มีอยู่ไม่น้อยครั้ง ที่เรามองชีวิตของคนคนหนึ่ง แล้วย้อนกลับมาถามตัวเอง ว่าพวกเขาหรือเธอทำอย่างไร จึงมีชีวิตที่รุ่งโรจน์เฉิดฉาย เปล่งประกายประหนึ่งเพชรเม็ดงามแต่นั่นเป็นเพียงผลสำเร็จจากความพยายาม การหล่อหลอม และประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในแต่ละช่วง มีทั้งสุขและทุกข์ ยิ่งเฉิดฉายมากเท่าไร ก็ยิ่งสะท้อนถึงสิ่งที่ต้องพบเจอในแต่ละช่วงเวลามากเท่านั้น และในวาระที่ AC News ก้าวเข้าสู่ปีที่แปด จึงขอนำเสนอชีวิตอันมากไปด้วยสีสัน ของคุณปุ๋ย
ดิศราพร อิศรางกูร ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็คเซส เซ็นเตอร์ จำกัด และ กรรมการบริหาร บริษัท แบรนดาเบิล จำกัด ผู้มีเส้นทางอันน่าสนใจ ที่เราขอนำเสนอในครั้งนี้
คุณปุ๋ย เริ่มเล่าให้ฟังว่า เธอเกิดที่กรุงเทพฯได้ไม่กี่วันที่บ้านก็ได้ย้ายมาอยู่จังหวัดนนทบุรี จึงเรียกได้ว่าเธอเป็นคน 2จังหวัดเธอเป็นลูกสาวคนโตของ คุณดำเริงฤทธิ์ และ คุณวลีรัตน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา มีน้องชาย 2คน คือ คุณป้อม ดุลยฤทธิ์ และ คุณป๊อก ดิศพงษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ซึ่งที่บ้านเลี้ยงดูแบบเข้มงวดตามแบบฉบับของคนไทยโบราณ อาจเป็นเพราะเธอเป็นลูกลาน 2สายราชสกุล คือฝั่งคุณปู่หม่อมหลวงดำรัส เป็นสายเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ ต้นราชสกุล อิศรางกูร และ ฝั่งคุณย่า ประไพ เป็นสายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ ต้นราชสกุลกุญชร ผู้เป็นเจ้าของวังบ้านหม้อ
คุณพ่อ ดำเริงฤทธิ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
คุณแม่ วลีรัตน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
จากคุณหนู สู่โลกแห่งเพชร 18 กะรัต
ทุกอย่างมีจุดเริ่มต้น และจุดเริ่มต้นของคุณปุ๋ย กับวง 18 กะรัตพร้อมคุณดำ ก็มาจากปี 2528 ที่คุณพ่อ ซึ่งในวงการ เรียกท่านว่า "อาจารย์ดำเริงฤทธิ์" ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าของ "บริษัท ดีน่า เอนเตอร์ เท็นเม้นท์ จำกัด" ทำธุรกิจด้านบันเทิง อาทิ เป็น เจ้าของรายการ โทรทัศน์ทางช่อง 3 ชื่อรายการ ท็อปสตาร์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ รายการ เสาร์สแควร์ ทางช่อง 9 เป็นผู้จัดคอนเสิร์ตทั้งไทย และต่างประเทศ รวมทั้งเป็นผู้จัดการวงดนตรี อีกหลายวง อาทิ "วงฟอร์เอฟเวอร์" โดยมี ดำ- วิรุฬ สกุลทรัพย์ไพศาล เป็นนักร้องนำ ซึ่งร้องใน "อัลบั้ม 18กะรัต" คู่กับ "ปุ๋ย" วงสเตทเอ๊กซ์ เพรส ซึ่งมี หมู-ชูชาติ ทองประดิษฐ์ เป็นนักร้องนำและเคยร้องใน "อัลบั้ม 18 กะรัต" คู่กับ สุนิตย์ นภาศรี วงเดอะแบงค์ ที่มีกุ้ง-ตวงสิทธิ์ เรียมจินดา เป็นนักร้องนำ ก่อนจะเข้า วงเพื่อน วงไมโคร ก่อนที่จะมาทำเพลงไทยกับ "แกรมมี่" ซึ่งในความตั้งใจแรกเริ่มของอาจารย์ดำเริงฤทธิ์ที่มีกับคุณปุ๋ยนั้น ก็ไม่ใช่ในรูปแบบดังที่เกิดขึ้น
