ถือเป็นผู้หญิงแถวหน้าอีกคนที่ได้มีโอกาสได้รับผิดชอบหน้าที่สำคัญในองค์กรใหญ่หลายองค์กร สำหรับ ''คุณเจี๊ยบ สุดจิตตรา คำดี''  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานสื่อสารภาพลักษณ์องค์กร และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เพราะตลอดชีวิตการทำงานเธอมีสิ่งท้าทาย มาให้พิสูจน์ความสามารถของเธอโดยตลอด จริง ๆ แล้วเรียกได้ว่าท้าทายตั้งแต่สมัยเรียนเลยก็ว่าได้

ชีวิตในวัยเรียน

คุณเจี๊ยบ เริ่มเล่าเรื่องชีวิตในวัยรุ่นของเธอให้ AC NEWS ฟังว่า “สมัยมัธยม เรียนที่โรงเรียนประดู่ทรงธรรม หลังจากนั้นก็เอ็นทรานซ์ ติดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าเรียนในคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ช่วงที่เรียนก็มีโอกาสได้รับเลือกเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ 2 ปี  ปีแรกได้เป็นลีดฯ ปีที่ 2 ได้เลื่อนเป็นหัวหน้าลีด"

ช่วงที่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าลีด คุณเจี๊ยบบอกกับ AC NEWS ว่า “ถือเป็นช่วงเวลาที่สนุกแต่ก็มีความกดดันค่ะ เพราะต้องมีวินัย ต้องรู้จักการอยู่ร่วมกัน และต้องมีความอดทน เนื่องจากการเป็นลีดฯไม่ได้ง่ายเลยนะคะต้องมีการฝึกหลายอย่าง ทั้งเรื่องบุคลิกภาพ การเป็นผู้นำ และการทำงานร่วมกับคนอื่น

เมื่อได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าลีดฯ ก็ต้องสอนน้องๆ สมัยก่อนการเป็นลีดฯค่อนข้างลำบาก เพราะเสื้อผ้ามีชุดเดียว ต้องวิ่งรอก ทำให้ทุกคนต้องมีวินัย  มีความรักความสามัคคี เนื่องจากเราต้องทำงานภายใต้ความกดดัน  เพราะกว่าจะเป็นเชียร์ลีดเดอร์ได้ เราใช้เวลาซ้อมกันเป็นปีค่ะ” เราสังเกตได้ว่าเมื่อคุณเจี๊ยบเล่าถึงชีวิตในช่วงนี้สีหน้าเธอดูมีความสุขมาก

เธอเริ่มเล่าต่อว่า  การได้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ทำให้เราได้เรียนรู้การทำงานร่วมกัน ได้ทำกิจกรรมต่างๆ เพราะถ้าเรียนอย่างเดียวก็จะไม่รู้ว่าการได้ทำงานร่วมกันเป็นอย่างไร จากประสบการณ์ที่ได้รับทำให้มีแบงก์เอกชนมาทาบทามให้ไปทำงานด้วย พอพ่อกับแม่รู้ก็ดีใจ เพราะอยากให้ทำงานธนาคาร

เข้าทำงานครั้งแรก

หลังจากเรียนจบธรรมศาสตร์ คุณเจี๊ยบ ได้เริ่มเข้าทำงานที่ธนาคารกสิกรไทย ในส่วนของงานประชาสัมพันธ์  หลังจากได้รับการเชื้อเชิญจากผู้บริหารของธนาคาร  ซึ่งจบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เหมือนกัน

