เข้ามาจะมีหลายแบบ บางคนมาขอข้อมูล บางครั้งก็ศึกษามาแล้วเป็นอย่างดี พอมาถึงก็พร้อมจะจบได้เลย คุยกันเรื่องราคาจบ เซลส์ไม่ต้องอธิบาย”
คุยกับสาวนักการตลาดนำเข้ารถหรู อดไม่ได้ที่จะสอบถามถึงรสนิยมในการขับขี่ของเธอบ้าง
“ถ้าขับเองจะชอบรถประเภท SUV คันใหญ่ ๆ เพราะของเยอะมาก มีทุกอย่างพร้อม บางครั้งสามีก็ขนจักรยานขึ้นไปปั่นกันต่างจังหวัด
เร็วๆ นี้ จะมีรถเด็ดๆ สีเหลือง GT 3 หรือรถที่ลดพลังงาน ความพิเศษอยู่ที่เทคนิค หายากเพราะผลิตมาน้อย และแพงมาก เป็นที่นิยมเก็บ มีมาไทยไม่กี่คัน ขับสนุก สายเรซซิ่ง รู้สึกจะรหัส 911
ให้ถึงหน้าบ้าน ส่วนคนกรุงเทพฯ นอกจากนำเข้าแล้ว เรายังรับรับซื้อรถเก่า สำหรับลูกค้าที่อยากเปลี่ยนคันใหม่ หรือซื้อจากที่นี่ก็รับซื้อคืนเช่นกัน
ลูกค้าที่เข้ามา ถ้ามาจากต่างจังหวัด จะนิยมซื้อเป็นเงินสด มีมาจากทั่วประเทศ เรานำส่งจะนิยมแบบผ่อน ทางบริษัทมีพันธมิตรไฟแนนซ์ แต่ตอนนี้ก็ปล่อยยาก เมื่อก่อนปล่อยทุกคันบวกกับบางธุรกิจเช่นขายตรงไฟแนนซ์จะไม่ปล่อยเลย
ตอนส่งมอบรถเป็นสิ่งสำคัญมาก ดูทุกจุด เปิดห้องเครื่อง ถ้าเบลม เซลส์ผู้ดูแลคนนั้นต้องรับผิดชอบ เซลส์ทุกคนต้องมีบุคลิกดี มีความรู้ดี การพูดคุย มีเซอร์วิสมายด์ ทัศนคติ ความรู้เราสอนได้แต่ต้องดูคนที่ทัศนคติ เพราะส่งผลต่อผู้ร่วมงาน โดยบริษัทจะทำการทดสอบตามแนวทางคำถามก่อน รวมถึงมีการทดลองงานด้วย โชว์รูมเปิดทุกวัน ไม่มีวันหยุด เซลส์ที่นี่จะน่ารักทุกคน จะไม่เคยเห็นว่ามีเซลส์ที่ไหนมานั่งเช็ดรถเอง แต่เขาชอบ”
ตัวตนของสาวการตลาด
จากการสนทนาเผยให้เห็นถึงภาพชีวิตที่เพียบพร้อมสมบูรณ์ ทั้งหน้าที่การงาน ชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ และธุรกิจที่กำลังรุดหน้าไปอย่างมั่นคง AC NEWS เลียบเคียงถามซอกแซกถึงความเป็นตัวตนของเธอบ้าง
“...เป็นคนทำมากกว่าพูด ชอบทำทุกอย่างด้วยตนเองและพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง ทำให้เราได้เรียนรู้และทดลองทำในสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ถึงแม้ปัจจุบันจะถือว่ามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมาก ทำงานค่อนข้างหนัก แต่ก็ทำให้เป็นที่ยอมรับ
รวมถึงชอบที่จะร่วมงานกับคนเก่ง คิดว่าเรื่องวัยไม่เป็นปัญหาในการทำงาน แม้ว่าจะสู้คนที่มีประสบการณ์นานกว่าไม่ได้ เป็นคนมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงในระดับหนึ่ง เมื่อต้องตัดสินใจที่เด็ดขาดก็จะทำ โดยจะตัดสินใจในเรื่องที่เหมาะที่ควร ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร
และชอบการฟังความคิดเห็น แลกเปลี่ยนทัศนคติกับบุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นลูกน้อง หัวหน้างาน หรือแม้แต่กับคุณป้อสามี เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีที่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าตามมา
เต้มองว่า เรื่องความขัดแย้งในการทำงานเกิดขึ้นได้ไม่ว่าทำงานกับใคร แม้ทำงานกับสามี แต่มีข้อดีตรงที่สามารถแลกเปลี่ยนทัศนคติกันได้เร็ว ซึ่งจะไม่ปล่อยให้ปัญหาผ่านไปข้ามวัน”
..... สาวยุคใหม่ ในตำแหน่งผู้บริหารกับภาระหน้าที่ที่มากมาย อดถามถึงการวางแผนครอบครัวบ้างไม่ได้
“เรื่องครอบครัว ก็ตั้งใจไว้ว่า จะมีลูกปีหน้า จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ สมัยนี้มีลูกต้องแพลนหมด เราทำงานด้วย การเลี้ยงลูกคงจะนำแบบอย่างมาจากคุณแม่ที่เคยเลี้ยงมา ขอให้สมบูรณ์ มีสติปัญญาดีก็พอ เราเข้าใจหัวอกพ่อแม่ ว่าเป็นลูกคนเดียว ทั้งคุณป้อและเต้ เป็นลูกคนเดียว เลยคิดว่าอยากจะมีสักสองคนละกัน แต่คงไม่มากกว่านี้”
.... อีกไม่นาน คงได้รับขวัญทายาทตัวน้อยๆ ไปพร้อมๆ กับการเจริญเติบโตของธุรกิจนำเข้ารถยนต์ต่างประเทศที่มีนักการตลาด ชื่อ จิรนุช เจตจรัสกุล เป็นหนึ่งในแรงผลักดัน ....สานฝันและต่อยอดพัฒนายิ่งขึ้นโลดแล่นในวงการรถหรูตลอดไป
ข่าวเด่น