“คุณพ่อดูแลเราแบบหวงลูกสาวมาก จะเรียกว่าเป็นคุณหนูเลยก็ว่าได้” คุณปุ๋ยกล่าวถึงช่วงเวลาดังกล่าว “คือเราได้ตามคุณพ่อไปดูงาน ดูขั้นตอนการผลิต เพื่อที่จะได้มาสืบทอดหน้าที่ แต่การใช้ชีวิต การเรียน และอื่นๆ นั้น คุณพ่อเป็นคนวางเอาไว้ทั้งหมด จะเรียนวิชาอะไร จะทำอะไร เรามีหน้าที่ทำตามแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
โชคดี ที่คุณวิเชียร อัศววิเศษศิวะกุล เจ้าของค่าย มองเห็นศักยภาพในตัวคุณปุ๋ยและคุณดำ ประกอบกับมีโครงการจะทำเพลงคู่อยู่แต่เดิม จึงได้ให้ร้องเพลงคู่ ‘ลากับจิ้งหรีด’, ‘สัตว์โลกผู้น่ารัก’ และ ‘มนุษย์’ ซึ่งเป็นเพลงที่สร้างชื่อเสียงให้กับคุณปุ๋ยและคุณดำ รวมถึงวง 18 กะรัตเป็นอย่างมาก
แต่แน่นอนว่าทุกอย่างก็ยังอยู่ในการดูแลของคุณพ่ออย่างเข้มงวด...
“ด้วยความหวงลูกสาวมาก คุณพ่อก็เลยตั้งเงื่อนไขว่า ไม่เอาเพลงเกี่ยวกับความรักนะ เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ” คุณปุ๋ยกล่าวเสริม เมื่อเสาหลักจากไป ชีวิตที่ใช้ จึงต้องแกร่ง
แต่ถ้าความไม่แน่นอนคือสัจธรรมของชีวิต สิ่งที่คุณปุ๋ยต้องเผชิญก็ถือว่าสาหัสมากๆ เมื่ออาจารย์ดำรงฤทธิ์ถึงแก่กรรมด้วยอายุเพียง 41 ปี นับเป็นโมเมนต์ที่เคว้งคว้างที่สุดเลยก็ว่าได้
“การที่คุณพ่อไม่ได้เลี้ยงเรามาแบบที่ให้คิดหรือตัดสินใจอะไร เพราะเขาไม่ได้คิดว่าจะจากไปเร็ว มันเหมือนแพแตกเลยนะ” คุณปุ๋ยกล่าว“คือเราเองก็เคว้ง ยังมีน้องๆ ที่เรียนอยู่ คุณแม่ก็เป็นแม่บ้าน ไม่รู้ว่าจะทำอะไรยังไงต่อดี”
หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากสำหรับบ้านของคุณปุ๋ยทั้งบริษัท ดีน่า เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ทำธุรกิจด้านการผลิตศิลปินกำลังเริ่มขยายธุรกิจ แต่เนื่องจากไม่มีใครในครอบครัวรู้เรื่อง ธุรกิจเลยจึงไม่มีใครสานต่อจนต้องปิดตัวลง ต้องทำงานคนเดียว รับภาระเรื่องรายได้ ทุกอย่าง ค่าใช้จ่าย ค่าเรียนน้องอีก 2 คน จากชีวิตที่ ถูกเลี้ยงแบบ "คุณหนู" ต้องมาปรับตัวใหม่ แต่ เมื่อเราต้องมาเป็นหลักให้ที่บ้านดังนั้นเราจะท้อไม่ได้ จึงเป็นผลดีให้เราฮึดสู้ต่อ แล้วเราก็ได้รับรู้ว่า คุณพ่อ ต้องเหนื่อยกับการเป็นหัวหน้าครอบครัวเพียงใด
นี่จึงนับเป็นจังหวะที่ลูกคุณหนูจะต้องแกร่งขึ้น รับผิดชอบมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า ความสนิทสนมกับคุณดำแห่งวง 18 กะรัต ถือเป็นแรงบันดาลใจอย่างหนึ่งที่พาให้คุณปุ๋ยผ่านช่วงเวลาลำบากมากได้
พูดถึงเพื่อนสนิท ดำ วิรุฬ สกุลทรัพย์ไพศาล
“เพื่อน” คือคนสำคัญในชีวิต กว่าจะหา “เพื่อนแท้” ที่จริงใจ เข้าใจและคอยอยู่เคียงข้างเราเสมอนั้นมันยาก ดังนั้น เราควรรักษา “มิตรภาพ” ดีเหล่านี้ให้คงอยู่ตลอดไป…