"ตอนนั้นได้เข้าไปทำงานงานพีอาร์  ของแบงก์กสิกรไทยมี พี่ดารณีย์ ตันชัยสวัสดิ์ อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (แต่ตอนที่คุณเจี๊ยบพูดถึงท่านดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและองค์การสัมพันธ์ ธนาคารกสิกรไทย) เป็นหัวหน้า และเป็นเจ้านายที่ให้ความรู้เกี่ยวกับงานพีอาร์ต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีพี่ใหญ่ เขมทัตต์ พลเดช และอีกหลายท่านช่วยให้ความรู้เกี่ยวกับสื่อต่างๆและการเขียนข่าว  ตอนนั้น คุณแม่คิดว่าเราน่าจะทำได้จนถึงเกษียณ เพราะเป็นงานที่มีความมั่นคง  แต่อยู่มาได้ 7 ปี  เราคิดว่าการทำงานเริ่มวน เลยมองหางานใหม่ และได้งานเป็นบริษัทเงินทุน"

เปลี่ยนฟิลในการทำงาน

หน่วยงานต่อมาที่คุณเจี๊ยบได้เข้าร่วมงาน คือ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ สินเอเซีย  หลังจากได้รับการติดต่อให้เข้าไปช่วยเซ็ตอัพทีมพีอาร์  ทำได้ 1 ปี ก็ได้รับการติดต่อจากคุณธีรพจน์ จรูญศรี (เจ้าของกลุ่มจุลดิศ) เพื่อเข้าร่วมงานกับ บริษัท จุลดิศ ดีเวลลอป จำกัด การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือได้ว่าคุณเจี๊ยบได้เปลี่ยนฟิลในการทำงานเลยก็ว่าได้  เพราะตลอดระยะกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เธอได้ทำงานในวงการพีอาร์สายการเงินมาโดยตลอด  แต่มาครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เธอได้ก้าวเข้าสู่วงการพีอาร์สายอสังหาริมทรัพย์

"พอได้ไปทำงานกับ “กลุ่มจุลดิศ” คุณเจี๊ยบก็ได้เรียนรู้เรื่องอสังหาริมทรัพย์  ได้เข้าไปดูในเรื่องของมาร์เก็ตติ้ง ได้ทำในส่วนของการจัดคอนโด  จัดห้องตัวอย่าง สมัยก่อนคนเป็นพีอาร์ต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงไปทุกที่ ต้องเข้าไปคุยกับทุกสื่อ วิธีดังกล่าวทำให้พีอาร์กับสื่อมีความเป็นกันเอง มีความเป็นเพื่อน มีอะไรก็ช่วยเหลือกันจนถึงปัจจุบันนี้"

แต่ในมุมมองของเธอสิ่งที่ขาดเสน่ห์ของการทำพีอาร์ในยุคปัจจุบัน คือ ความเป็นกันเอง เพราะปัจจุบันมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำให้การทำงานง่ายขึ้น  แค่ส่งอีเมล์ หรือส่งไลน์ก็สามารถส่งข่าวหรือสิ่งที่เราอยากจะสื่อสารกับสื่อมวลชนได้แล้ว  เราพยายามบอกน้องๆในทีมเสมอว่า การทำงานพีอาร์ที่ดีต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน 

ทำงานอยู่กับกลุ่มจุลดิศได้ 7 ปี ก็เกิดปัญหาฟองสบู่แตก

แม้ว่าจะเกิดปัญหาฟองสบู่แตก ส่งผลให้หลายธุรกิจประสบปัญหาทางการเงิน  แต่สำหรับธุรกิจสื่อฯถือว่ายังไปได้  เพราะการเกิดขึ้นของสถานีโทรทัศน์ ITV ทำให้คุณเจี๊ยบ ได้มีโอกาสเข้าไปทำงานพีอาร์  ตอนเริ่มเข้าไปที่ ITV คุณสุทธิชัย หยุ่น เป็นคนสัมภาษณ์ 

พอได้เข้าไปทำงานก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับวงการสื่อ โจทย์ของการทำงานตอนนั้น คือ ทำอย่างไรให้ ITV เป็นสถานีข่าวของประชาชน ถือเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก บางคนอาจจะสงสัยว่าเป็นสถานีโทรทัศน์แล้วยังต้องทำพีอาร์ด้วยอีกหรือ จริงๆแล้วการทำพีอาร์สถานีต้องสแตนบายตลอดเวลา อย่างกรณี มีเหตุยิงกัน โจร เขาไม่ไปมอบตัวที่สถานีตำรวจนะคะ  แต่เข้ากลับมาสถานีโทรทัศน์ หรือเวลามีม็อบเราก็ต้องเป็นด่านหน้าไปรับม็อบ ออกไปพบไปเจรจา พอมีเหตุการณ์แบบนี้เราก็ต้องเป็นตัวกลาง เป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นนะคะ

