เส้นสายและลวดลาย ผ่านงานสร้างสรรค์ของ “สูทเจ้าคุณ” โดย “คุณต้อยติ่ง - สิริณัฏฐ์ สูงประสิทธิ์”
เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา โลกแห่งภาพยนตร์ได้มีโอกาสสัมผัสกับสุดยอดภาพยนตร์พีเรียดย้อนยุค ‘Phantom Thread’ ผลงานการกำกับของ Paul Thomas Anderson ในเรื่องราวของ ‘ช่างตัดเย็บ (Sartorial)’ ผ่านการแสดงระดับทุ่มเททั้งจิตวิญญาณของ Daniel Day-Lewis สั่งลาอาชีพนักแสดงได้อย่างทรงพลังเป็นที่จดจำในบทบาทได้อย่างไม่อาจมีใครขึ้นเทียบซ้ำสองได้
แต่ก็เช่นเดียวกับบทบาทของตัวเอกในฐานะช่างตัดเย็บ โลกแห่งการดัดแปลงเนื้อผ้าให้มาสู่อาภรณ์นั้น มิใช่แค่เพียงการทำตามรูปแบบที่ถูกกำหนดมาอย่างตายตัว หากแต่เป็นงานที่ลื่นไหลและแปรเปลี่ยนไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และการจะได้มาซึ่งชิ้นงานอันทรงคุณค่านั้น ก็เป็นกระบวนการที่ต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างไม่อาจขาดซึ่งส่วนใดส่วนหนึ่งไปได้ ซึ่ง AC News ก็ได้รับเกียรติ ให้มาร่วมพูดคุยกับ ต้อยติ่ง - สรณัฏฐ์ สูงประสิทธิ์ ทายาทรุ่นที่สองของร้าน ‘สูทเจ้าคุณ’อันเลื่องชื่อมาอย่างยาวนานนับห้าทศวรรษ ในขั้นตอน แนวคิด และก้าวต่อไปของตำนานสูทเจ้าคุณ ที่ละเมียดในทุกตะเข็บ ทุกรังดุม จนนำมาสู่บทสัมภาษณ์ที่ผ่านการกลั่นกรองอย่างดี ไม่ต่างอะไรกับการตัดเย็บสูทชุดหนึ่งให้แล้วเสร็จ ดังที่ผู้อ่านจะได้สัมผัสในวรรคถัดจากนี้ไป
บอกเล่ากล่าวขาน ตำนานแห่ง ‘สูทเจ้าคุณ’
หากจะกล่าวกันถึงร้านสูทเจ้าคุณแล้ว เชื่อว่าจะต้องเป็นที่รู้จักและกล่าวถึงไม่มากก็น้อย จากรุ่นสู่รุ่น ด้วยคุณภาพของงานอันประณีต พิถีพิถันอย่างใส่ใจ และคงคุณภาพได้ในระดับบอกเล่าปากต่อปาก แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมมีจุดเริ่มต้น บทเปิดแห่งตำนานอันยาวนานกว่าห้าทศวรรษ ซึ่งคุณต้อยติ่ง ทายาทรุ่นที่สองก็ได้บอกเล่าในบรรยากาศแสนสบายของช่วงบ่ายพรำฝนของวันนัดสัมภาษณ์
“ตระกูลของเราทำงานด้านตัดเย็บเสื้อผ้ามาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ ซึ่งได้ไปเรียนหลักสูตรดังกล่าวจากประเทศฮ่องกงในช่วงที่ยังเป็นหนุ่มอยู่ และตัดสินใจที่จะมาเปิดร้านเสื้อผ้าของตนเอง” จุดเริ่มต้นอันเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความหมายที่ซ่อนอยู่เช่นเดียวกับการเก็บตะเข็บผ้า เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว ประเทศฮ่องกง ถือได้ว่าเป็นประเทศแถบเอเชียตะวันออกที่มีความทันสมัยในรูปแบบและรสนิยมการแต่งตัวที่วิไล แน่นอนว่างานตัดเย็บสูท อันเป็นเครื่องแบบสามัญสำหรับสุภาพบุรุษนั้น ก็คือหัวใจหลักของวัฒนธรรมแห่งนั้น ในช่วงที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศอังกฤษ
แต่องค์ความรู้สากลได้ถูกนำมาต่อยอดโดยคุณพ่อของคุณต้อยติ่ง เพื่อหาจุดที่เหมาะสมสำหรับชุดสูท ที่สามารถไปกันได้กับสรีระและบริบทของชาวไทยในช่วงเวลานั้นๆ
“คุณพ่อเป็นคนที่ทันสมัยและเนี้ยบมาก โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตัว” คุณต้อยติ่งกล่าว “รวมถึงเป็นคนที่มีความคิดใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ดังนั้น การตัดเย็บสูทและการเปิดร้านครั้งแรกนั้น ก็จะมีแนวคิดที่เป็นพิเศษของคุณพ่อแฝงลงไปเสมอ เป็นความพิถีพิถันที่เกิดจากใจรักโดยแท้จริง”