“ดำ” เป็นนักร้องนำวงฟอร์เอฟเวอร์ สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนโยนออฟอาร์ค และคณะมนุษยศาสตร์ สาขาดนตรีสากล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่นชม “ดำ” ตรงที่เขาไม่ยึดติดกับชื่อเสียงแม้ในช่วงที่เขาดังมากเขาเป็นนักร้องนำระดับแถวหน้าของเมืองไทย ก็ยังทำตัวธรรมดา ง่ายๆสบายๆ จนเวลาผ่านไป 22-23 ปีแล้วก็ยังสามารถปรับตัวให้อยู่กับปัจจุบันได้
“ดำ” แกร่งมาก คือทำงานเป็นเสาหลักให้กับครอบครัวมาโดยตลอด ทำงานได้เงินมาก็เอาให้ที่บ้าน จนคุณพ่อเกือบจะรับดำมาเป็นลูกบุญธรรม เราก็รู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่เราต้องฮึดสู้ขึ้นมาให้ได้ ทั้งเพื่อตัวเอง เพื่อน้องๆ และเพื่อคุณแม่” คุณปุ๋ยกล่าวถึงช่วงเวลานั้น
โอกาสจากคนใกล้ตัว
โชคดีสำหรับคุณปุ๋ย ที่หลายสิ่งที่คุณพ่อทำไว้ให้ยังพอหลงเหลือให้สานต่อ รวมถึงความเมตตาที่ได้จากคุณวิเชียรแห่งนิธิทัศน์ ที่ให้โอกาสอย่างมากมายเพื่อพาให้ผ่านพ้นมรสุมต่างๆ ไปได้
“คุณวิเชียรให้ความเมตตากับเรามาก ให้โอกาสจัดรายการโทรทัศน์ คุณวิทยา ศุภพรโอภาส ได้ให้โอกาสจัดรายการวิทยุ รวมถึงการได้ไปเล่นละครกับทางกันตนา ต้องถือว่าเราโชคดีมากๆ”
หากจะนับประสบการณ์ในแวดวงบันเทิงหลังจากอาจารย์ดำรงฤทธิ์ถึงแก่กรรมไป ต้องถือว่านี่เป็นโอกาสแห่งการต่อสู้และโลดแล่น กลั่นองค์ความรู้ของคุณปุ๋ยอย่างมาก จาก 18 กะรัต ก็มาเล่นละครของ ค่ายกันตนา โดย พี่อี๊ด-เสริมเวช ช่วงยรรยง วงรอยัลสไปรท์ พาไปฝากกับ พี่ ตุ๊กตา-จิตรลดา กัลย์จาฤก ละครเรื่องแรกที่ได้เล่น คือ "กว่าจะสวมหมวกขาว" พี่โอ๋-ฐาปกรณ์ ดิษยนันทน์ เป็น ผู้กำกับ หลังจากนั้นก็มีละคร อีกหลายเรื่อง อาทิ "ลอดลายมังกร" เวอร์ชั่น คุณนพพล, คุณปรียานุช และ คุณอภิรดี แสดงนำ "น้ำเซาะทราย" ที่ คุณปรียานุช คุณศรัณยู และ คุณสินจัย แสดงนำ "ผู้ชายไม้ประดับ" "ผีกุ๊กกิ๊ก" และ ละครมินิซีรี่ส์ อื่นๆ
นอกนั้นก็มีงานพิธีกร และเป็นนักจัดรายการวิทยุ โดยมี คุณวิทยา ศุภพรโอภาส และ คุณมัจฉา เป็นอาจารย์เทรนให้ เรียกว่าได้ทำมาครบทุกอย่างด้านหน้าจอ หน้าเวที หลังจากนั้น ก็หันมาทำงานทางด้านพีอาร์ ให้กับ บริษัท ลูกทุ่ง เอฟเอ็ม และเริ่มรู้สึกสนุกกับงานพีอาร์ และเป็นจุดเริ่มต้นเปลี่ยนจากการเป็นศิลปินเข้าสู่วงการ พีอาร์มากว่า 20 ปี
สู่ผู้บริหาร AC News
จากการโลดแล่นในแวดวงบันเทิง รวมถึงงานด้าน PRมาโดยตลอด มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย ว่าจุดเริ่มต้นของคุณปุ๋ย ที่กระโดดเข้ามาในแวดวงข่าวอย่างสำนักข่าว AC News นั้น มีที่มาที่ไปอย่างไร