งานตื่นเต้นก็มี งานสวยงามก็มา

อีกงานที่ได้รับมอบหมายและทำให้คุณเจี๊ยบ ประทับใจกับการได้ทำงานใน ITV  คือ การจัดประกวดนางสาวไทย  โดยไม่ใส่ชุดว่ายน้ำ เกณฑ์การตัดสินการประกวดตอนนั้น จะเน้นไปที่คนสวยและฉลาด ซึ่งผู้ที่ชนะการประกวดในปีแรกที่มีการเปลี่ยนเกณฑ์การตัดสินในรูปแบบดังกล่าว คือ บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ตามด้วยนุ้ย สุจิรา อรุณพิพัฒน์   หน่อย พนิตพิมพ์ สิทธิพงศ์ (ชื่อเดิม ปฏิพร สิทธิพงศ์) และหมิง อรินทร์มาศ บุญครองทรัพย์

คุณเจี๊ยบ เล่าว่า โจทย์ของการปั้นคนเมื่อได้รับตำแหน่งนางสาวไทยแล้วในตอนนั้น คือ เราต้องบริหารจัดการเด็ก  เราต้องวางตัวเขาว่าจะไปทางไหน  สร้างให้เขาเกิดในวงการบันเทิง และต้องพยายามหาพื้นที่ในวงการให้เขาอยู่หน้าจอให้ได้นาน ซึ่งก็มีหลายคนที่ปัจจุบันยังอยู่ในวงการบันเทิงไม่ว่าจะเป็นบุ๋มปนัดดา นุ้ย สุจิรา หรือหมิง อรินทร์มาส

กลับสู่วงการการเงิน

หลังจากสะสมประสบการณ์ได้ 7 ปี  คุณเจี๊ยบ ก็ได้กลับเข้าสู่วงการการเงินอีกครั้ง ด้วยการเข้าไปร่วมงานกับบริษัท แคปปิตอล โอเค จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลของกลุ่มชิน หลังจากจัดการฟอร์มทีมพีอาร์ให้กับ แคปปิตอล โอเค ได้ประมาณ 2-3 ปี เธอก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานกับ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ด้วยการเชื้อเชิญจากคุณขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในสมัยนั้น

คุณเจี๊ยบเล่าว่า "ก้าวแรกของการได้เข้าไปร่วมงานกับ ธอส. เริ่มจาก คุณขรรค์  เป็นคนโทรมาถามว่าสนใจทำพีอาร์กับ ธอส.มั้ย เราก็รับโทรศัพท์แบบงงๆ และรู้สึกว่าผู้ใหญ่ให้ความกรุณาและให้เกียรติเรามาก จึงตอบกับคุณขรรค์ไปว่า ลองดูก็ได้ค่ะ ตอนนั้นมี พี่หมี อภิวัฒน์ ปุณโณปกรณ์ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ซึ่งตอนนี้ พี่หมี ดำรงตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายการประชาสัมพันธ์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ไปแล้ว

เริ่มทำงานกับ ธอส.ในช่วงปี 2550 จนถึงปี 2558  อ.สรรค์ชัย เตียวประเสริฐกุล เจ้านายสมัยที่อยู่ ITV ก็มาชวนให้ไปทำงานกับเบอร์ลี่ยุคเกอร์ "