อนึ่ง ในช่วงแรกเริ่มของกิจการ ในตอนที่ยังไม่มีหน้าร้าน คุณพ่อมักจะไปกลับระหว่างกรุงเทพมหานครและอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งรับงานกับทหารอเมริกันที่เข้ามาในช่วงนั้นเป็นหลักซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมความคิดและมุมมองอันทันสมัยให้กว้างไกลมากขึ้นกว่าเดิม
“ชาวต่างชาติจะค่อนข้างชอบอะไรที่แปลกใหม่ กางเกงขาบาน การตัดกุ๊นรูปแบบแปลกๆ การใช้สีสดๆ เหล่านี้คือสิ่งที่ได้รับมาจากวัฒนธรรมต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาโดยทั้งสิ้นเลยล่ะค่ะ”
อย่างไรก็ดี แม้กิจการตัดเย็บเสื้อผ้าของคุณพ่อและคุณแม่ของคุณต้อยติ่งดำเนินไปได้อย่างมั่นคงและเป็นล่ำเป็นสัน แต่การลงหลักปักฐาน ก็ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของคุณพ่อของคุณต้อยติ่ง และเป็นแรงผลักดันสำคัญที่นำมาสู่ร้าน ‘สูทเจ้าคุณ’ ในเวลาต่อมา
“ช่วงนั้น คุณพ่อจะไปประจำอยู่ที่น้ำพองเพื่อรับออเดอร์ของทหารจากฐานทัพที่นั่น ส่วนคุณแม่จะดูแลอยู่ที่กรุงเทพ จนสุดท้าย คุณพ่อตัดสินใจที่จะมาเปิดร้านอย่างจริงจังที่กรุงเทพ อยากจะลงหลักปักฐานเพราะเราเกิดในช่วงนั้น อันเป็นที่มาของร้านสูทเจ้าคุณในปัจจุบัน”
กระนั้นแล้ว ในช่วงปี พ.ศ. 2510 ร้านตัดเย็บเสื้อผ้าและชุดสูทสากล ก็เริ่มเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย สนองต่อนโยบายของจอมพล ป พิบูลสงคราม ที่จะพัฒนาวัฒนธรรมของสยามประเทศไปสู่ความทันสมัย ซึ่งร้านสูทเจ้าคุณ ก็เป็นหนึ่งในสถานตัดเย็บอาภรณ์ชั้นนำ ที่มีเอกลักษณ์ ไม่เพียงแต่ในส่วนของคุณภาพเสื้อผ้า แต่รวมไปถึงที่มาของชื่อร้าน ที่แปลกต่างออกไปจากร้านอื่นๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน
“ช่วงนั้น ร้านอื่นๆ จะตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษ ให้ดูเป็นสากลค่ะ” คุณต้อยติ่งกล่าวเสริม “แต่ร้านของเราตั้งชื่อเป็นภาษาไทย ก็ทำให้หลายคนประหลาดใจไม่น้อย แต่จริงๆ มันมีที่มาจากชื่อเรือพระที่นั่ง ที่สั่งทำจากต่างประเทศ และได้รับพระราชทานนามโดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า “เจ้าคุณ” คุณพ่อก็เลยเอานามพระราชทานนั้นมาเป็นชื่อร้านเพื่อให้เป็นสิริมงคลค่ะ”
และด้วยแนวคิดที่ทันสมัย การมองโลกที่แปลกต่างแต่สร้างสรรค์ออกไป รวมถึงฝีมือและความประณีตอันไม่อาจประนีประนอม ทุกองค์ประกอบก็พร้อมสำหรับตำนานบทใหม่ การเดินทางครั้งใหม่แห่งชุดสูทและอาภรณ์ ที่จะก้องสะท้อนต่อไปในอีกหลายสิบปีให้หลัง…
เปิดกว้างทางชีวิต ด้วยจิตใจและสายเลือดแห่งร้านตัดเย็บ
“ถ้าถามว่าทำไมถึงสนใจโลกของเสื้อผ้าและการตัดเย็บ ก็คงต้องบอกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรามาตั้งแต่เล็กๆ เลยล่ะค่ะ พวกขั้นตอนการตัดเย็บ สอยกระดุม และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง” คุณต้อยติ่งกล่าว หลังจากที่เราเอ่ยถามถึงสาเหตุและแรงบันดาลใจในการมารับช่วงต่อกิจการร้านตัดสูท ในฐานะผู้บริหารรุ่นที่สอง ที่รับไม้สืบทอดตำนานชุดสูทอันล้ำค่าแห่งนี้
“เราอยู่กับกระบวนการต่างๆ ของงานตัดเย็บมาโดยตลอด มุมมอง ความคิด และความสนใจของเราก็มุ่งไปทางนั้นมาโดยตลอด แม้ว่าจะสำเร็จการศึกษาในคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และไปทำงานที่เรารักอย่างเช่นเป็นแอร์โฮสเตสอยู่เกือบสิบกว่าปีก็ตาม”