“มันเริ่มจากการที่รู้จักกับพี่อ้อ คุณอัชณา จิณณวาโส ที่ผ่านสายงานทางด้านการข่าวมาโดยตลอด และเรามี บริษัท แอ็คเซส เซ็นเตอร์ จำกัด ที่เป็น Consult ด้านPR อยู่แล้ว พอถึงจุดหนึ่ง ที่เทคโนโลยีมันเข้ามา เราก็เริ่มกลับมาคิดกับพี่อ้อว่า เราน่าจะทำสำนักข่าวออนไลน์ เราเริ่มในช่วงที่เป็นการเปลี่ยนผ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์มาสู่สื่อออนไลน์ ควรจะต้องลงมือทำในขณะที่สื่อออนไลน์ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น”
แน่นอนว่าการเข้าหาสิ่งใหม่ที่แตกต่างจากแนวทางดั้งเดิมนั้นไม่ง่าย ซึ่งการจัดการและดำเนินงานอย่างเป็นระบบก็ต้องถูกนำมาใช้ อันเป็นแนวทางที่ AC News เลือกใช้เพื่อเข้าหาโลกใบใหม่นั้นๆ
“เราอาจจะไม่ได้เชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยี เราก็หาคนที่ทำเป็นมาช่วย และอาศัยประสบการณ์ของเรากับพี่อ้อที่สะสมมา ช่วยเติมเต็มในจุดขาดนั้นๆ”
จากจุดเริ่มต้นง่ายๆ ใน Social Media สู่ความสม่ำเสมอ และกลายมาเป็นสำนักข่าวออนไลน์ที่องค์กรต่างๆ ให้การยอมรับ สู่ปีที่แปดอย่างมั่นคง และมั่นใจ
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายถึงการหยุดอยู่กับที่ ท่ามกลางความท้าทายอย่างมากมายของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่เข้ามา
“จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคิดอยู่ตลอดนะ ว่าจะทำอย่างไร เราจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้ วันนี้เราอาจจะเหมือนประสบความสำเร็จ แต่คนที่พร้อมทั้งเรื่องทรัพยากรบุคคลและเงินทุนก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราจะทำอย่างไรให้องค์กรขนาดเล็กนี้ ให้เป็นที่รู้จักและเชื่อมั่น ส่วนหนึ่งโชคดีที่เราเองก็ทำงานสาย PR ซึ่งก็ช่วยในจุดนี้ได้ค่อนข้างมาก”
โครงการที่ภูมิใจอย่างหาที่สุดมิได้
"แสงเทียนบันดาลใจ"เป็นโครงการที่ทางบริษัทได้รับพระบรมราชานุญาตให้ดำเนินการจัดทำหนังสือป็อบอัพบรรจุ MP3 บทเพลงพระราชนิพนธ์ 2 ภาษา และยังมีภาพเขียนที่ถ่ายทอกมาจากบทเพลงพระราชนิพนธ์ โดยฝีมือการวาดของ อ.ไพรวัลย์ ชัยรัตน์ จิตรกรสีน้ำ จัดทำขึ้นเพื่อหารายได้มอบให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ซึ่งใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานถึงสองปีกว่าที่จะผ่านการตรวจจากสำนักพระราชวังค่ะ และ เมื่อปลายปี 60 ก็ได้จัดคอนเสิร์ตใหญ่ ชื่อเดียวกับโครงการ แสดง ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งมีผู้ใหญ่ระดับประเทศหลายท่าน ศิลปินแห่งชาติ ผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรต่างๆ ให้ความกรุณามาแสดงด้วย ซึ่งเป็นความภูมิใจอย่างหาที่สุดมิได้ค่ะ
ซานต้าคิดส์ ทูตน้อยเพื่อเพื่อนผู้ด้อยโอกาส