“ในช่วงนั้นเหมือนกับชีวิตเรายังไม่นิ่ง พลังงานเยอะ ยังอยากหาประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ พอสิ่งไหนที่ดูท้าทายก็อยากเรียนรู้อยากลองแก้ปัญหาจึงเป็นเหตุให้ได้ไปร่วมงานกับ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)” ถือเป็นอีกหนึ่งครั้งที่คุณเจี๊ยบ ได้เปลี่ยนฟิลการทำงานจากสายการเงินสู่วงการธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค การได้เข้าไปร่วมทำงานกับ คุณอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (บีเจซี) คุณเจี๊ยบ บอกว่า “ทำให้มีความรู้เพิ่มขึ้นเพราะเบอร์ลี่ยุคเกอร์เป็นบริษัทอินเตอร์  และมีสินค้าหลากหลาย การได้เข้าร่วมงานกับบริษัทในเครือของ “คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี” ได้เรียนรู้อะไรมากมายจริงๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการทำงาน หรือการใช้ชีวิต 

ซึ่งคุณเจริญ  นับว่าเป็นนักธุรกิจระดับประเทศ แต่ท่านกลับใช้ชีวิตเรียบง่ายและธรรมดามาก คุณหญิง วรรณา สิริวัฒนภักดี ภรรยาของท่าน ก็เป็นคนจิตใจดี  เวลาเราไปบ้านของท่าน  ท่านจะสั่งให้แม่บ้านทำอาหารที่อร่อยที่สุดให้ทาน บางครั้งก็เดินตักอาหารให้ ทั้งที่ท่านไม่จำเป็นต้องลงมาทำอะไรแบบนี้ก็ได้ ถือเป็นความประทับใจสำหรับเรามาก

หลังจากนั้น คุณเจี๊ยบ ก็เริ่มคิดถึงวงการธนาคาร และได้กลับเข้าทำงานกับ ธอส.อีกครั้งในปี 2559  ซึ่งตอนนั้น ธอส.กำลังสรรหาผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร กลับมาคราวนี้เพียงเวลาแค่ 1 ปี คุณเจี๊ยบ ก็ได้โปรโมทขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานสื่อสารภาพลักษณ์องค์กร  

คุณเจี๊ยบ บอกว่า รอบนี้ต้องแอคทีฟตลอดเวลา เนื่องจาก คุณฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. เป็นคนหนุ่มที่ทำงานเร็ว คิดอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา ถือเป็นการทำงานที่สนุกและท้าทายตัวเองตลอดเวลา เนื่องจากโลกเปลี่ยนไปแล้ว โดยเฉพาะตัวเทคโนโลยี 

แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวแปรในการทำงาน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะทำให้คุณเจี๊ยบผ่านมันไปไม่ได้ เพราะการทำงาน คือ การแก้ปัญหา ทุกปัญหามีทางออก

อยากให้ทุกคนทำงานด้วยความสุข เติมพลังบวกให้กับตัวเองและคนรอบข้าง

“ทุกวันนี้ประตูห้องทำงานของเราไม่เคยปิด เปิดประตูตลอด น้องคนไหนมีปัญหาอะไรมาคุยกันได้ตลอด  เพราะเราอยากให้ทุกคนทำงานด้วยความสุข  เพราะฉะนั้น แผนกของเราซึ่งปัจจุบันมีลูกน้องอยู่ประมาณ 70 คน แต่ทุกคนจะทำงานแบบสามารถพูดคุยกัน แชร์ไอเดียกัน เพราะเราถือว่าการสื่อสารของคนในองค์กรที่ตรงกันมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

เพราะเราคิดว่าไม่ว่า คุณจะเป็นใครมาจากไหนทุกคนก็จะมีความต่าง คิดต่าง เห็นต่างกัน แต่เมื่อมาอยู่ร่วมกัน ทุกคนควรทำงานเพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือการทำประโยชน์ให้กับองค์กร ให้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

นอกจากนั้นในยุคนี้บุคคลากรในองค์กรควรจะต้องมีความเป็น Creative แบบฝรั่ง คิดนอกกรอบ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ คิดแก้ไขปัญหา แต่ต้องมีความละเอียดรอบคอบแบบญี่ปุ่น และอ่อนน้อมยิ้มแย้มแบบคนไทย เพื่อสร้างมิตรภาพที่ดีในการทำงาน