หัวใจที่ฝักใฝ่การเดินทาง สายตาที่ปรารถนาจะได้สัมผัสกับโลกกว้าง นำพาคุณต้อยติ่งให้ดำเนินชีวิตในฐานะแอร์โฮสเตสของสายการบินใหญ่เช่น British Airways อยู่เกือบสิบปี แต่กระนั้น คุณต้อยติ่งได้กล่าวเสริมว่า นี่คือรูปแบบชีวิตสองทางที่ต้องดำเนินไปพร้อมกัน
“คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยบังคับกะเกณฑ์นะคะ ว่าถ้าเรียนจบ จะต้องมาสืบทอดกิจการของร้าน ค่อนข้างเปิดกว้างให้เราได้เลือกทำในสิ่งที่ต้องการ แต่ในทางหนึ่ง ก็เน้นย้ำเสมอว่า องค์ความรู้ด้านแฟชั่น และการติดตามเทรนด์สากล จะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ส่วนตัวก็เลยใช้ชีวิตสองทาง เป็นแอร์โฮสเตสทางหนึ่ง และเป็นสื่อกลางของกิจการที่บ้านกับโลกภายนอกอีกทางหนึ่ง”
โลกกว้างใหญ่ เทรนด์การออกแบบที่นำสมัยจากทุกสารทิศ และความเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งการออกแบบ คือพันธะสำคัญของคุณต้อยติ่งที่มีต่อร้านสูทเจ้าคุณไม่ว่าจะทั้งนิตยสารแฟชั่นต่างประเทศ เสื้อผ้าแคตตาล็อก และงานตัดเย็บอาภรณ์ของต่างประเทศ เหล่านี้คือสิ่งที่จะต้องนำติดตัวกลับไปโดยมิได้ขาด
“ในช่วงนั้น เราจะใช้ชีวิตต่างจากเพื่อนๆ แอร์โฮสเตสอยู่ไม่น้อย เพราะพอไฟลท์แตะพื้น เราก็ต้องออกไปดู ไปหา ไปสัมผัส กลับมาบ้านอาจจะได้พักแค่หนึ่งวัน ที่เหลือถ้ายังไม่มีเที่ยวบิน ก็ต้องอยู่ช่วยดูแลที่ร้าน ถามว่าเหนื่อยมั้ย ก็มีบ้าง แต่เราก็รู้ตัวว่านี่คือหน้าที่ แม้จะยังไม่ได้เข้ามาบริหารก็ตาม”
ทั้งหมดนี้ คือช่วงเวลาแห่งการสัมผัสโลกกว้าง และซึมซับเอาปัจจัยแห่งงานออกแบบ ด้วยสายตาของผู้ที่คลุกคลีกับงานด้านตัดเย็บอาภรณ์ ที่จะสะท้อนออกไปในช่วงเวลาที่ต้องมารับสืบทอดกิจการและตำนานแห่งสูทเจ้าคุณที่จะเปลี่ยนไปสู่ยุคสมัยใหม่
ที่ไม่เพียงแต่จะต้องเท่าทันทั้งแฟชั่นและการออกแบบ… แต่หมายรวมถึงการบริหารจัดการเพื่อให้แข็งแกร่งและยั่งยืนในความเปลี่ยนผ่านอีกด้วย
เรียนรู้สิ่งขาด เติมเต็มสิ่งหาย ให้กลายเป็นงานอันสมบูรณ์
มีคำกล่าวว่า งานศิลปะนั้น จะมากจะน้อย ก็มักจะมีปัจจัยที่ถูกสร้างเพื่อ ‘รับใช้ตัวศิลปิน’ เอง อันหมายถึงการสร้างสรรค์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการอันไม่สิ้นสุดทางความคิดและการออกแบบ หากแต่เมื่องานศิลปะจะต้องเป็นสิ่งที่ใช้สำหรับประกอบสัมมาอาชีพแล้ว การรับใช้ศิลปินอาจจะไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่ปลายทางอันมั่นคงสถาพร และนั่นคือเหตุผลหลัก ที่คุณต้อยติ่งตัดสินใจเข้าเรียนเพื่อศึกษาในส่วนที่ร้านสูทเจ้าคุณยังขาดอยู่
“ตอนนั้นเป็นช่วงที่รัฐบาลในปี พ.ศ.2547 มีความต้องการที่จะผลักดันให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองแฟชั่น และเปิดหลักสูตรด้านแฟชั่นโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Bangkok International Fashion Academy,BIFA) ซึ่งหลักสูตรนี้ ไม่ได้เน้นเพียงแค่การออกแบบ แต่ยังรวมไปถึงบุคลากรด้านการศึกษาและผู้ประกอบการ ครอบคลุมไปถึงด้านการบริหารและการตลาด ซึ่งส่วนตัวตัดสินใจเลือกเรียนในฟากของการจัดการ (Fashion Management, FM) เพราะมองว่า แบรนด์แฟชั่นหนึ่งๆ จะไม่สามารถเติบโตได้ ถ้าหากผู้บริหารไม่เข้าใจถึงกระบวนการจัดการที่ถูกต้องเหมาะสม”