งานหนึ่งที่น่าสนใจของคุณปุ๋ยที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลา 13 ปี แล้ว คือโครงการ “ซานต้าคิดส์ ทูตน้อยเพื่อเพื่อนด้อยโอกาส” ซึ่งยังคงดำเนินงานและมอบสิ่งดีๆ ให้กับสังคมมาโดยตลอด และจุดเริ่มต้นนั้น ก็นับว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก
“ยอมรับว่าได้ไอเดียมาจากสโมสรผึ้งน้อย ที่ผลิตเยาวชนจากรุ่นสู่รุ่น เราก็พยายามดู เริ่มต้นซานต้าคิดส์จากเวทีประกวดขึ้นมาก่อน” คุณปุ๋ยกล่าวถึงที่มาที่ไปของโครงการ“แต่พอมาดูในส่วนของการประกวด เราพบว่ามันไม่ใช่ทางของเราเสียทีเดียว เพราะเรามาแนวกิจกรรมเพื่อสังคม ก็เลยต่อยอดให้หลากหลายขึ้น เช่น พาซานต้าคิดส์ไปทำเวิร์คช็อป ให้มีความรู้ติดตัวไปในอนาคต”
เมื่อถามถึงที่มาที่ไปของชื่อโครงการซานต้าคิดส์ ก็เป็นอีกเรื่องราวที่น่ารักน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
“เริ่มจากการที่เราอยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อสังคมนะ แล้วเรามองย้อนกลับไปว่า เด็กๆ บางคนขาดโอกาสที่จะได้รับสิ่งดีๆ ในขณะที่อีกกลุ่มสามารถจัดงานคริสต์มาส มีของขวัญ ได้สิ่งต่างๆ เราก็มาคิดว่า ทำไมเราไม่พาเด็กที่มีโอกาส ไปมอบสิ่งที่ดีๆ รวมถึงทำกิจกรรมดีๆ เพื่อสังคมให้กับเด็กผู้ด้อยโอกาสเหล่านี้บ้าง นี่จึงเป็นที่มาที่ไปของโครงการซานต้าคิดส์ ทูตน้อยเพื่อเพื่อนผู้ด้อยโอกาสค่ะ”
ความโปร่งใสก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่คุณปุ๋ยให้ความสำคัญกับโครงการดังกล่าวเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อเป็นกิจกรรมที่มีเด็กๆ มาเกี่ยวข้อง ภาพลักษณ์และการดำเนินงานก็เป็นจุดที่ต้องพึงระวัง
“คือดูหมดนะ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของกิจกรรม หรือสปอนเซอร์ที่เข้ามา ต้องแจกแจงรายละเอียดยิบย่อยว่าเงินที่ได้มา เราเอาไปใช้ในส่วนใดบ้าง”
ท่ามกลางเศรษฐกิจและสังคมที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่โครงการซานต้าคิดส์ก็ยังคงดำเนินการมาได้ถึงปีที่ 13 เป็นข้อตอกย้ำว่ากิจกรรมเพื่อสังคม ก็ยังคงอยู่ในความคิดและความตั้งใจของหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กก็ตาม
ส่วนตัวไม่ได้คิดว่าจะจัดกิจกรรมเพื่อให้มีเงินหรือกำไรเข้ามานะ การลงมือทำอย่างจริงจังให้เห็นเป็นรูปธรรม ก็เป็นอีกปัจจัยที่มีส่วนช่วยให้โครงการซานต้าคิดส์สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น เป็นการส่งมอบสิ่งดีๆ เฉกเช่นเดียวกับซานตาคลอสผู้มอบสิ่งต่างๆ ให้แก่เด็กๆ โดยไม่แบ่งแยก
สามสิบปีกับแวดวง และหนทางที่จะก้าวต่อไปของคุณปุ๋ย
ในปัจจุบัน คุณปุ๋ยดูแลกิจการอยู่ 2 บริษัท บริษัทแรก เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็คเซส เซ็นเตอร์ จำกัด รับงาน Consult PR จัด Eventต่างๆ รวมทั้ง ดูแลด้านการวางสื่อประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้า มีทั้งงานของภาครัฐและเอกชน