ในเรื่อง Mindset นั้นต้องเป็นคนคิดบวก เพิ่มพลังบวกให้กับตนเอง และคนรอบข้าง เติมพลังซึ่งกันและกัน คิดให้ต่าง คิดให้คม คิดที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ อย่าละเลยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่ากลัวไปก่อนควรสร้าง Passion ในการทำงาน และอย่าคิดว่าตัวเองชนะหรือประสบความสำเร็จไปแล้ว เพราะจะทำให้หยุดเรียนรู้และก้าวถอยหลัง 

คุณเจี๊ยบ พูดถึงตัวเองว่า “เป็นคนคิดบวก ไม่ค่อยคิดลบกับตัวเอง เพราะถ้าเราคิดลบคนที่อยู่รอบข้างเราก็จะห่อเหี่ยวไปด้วย  คติของเรา คือ ทุกคนต้องทำงานอย่างมีความสุข  เพราะเราเคยไปเจอเจ้านายที่คิดลบ เลยบอกกับตัวเองว่าถ้าเราได้เป็นเจ้านายเราจะไม่ทำแบบนี้  เราจะทำให้ทุกคนมีความสุข ทำให้ที่ทำงานเหมือนบ้านอีกหลังของพวกเขา”

พาองค์กรของ ธอส. ก้าวไปสู่ความสำเร็จ 

งานนี้การันตีด้วยรางวัล TQM - Best Practices 2019 ที่จัดโดยมูลนิธิทีคิวเอ็ม ในประเทศไทย กลยุทธ์ที่ทำให้คุณเจี๊ยบ พาองค์กรของ ธอส. ก้าวไปสู่ความสำเร็จ  ด้วยการรับรางวัลต่างๆ คือ กลยุทธ์ 3C ประกอบด้วย “Content” การทำคอนเทนต์ด้วยการกำหนดคอนเทนต์ที่สำคัญ “Chanel” เราต้องเข้าถึงทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ และ “CEO” ผู้บริหารระดับสูงทุกคนต้องสามารถสื่อสารและให้ข่าวได้  ยิ่งตอนนี้การแข่งขันรุนแรง ทำให้เราต้องทำงานเกือบ 24 ชั่วโมง  เพราะเราต้องตามสถานการณ์ต่างๆ ให้ทัน และต้องชิงพื้นที่ข่าวให้ได้มากที่สุด

ด้วยความที่คุณฉัตรชัย (กรรมการผู้จัดการ ธอส.) เป็นคนที่ “ฉีกแนว คิดต่าง” เลยทำให้ ธอส. ยุคนี้มีอะไรใหม่ๆ ออกมาตลอด  ล่าสุดก็มีการออกสลากใบละล้าน  พอเอ็มดี คิดงานออกมาแล้วฝ่ายสื่อสารองค์กรก็ต้องคิดตาม  ว่าจะสื่อสารออกไปอย่างไรให้คนสนใจมาซื้อสลาก  ก็เลยต้องมีการประชาสัมพันธ์ข่าวออกไป ซึ่ง ธอส. ไม่ได้มีแค่ลูกค้าสินเชื่อเท่านั้น แต่มีกลุ่มลูกค้าเงินฝากด้วย เลยทำให้สลากใบละล้านได้ผลการตอบรับดี เพราะเป้าหมายของการทำสลากใบละล้านขึ้นมา คือ การระดมเงินคนรวยมาช่วยผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง หรือคนที่อยากมีบ้าน