ในแง่นี้ ถ้าหากพิจารณาในโลกแห่งแฟชั่นแล้วนั้น เราจะพบกับความจริงที่ว่า หลายครั้ง การออกแบบของศิลปินเพื่อรับใช้ตัวศิลปินเองนั้น ไม่อาจจัดได้ว่าเหมาะสมในด้านเศรษฐกิจ ซึ่งคุณต้อยติ่งก็มองเห็นว่า การออกแบบที่ดี จำเป็นจะต้องพิจารณาถึงปัจจัยและข้อจำกัดให้ถี่ถ้วนรอบด้านให้มากที่สุด เพื่อให้แบรนด์สูทเจ้าคุณสามารถยืนหยัดต่อไปได้
“ตอนที่เรียน อาจารย์ก็จะสอนเลยว่า การตัดเย็บนั้น ทุกอย่างต้องมีประสิทธิภาพ คุณจะตัดผ้าออกมาใช้เท่าไหร่ จะคำนวณราคาต่อหน่วยอย่างไร เสื้อผ้าแบบไหนที่ตลาดกำลังนิยม หรือทำไมบางแบรนด์ในตลาดเดียวกัน ถึงสามารถลดราคาได้ต่ำจนน่าตกใจ เหล่านี้คือสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง”
และจากช่วงเวลาที่ศึกษาในสถาบัน BIFA ผนวกรวมกับการตัดสินใจรับทุนเพื่อไปศึกษาต่อในคอร์สระยะสั้นเกี่ยวกับการตัดเย็บสูทที่ประเทศอังกฤษนี้เอง ช่วยเปิดโลกทัศน์และแนวทางสำหรับการบริหารร้านสูทแบบ Tailor Made ได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่คุณต้อยติ่งจะนำมาวางเป็นแนวทางของร้านสูทเจ้าคุณในเวลาถัดไปได้อย่างมั่นคง
กระนั้นแล้ว หากว่าฟากของนักธุรกิจกับการบริหารจัดการได้รับการพิจารณาอย่างเหมาะสมลงตัวแล้วด้านความเป็นศิลปินนั้น จะอยู่ในอัตราใด? คุณต้อยติ่งกล่าวให้ความเห็นกับทีมงานอย่างสบายอารมณ์
“ไม่ใช่ว่าเราทำแต่สิ่งที่ตลาดต้องการเพียงอย่างเดียวนะคะ” คุณต้อยติ่งกล่าวเสริม “บางครั้ง เราเห็นผ้าสีสวยๆ เนื้อผ้าดีๆ ทรงเครื่องแต่งกายที่น่าสนใจ แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ตลาดต้องการ แต่เราก็อยากจะทำมันออกมาในฐานะช่างตัดเย็บ อย่างน้อยก็เพื่อบ่งบอกถึงความประณีตและฝีมือของเรา และทางเลือกใหม่ๆ ให้กับลูกค้า”
โลกแห่งธุรกิจคือผลกำไรต่อหนึ่งหน่วยการผลิต โลกแห่งศิลปินคือการสร้างสรรค์งานที่ดีที่สุดโดยปราศจากเงื่อนไข ซึ่งสูทเจ้าคุณแห่งยุคใหม่ก็ดูเหมือนว่าจะเข้าถึงสมดุลของทั้งสองทางได้อย่างเทียบเท่าไม่มีส่วนใดขาดเกิน
วิวัฒน์ทุกขั้นตอน ก่อนจะมาเป็นสูทอาภรณ์อันล้ำค่า
อย่างไรก็ดี ขั้นตอนของการตัดชุดสูทหนึ่งๆ นั้น มีมากกว่าแค่การรับออเดอร์จากลูกค้า แล้วตัดเย็บให้เสร็จก่อนนำส่ง หากแต่เป็นการ ‘เดินทาง’ ที่ทั้งผู้ตัดเย็บ และลูกค้า จะต้องทำงานประสานร่วมกันในเกือบทุกขั้นตอน ซึ่งในระยะเวลา 3-4 สัปดาห์ของการรังสรรค์อาภรณ์ก่อนจะสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างนั้น คุณต้อยติ่งก็ได้กล่าวว่า เป็นจังหวะที่จะมองข้ามส่วนใดไปไม่ได้เลย
“แน่นอนว่า ร้านตัดเย็บสูท จะต้องมีหุ่นจำลองกับชุดสูทให้ลูกค้าได้เห็นภาพในเบื้องต้น” คุณต้อยติ่งกล่าว “แต่ในขั้นตอนการตัดเย็บจริงๆ มีรายละเอียดที่มากกว่านั้นมาก เพราะลูกค้าไม่ได้คงรูปร่างแบบเดิมอยู่โดยตลอด ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระยะเวลา จำเป็นจะต้องได้รับการพิจารณาสำหรับช่างตัดเย็บ ที่จะนำมาประกอบกันเป็นตัวสูทจนแล้วเสร็จ”
คำกล่าวนี้มิได้เกินจริงนัก เพราะเนื้อผ้า ขนาดของแขน ความกว้างของลำตัว และส่วนประกอบอื่นๆ ไม่อาจจะคงที่ได้อยู่โดยตลอด การรับข้อมูลจากลูกค้าผ่านการวัดหรือ Measurement อย่างใกล้ชิดคือสิ่งจำเป็น