และที่เป็นกิจกรรม ของบริษัทเองก็มี ซานต้าคิดส์ ทูตน้อยเพื่อเพื่อน ด้อยโอกาส ซึ่งเป็นกิจกรรม CSR อีก นอกจากนั้นก็ยังผลิตรายการท่องเที่ยว ชื่อรายการ GO..pa..? และรายการแนวเศรษฐกิจ ส่วนอีกบริษัท คือ บริษัท แบรนดาเบิล จำกัด เป็นหนึ่งในหุ้นส่วน และรับตำแหน่ง กรรมการบริหาร สำนักข่าว AC NEWS และเร็วๆนี้ก็ยังมีแผนที่จะจัดคอนเสิร์ตร่วมกับทายาทบริษัทใหญ่อีกด้วย (ขอเผยแค่นี้ก่อน)
ส่วนคุณดำ เปิดร้านอาหาร ‘นภา’ อยู่ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย และเตรียมจะเปิดสาขาที่สอง และกลับมาเมืองไทยบ้างเป็นพักๆ ซึ่งความสัมพันธ์ของคุณปุ๋ยและคุณดำยังคงแนบแน่นสนิทสนมกันเป็นอย่างดี และมีแต่จะมากขึ้นตามระยะเวลา
“เรายังคุยกันอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องธุรกิจ หรือเรื่องโครงการต่างๆ อาจจะสนิทมากกว่าเดิมด้วยซ้ำเพราะด้วยวัยที่โตขึ้น” คุณปุ๋ยกล่าว
เมื่อถามคุณปุ๋ยว่าเคยคิดอยากจะเปิดค่ายเพลงหรือรวมตัว 18 กะรัตกลับมาอีกครั้งหรือไม่ ก็ได้คำตอบว่ามีความเป็นไปได้ แต่ยังติดขัดด้วยปัจจัยต่างๆ อยู่ไม่น้อย
“สมัยนี้ใครก็เป็นศิลปินกันได้ แต่การจะเปิดค่ายเพลง เรื่องลิขสิทธิ์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่ต้องพิจารณากันให้เหมาะสม จะทำก็คงต้องรอบคอบ ดูแลในทุกขั้นตอน” คุณปุ๋ยกล่าวเสริม
มาถึงจุดนี้ สามสิบปีแห่งการเดินทางในแวดวงต่างๆ มานับไม่ถ้วน เราก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าแนวคิดใดที่คุณปุ๋ยเลือกใช้ ในการพิจารณา ทั้งชีวิตกับการทำงาน
“ส่วนตัวใช้ศิลปะในการนำทางนะคะ คือให้ศาสตร์และศิลป์นำทางของมันไป มันจะมีความรู้สึก มีความสร้างสรรค์สวยงาม ให้มีความสะดุดตา รวมถึงธรรมาภิบาล ที่เราไม่เอาเปรียบใคร ซึ่งทุกคนที่ทำงานกับเราจะรู้ว่าเราต้องดูแลผู้ร่วมงานแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา และที่สำคัญคือ ขอให้มีความมุ่งมั่น ขยัน และอดทน ที่สำคัญต้องรักในงานที่ทำ รับรองว่าเราจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”
อย่างที่เรากล่าวไปก่อนหน้า ว่าเพชรที่ส่องประกายเฉิดฉายงดงามนั้น ย่อมผ่านการคัดกรองอย่างถึงที่สุด ซึ่งประสบการณ์ของคุณปุ๋ย ดิศราพร อิศรางกูร ณ อยุธยาที่เราได้ร่วมรับฟังกันในครั้งนี้ ก็เป็นข้อตอกย้ำความจริงดังกล่าวได้เป็นอย่างดีว่ากว่าที่จะมาถึงวันนี้ เธอผ่านสิ่งใดมาบ้าง
เพชรเม็ดงามที่ล้ำค่า ที่ผ่านการเจียระไนและแรงต้านอย่างแข็งแกร่ง ที่ยังคงโลดแล่นในวงการ "ปุ๋ย ดิศราพร"
ขอขอบคุณภาพจาก นิตยสาร เธอกับฉัน และ นิตยสาร คิดถึง
ข่าวเด่น