ความสุขแบบเรียบง่ายในครอบครัว

ทำงานหนักขนาดนี้  เลยอดไม่ได้ที่จะถามคุณเจี๊ยบว่า แบ่งเวลาให้กับครอบครัวอย่างไร  เธอตอบว่า ถ้าอยู่บ้านไม่ได้ไปไหนก็จะทำอะไรทานกัน  ถ้ามีเวลาว่างก็จะไปเดินห้าง  แต่ถ้ามีวันหยุดยาวก็จะไปท่องเที่ยวสถานที่ใกล้ๆ กรุงเทพฯ อย่างเขาใหญ่  พัทยา หรือไม่ก็หัวหิน

คุณเจี๊ยบมีลูกสาว 1 คน สามีเป็นตำรวจ  ลูกจะเป็นคนที่มีระเบียบวินัยมาก  เพราะถูกฝึกมาแบบตำรวจตั้งแต่เด็ก ๆ แบบว่าต้องเข้านอน 2 ทุ่ม พอถึงเวลา 2 ทุ่ม ต้องหลับตาแล้ว จะหลับหรือไม่หลับก็ต้องหลับตาไว้ก่อน พอพ่อเขาตึงด้วยความที่เป็นตำรวจ  เราก็เลยต้องหย่อน เลี้ยงลูกแบบเพื่อน เพื่อให้เขาได้รีแลกซ์ เขาเลยกลายเป็นคนดี มีวินัย  และขยัน ดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี ทั้งที่เป็นลูกคนเดียว

ก่อนหน้าที่จะมีน้อง “พริมโรส” ธิดาสรวง  คำดี  เธอเล่าว่า  ได้พบรักกับ พล.ต.ต.สุภธัช คำดี  รองจเรตำรวจ (สามี) ตั้งแต่สมัยเรียนปี 1 คบหาดูใจกันผ่านเพื่อนสนิท  จีบกันด้วยการเขียนจดหมายส่งหากัน ดูใจกัน 7 ปี ก็แต่งงาน ตอนนั้นทำงานอยู่ธนาคารกสิกรไทย อายุประมาณ 24 ปี  แต่มามีลูกตอนอายุ 34 ปี 

ชอบสะสมพอร์ชเลน บางชิ้นมีอายุเกือบ 100 ปี

อีกหนึ่งไลฟ์สไตล์ของคุณเจี๊ยบ  ที่จะอดพูดถึงไม่ได้ คือ การสะสมตุ๊กตาพอร์ซเลน  ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 40 ตัวแล้ว นอกจากตัวตุ๊กตา ถ้วย ชาม และชุดชงชาพอร์ชเลน บางชิ้นมีอายุเกือบ 100 ปีเลยทีเดียว

“เริ่มสะสมตุ๊กตา และชุดถ้วยพอร์ชเลนต่างๆ มาตั้งแต่ปี 2555 ส่วนใหญ่จะเป็นการสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์  ราคาแต่ละชิ้นก็มีความแตกต่างกัน เพราะสินค้าประเภทนี้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ตอนนี้เริ่มหยุดสะสมแล้ว  เพราะคิดถึงตอนน้ำท่วม ขนย้ายยากมาก และสามีก็บอกว่า  ถ้ามีน้ำท่วมอีกขนของใครของมัน”

แม้ว่าจะมีหลากหลายบทบาทให้ต้องรับผิดชอบ แต่คุณเจี๊ยบ ก็ทำทุกหน้าที่ได้เป็นอย่างดี  และในช่วงท้ายของการสนทนา เธอก็ยังอดพูดถึงเรื่องงานไม่ได้  “ขอฝากธนาคาร ธอส. ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ ธอส. ยังคงเป็นธนาคารที่ทำให้คนไทยมีบ้าน มีบริการเงินฝาก มีสลากให้ลุ้นรางวัล  ซึ่งหน้าที่หลักของเรา ยังคงเป็นธนาคารที่ให้สินเชื่อกับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางที่อยากมีบ้านในอัตราดอกเบี้ยต่ำ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของพวกเราที่ทำงานนี้"

และนี่คือเรื่องราวในชีวิต ของผู้หญิงเก่งคนนี้ “สุดจิตตรา คำดี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานสื่อสารภาพลักษณ์องค์กร และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)”