“ในขั้นแรกสุด ทางร้านจะสอบถามความต้องการของลูกค้า ว่าต้องการชุดสูทไปใช้สำหรับโอกาสใด ก่อนจะแนะนำผ้าและรูปแบบของชุดสูทให้ลูกค้าพิจารณา” คุณต้อยติ่งกล่าวในรายละเอียด “หลังจากลองไปในครั้งแรก ช่างจะทำการตัดเย็บส่วนต่างๆ ก่อนนำกลับไปเสนอลูกค้าว่า ในแบบนี้ ช่างเห็นว่าเหมาะสม แต่ทางลูกค้าคิดเห็นว่าอย่างไร”
แน่นอนว่ากระบวนการเหล่านี้ ย่อมต้องเดินมาพบกันครึ่งทาง ภายใต้ความต้องการของลูกค้า และมุมมองของช่างตัดเย็บ แต่จะมีในบางกรณีเท่านั้น ที่ถ้าหากช่างเห็นว่าไม่เหมาะสมจริงๆ ทางร้านก็จะเข้าไปช่วยแนะนำเพิ่มเติม โดยมีคุณต้อยติ่ง ทายาทรุ่นที่สองของร้าน เป็นคนกลางคอยประสานระหว่างสองส่วนนี้ ให้ดำเนินไปได้อย่างไม่ติดขัด และสามารถนำทางไปสู่การตัดเย็บที่ยอดเยี่ยมเป็นผลลัพธ์ในปลายทางได้อย่างราบรื่น
“มีบ้างเหมือนกันค่ะ ถ้าหากเรามองแล้วเห็นว่า มีจุดที่ไม่เหมาะสมจริงๆ เราก็จะทำการปรับเสริมในจุดนั้นๆ ให้” คุณต้อยติ่งกล่าวเสริม ซึ่งหนึ่งในคุณสมบัติอันเป็นที่กล่าวถึงของสูทเจ้าคุณคือ การเก็บรูปร่างของผู้ใส่ให้ดูภูมิฐาน และเหมาะสมได้อย่างน่าประหลาดใจ
“ลูกค้าหลายรายทีเดียวที่กลับมาบอกเราว่า ใส่สูทจากร้านสูทเจ้าคุณแล้ว ดูดี ไม่มีส่วนห้อยย้อยหรือเกินออกมาเลย” คุณต้อยติ่งกล่าวถึงผลงานด้วยความภาคภูมิใจ ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเด่นที่ทำให้สูทเจ้าคุณ ยังอยู่ในการจดจำและกล่าวถึงของลูกค้า จากรุ่นสู่รุ่นโดยตลอดมา
กระนั้นแล้ว ภายใต้ชั่วโมงชีวิตอันเร่งรีบ สำหรับลูกค้าที่มีความติดขัดไม่สามารถมาร่วมในขั้นตอนการรังสรรค์นั้น ก็เป็นคำถามสำคัญที่ตามมา ว่าทางร้านสูทเจ้าคุณ มีวิธีการใดในการแก้ไขข้อติดขัดดังกล่าว ซึ่งคุณต้อยติ่งเองก็ได้กล่าวเสริมถึงความ ‘ยืดหยุ่น’ ที่ทางร้านได้เตรียมเอาไว้ให้อย่างเสร็จสรรพ
“ทางร้านเข้าใจค่ะ ว่าลูกค้าบางท่านมีธุระติดพัน มีตารางชีวิตแน่นหนาไม่สามารถมาได้ เราก็ได้เตรียมรูปแบบสำเร็จเอาไว้ให้เลือก ว่าถ้าสนใจผ้าแบบนี้ โครงเสื้อสูทแบบนี้ เรามีเตรียมเอาไว้พร้อม เพียงบอก แล้วทางร้านจะดำเนินการตัดเย็บเป็นชุดสูทที่สำเร็จ แต่แน่นอนว่า การมาร่วมในกระบวนการตัดเย็บนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้ข้อมูลที่เพียงพอ และสามารถตอบสนองต่อความต้องการได้อย่างเหมาะสมไม่คลาดเคลื่อน”
ทั้งนี้ การมีตัวอย่างเตรียมไว้สำหรับผู้มาใช้บริการ การประสานงานระหว่างลูกค้าและช่างตัดเย็บที่พร้อมได้สำหรับทุกสถานการณ์ ย่อมบ่งบอกถึงสิ่งหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่งนั่นคือ องค์ความรู้ ประสบการณ์ และการสัมผัสรูปแบบของอาภรณ์อันหลากหลาย ซึ่งคุณต้อยติ่งเองนั้น ก็ได้นำเอาความรู้จากการศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ มาประยุกต์ใช้ เพื่อนำไปสู่ความครอบคลุมรอบด้าน และมุมมองที่หลากหลายในเส้นทางสายแฟชั่น ที่แปรเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง หากแต่ยังคงมีแบบแผนที่สามารถเป็นที่สังเกตได้…
“เทรนด์ของแฟชั่นนั้นเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมันจะวนเวียนไปมาไม่มีที่สิ้นสุด” คุณต้อยติ่งกล่าวเมื่อถูกถามถึงมุมมองที่มีต่อแฟชั่นในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา “ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือเสื้อสูทนี่ล่ะค่ะ เดิมเราเคยนิยมแบบสูทตัวยาว ดูหรู แต่ตอนนี้ เทรนด์เริ่มมาในแบบสูทพอดีตัว เปิดชายเล็กน้อยเหมือนวงดนตรีเกาหลี ซึ่งทางร้านสูทเจ้าคุณก็จะมีเสื้อผ้าเก็บเอาไว้ในสต็อคเป็นแหล่งอ้างอิงอยู่เสมอ”
การอ้างอิงและการสัมผัสกับรูปแบบของเสื้อผ้าที่มากพอ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ร้านสูทเจ้าคุณในการดูแลของคุณต้อยติ่งนั้น ไม่เป็นสองรองใคร จากความเข้าใจในทุกความต้องการ และบริบทที่แตกต่าง สร้างแนวทางไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจของผู้มาใช้บริการ
“ทางร้านมีลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับแวดวงโทรทัศน์ค่อนข้างมาก ฝ่ายเสื้อผ้าของกองถ่ายละครเองก็จะมีความต้องการในระดับหนึ่ง ซึ่งเราอาศัยองค์ความรู้มาช่วยตอบโจทย์ อย่างเช่น ตอนถ่ายทำละครคุณชายจุฑาเทพนั้น เราก็นึกออกเป็นภาพเลย ว่าตัวละครนี้ บุคลิกแบบนี้ ในพีเรียดสมัยรัชกาลที่ 7 เป็นสุภาพบุรุษตระกูลใหญ่ จะต้องใส่สูทสีไหนเข้าคู่กับเนคไทแบบใด นี่คือสิ่งที่เราสามารถตอบสนองให้ได้จากประสบการณ์ที่สั่งสมมา”
และองค์ประกอบอันครบพร้อมในงานตัดเย็บชุดสูทของร้านสูทเจ้าคุณนี้เอง ที่ได้รับการทดสอบครั้งสำคัญ อันเป็นเหตุการณ์ที่น่าประทับใจ และเป็นอีกระดับขั้นของความท้าทายที่ยิ่งกว่างานใดๆ ที่เคยมีมา…
ความประณีตอันไม่ประนีประนอม ที่แม้แต่พระเจ้ายังยอมประทานอภัย
อย่างที่กล่าวไปในหัวข้อก่อนหน้า ว่าร้านสูทเจ้าคุณ นอกจากจะรับงานจากลูกค้าทั่วไปแล้ว ยังได้มีโอกาสรับงานจากกองถ่ายทำละคร ภาพยนตร์ และแวดวงบันเทิงมาโดยตลอด การทำงานร่วมกับฝ่ายคอสตูมที่ต้องแข่งกับเวลานั้น เป็นเรื่องที่อยู่ในความเข้าใจ และความพร้อมของร้านได้อย่างไม่มีปัญหา หากแต่หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญในช่วงเย็นวันหนึ่งนั้น ได้นำพาสูทเจ้าคุณให้บินไกลไปสู่ระดับ ‘สากล’ กันเลยทีเดียว
“ตอนนั้นทางร้านได้รับโทรศัพท์ในช่วงเย็น ว่าจะมีนักแสดงชาวต่างชาติ เข้ามาตัดชุดสูทสำหรับประกอบในภาพยนตร์ เนื่องด้วยตู้คอนเทนเนอร์เสื้อผ้า ไม่สามารถมาส่งได้ทันเวลาใช้งาน” คุณต้อยติ่งกล่าวถึงช่วงเวลาสำคัญ “ซึ่งทางร้านก็มีความคุ้นเคยกับการตัดเย็บเสื้อผ้าสำหรับแวดวงบันเทิง จึงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรมากนัก”
และเมื่อเวลานัดหมายมาถึง นักแสดงหนุ่มต่างชาติรูปร่างกำยำในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ พร้อมผู้ติดตามอีกจำนวนหนึ่งทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ก็ได้เดินทางมายังร้านสูทเจ้าคุณ และสนใจที่จะตัดเย็บเสื้อสูทกับทางร้าน อันเป็นวินาทีที่คุณต้อยติ่งได้รู้ว่า ลูกค้าคนสำคัญที่มาในครั้งนี้ คือใคร
“เราไม่คุ้นหน้ากับนักแสดงรายนี้ ก็เลยสอบถามกับผู้ดูแลชาวไทยว่าคนคนนี้คือใคร จนได้รู้ว่าเขาคือ Ryan Gosling ค่ะ”
นี่คือโมเมนต์ที่ไม่ได้มีมาอย่างง่ายๆ เพราะ Ryan Gosling นักแสดงหนุ่มผู้มีผลงานและชื่อเสียงอันโด่งดังแห่งฮอลลีวูด กำลังต้องการชุดสูทเพื่อใช้ประกอบในการแสดงภาพยนตร์เรื่อง ‘Only God Forgives’ ของ Nicolas Winding Refn ผู้กำกับหนุ่มไฟแรง ซึ่งเป็นที่จับตาอยู่ในขณะนั้น (รวมถึงร่วมแสดงโดยคุณวิทยา ปานศรีงาม นักแสดงระดับชั้นครูของเมืองไทย)
อย่างไรก็ดี โอกาสที่ได้รับ ก็มาพร้อมกับความท้าทายที่สูงยิ่ง โดยเฉพาะในส่วนของเงื่อนไขทางด้านเวลา ที่คุณต้อยติ่งให้ความเห็นกับเราว่า เป็นงานที่หนักหน่วงที่สุดเท่ายิ่งกว่างานใดๆ ที่ร้านสูทเจ้าคุณเคยรับมา
“ทางคุณ Ryan Gosling และทีมงานกองถ่ายเน้นย้ำว่า อยากได้ชุดสูทสำหรับเข้าฉากการแสดงในระยะเวลาที่สั้นมากๆ ซึ่งโดยปกติ ทางร้านจะใช้เวลาในการตัดสูทชุดหนึ่งที่ประมาณสามถึงสี่สัปดาห์ แต่งานนี้ ต้องส่งมอบในเวลาสี่ถึงห้าวัน เราระดมช่างทุกคนให้มาช่วยทำ เพราะความต้องการที่ถูกเร่งเข้ามาเกือบสามถึงสี่เท่า ถือว่าเป็นงานกระชั้นที่ต้องครบถ้วนทั้งเวลาและคุณภาพ เพราะคุณ Ryan Gosling นั้น ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่พิถีพิถันกับการแต่งตัวมาก เป็นคนที่มีรสนิยมคนหนึ่งเลยก็ว่าได้”
งานกระชั้น และความท้าทายขั้นสุดที่ไม่อาจปล่อยให้ความผิดพลาดหลุดออกไปได้แม้แต่จุดเดียว อาจจะเป็นภาระที่สาหัสเกินจะรับไหว แต่ไม่ใช่กับสูทเจ้าคุณ ที่นอกจากจะสามารถส่งมอบงานได้ทันเวลาแล้ว ทางลูกค้าคนสำคัญอย่าง Ryan Gosling เองก็ประทับใจกับผลงานที่ดีเกินกว่าที่คาดไว้อย่างมาก
“ตอนส่งมอบชุดสูทที่ตัดเย็บเสร็จเรียบร้อย ตู้คอนเทนเนอร์เสื้อผ้าส่งมาทันเวลา แต่คุณ Ryan Gosling รู้สึกชื่นชอบกับชุดสูทของทางร้านเรามาก ถึงขั้นที่ขอตัดแบบเดียวกันอีกจำนวนหนึ่งเพื่อใช้ในฉากอื่นๆ ของภาพยนตร์ รวมถึงมอบลายเซ็นที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจ ซึ่งทางร้านก็รู้สึกภูมิใจมาก ที่สามารถทำให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีได้มากกว่าความคาดหวังแรกเริ่ม” คุณต้อยติ่งกล่าวถึงช่วงเวลานั้น
ในจุดนี้ ทีมงานอดสงสัยและอดที่จะสอบถามคุณต้อยติ่งไม่ได้ ว่าเพราะเหตุใด ทางทีมงานกองถ่ายภาพยนตร์ จึงตัดสินใจมาที่ร้านสูทเจ้าคุณ ซึ่งคำตอบที่ได้รับนั้น ก็ดูจะไม่น่าแปลกใจนัก
“เราเองก็สอบถามทีมงานเช่นกัน ว่าทำไมถึงเลือกร้านของเรา ซึ่งเหตุผลนั้นก็มาจากคุณ Ryan Gosling ที่เน้นย้ำว่า ต้องการร้านตัดสูทแบบ Tailor Made ที่ดีที่สุดของประเทศไทย และทีมงานตัดสินใจเลือกสูทเจ้าคุณเพื่อการดังกล่าว และการที่เจ้าตัวเดินทางมาด้วยตัวเอง ก็บ่งบอกชัดเจนค่ะ ว่าเขามีความใส่ใจในรายละเอียดด้านการแต่งกายมากน้อยเพียงใด และยิ่งภูมิใจ เมื่อได้เห็นเสื้อผ้าของเรา โลดแล่นอยู่ในภาพยนตร์ และถูกกล่าวถึงในเครดิตท้ายเรื่อง”
สุดยอดนักแสดง สุดยอดภาพยนตร์ ก็จำต้องได้รับการอำนวยพรแห่งเสื้อผ้าอาภรณ์ในคุณภาพและฝีมือระดับยอดเยี่ยมที่แม้แต่พระเจ้ายังต้องยอมประทานอภัย ไม่มีทางเป็นใดอื่น…
ห้าทศวรรษแห่งตำนาน และการก้าวต่อไปในอนาคตภายภาคหน้า
ในวันนี้ จากจุดเริ่มต้นปี พ.ศ. 2510 จนถึงปัจจุบัน ห้าทศวรรษแห่งตำนานคุณภาพของอาภรณ์จากร้านสูทเจ้าคุณ ได้ถูกส่งมอบต่อไปยังคุณต้อยติ่ง ผู้ที่ถือได้เป็นรุ่นที่สองที่จะก้าวเดินต่อไปในโลกแห่งงานตัดเย็บ แน่นอนว่าความพิถีพิถันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจผ่อนปรน คือหัวใจสำคัญ แต่กระนั้น คำถามหนึ่งที่ไม่อาจเลี่ยงได้ เมื่อสุดท้าย ความเปลี่ยนแปลงแห่งเวลาได้ย่างกรายเข้ามา สูทเจ้าคุณ จะวิวัฒน์ออกมาเป็นไปในรูปแบบใด?
“ตอนนี้เราก็คิดถึงการขยายแบรนด์สูทเจ้าคุณในตลาดที่ราคาถูกลงมา รวมถึงการเปิดเว็บไซต์ที่เป็นหน้าร้าน แต่ก็ยังต้องพิจารณาในส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมค่ะ” คุณต้อยติ่งกล่าวเสริม “แต่ที่ยังไม่ได้ดำเนินการ เพราะเรามองว่า การคิดให้รอบที่สุด ถี่ถ้วนที่สุด ก่อนที่จะนำเสนอออกไปนั้น จะช่วยให้เราสามารถก้าวไปในทิศทางใหม่ได้อย่างมั่นคง ดีกว่าที่จะปล่อยออกไป แล้วต้องกลับมาแก้ไขใหม่ ซึ่งมันจะดูไม่ดีในสายตาของลูกค้า”
ออกจะเป็นแนวคิดที่แปลก เมื่อพิจารณาถึงโลกแห่งการแข่งขันที่รวดเร็วของยุคสมัยที่ความฉับไวของข้อมูลข่าวสารคือหัวใจหลักของหน่วยงาน องค์กร และแบรนด์สินค้าที่พยายามจับจองพื้นที่ล้อไปกับกระแสความเร็ว กระนั้นแล้ว คุณต้อยติ่งก็ยังคงเชื่อมั่นในหนทางของการลงรายละเอียด และละเมียดในทุกส่วนประกอบไม่เปลี่ยนแปลง
“สิ่งที่ทำให้สูทเจ้าคุณยังสามารถคงอยู่ได้ คือมาตรฐานคุณภาพที่ไม่เสื่อมคลาย และความเชื่อถือจากลูกค้า จากรุ่นสู่รุ่น” คุณต้อยติ่งกล่าวอธิบาย “แน่นอนว่าในด้านความรวดเร็วเราอาจจะไม่ได้เน้นมากนัก แต่เราก็ยังคงให้ความสำคัญกับรายละเอียด การบริการ ความใส่ใจ และการดูแลลูกค้าที่เดินเข้ามายังร้าน ให้แน่ใจว่าจะได้สิ่งที่ดีที่สุดกลับออกไป และนั่นคือสิ่งที่ยังคงเชื่อมั่นว่า การส่งมอบตำนานห้าทศวรรษของสูทเจ้าคุณ จะยังคงสามารถเดินต่อไปได้ในเวลาถัดจากนี้”
เวลาเลยล่วงเข้าสู่เย็นย่ำตะวันลับขอบฟ้าหลบหน้าให้กับราตรีกาล การสนทนาของเรากับผู้สืบทอดรุ่นที่สองของร้านสูทเจ้าคุณก็เสร็จสิ้นลง เป็นการไหลลื่นอย่างเนิบช้าแต่ไม่น่าเบื่อ เป็นการเปิดเผยถึงกระบวนการและเนื้อในแห่งชายผ้าที่ประกอบกันเข้ามา เป็นการเดินทางที่มากด้วยรายละเอียด เช่นเดียวกับสูทหนึ่งตัว ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่อาภรณ์สวมใส่ในโอกาสพิเศษ หากแต่เป็นหน้าแรกของบันทึกชีวิต ที่สะท้อนถึงตัวตนของผู้สวมใส่ ไม่ว่าจะในวันนี้ หรือในอีกหลายปีให้หลัง
“สูทเจ้าคุณกล้ารับประกันการปรับแก้ตลอดอายุการใช้งาน” คุณต้อยติ่งกล่าวถึงบริการหลังการขายของร้าน ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่มีใครเหมือน “เพราะเรารู้ดีว่า สูทสำหรับคนหนึ่งๆ นั้น มีความหมายมากเพียงใด และการส่งมอบคุณภาพที่ดีที่สุด ไม่ได้จบสิ้นแค่เพียงหนึ่งงาน หากแต่จะยาวนานจากรุ่น สู่รุ่น และเป็นส่วนหนึ่งของจังหวะชีวิตที่สำคัญ”
ท้ายที่สุดนี้ เมื่อเราถามคุณต้อยติ่งถึงสิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุดที่ทางร้านเคยได้รับจากลูกค้า คำตอบที่ได้รับมาก็ดูไม่น่าประหลาดใจหากจะพิจารณาถึงทุกสิ่งที่ผ่านไปในบทสนทนาชิ้นนี้
“เคยมีลูกค้ารายหนึ่ง เข้ามาตัดสูทในร้านสูทเจ้าคุณ ซึ่งพอเราถามว่ารู้จักร้านเราได้อย่างไร เขาบอกว่า คุณพ่อเป็นคนแนะนำมา เพราะตัดสูทร้านนี้ตั้งแต่สมัยหนุ่มๆเมื่อหลายสิบปีก่อนนี่ล่ะค่ะ คือสิ่งที่เราภาคภูมิใจ”
และเมื่อชิ้นงานหนึ่งๆ สามารถส่งมอบและบอกต่อ ก้าวข้ามผ่านข้อจำกัดของเวลาเมื่อใด นั่นก็มีความหมายเพียงหนึ่งเดียว…
“ว่าสิ่งเหล่านี้ คือผลลัพธ์ของการประสานเรื่องราวและประสบการณ์ ที่เข้มแข็ง และเต็มเปี่ยม หากแต่เรียบง่ายภายใต้เส้นสายแห่งการสร้างสรรค์สิ่งที่สามัญที่สุดเช่นเนื้อผ้าอาภรณ์ เฉกเช่นนั้นเอง…”
Text: สุกฤษฏิ์ บูรณสรรค์
ข่าวเด่น