Special Report : "รถยนต์ EV" อาจเข้ามาแทนที่รถยนต์สันดาปได้เร็วกว่าที่คิด จากการร่วมมือสร้าง Ecosystem ที่รัดกุมในทุกภาคส่วน


 

 

ในช่วง 2-3 ปีมานี้ ผู้อ่านหลายๆ คนคงสังเกตได้ว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV เริ่มเป็นที่พูดถึงกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในปีนี้ บทบาทของรถยนต์ EV เริ่มเข้ามามีอิทธิพล และเข้าใกล้คนในสังคมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งการวางขายในประเทศอย่างเป็นทางการในปีนี้ ที่เราได้เห็นรถยนต์ EV ใหม่ๆ ตัวเป็นๆ โลดแล่นอยู่บนท้องถนนมากขึ้น แผนการเปิดตัวรถยนต์ EV ของค่ายรถสัญชาติต่างๆที่มีการทยอยประกาศกันออกมา หรือจะเป็นการที่ Tesla แบรนด์รถยนต์ EV สัญชาติอเมริกันที่อยู่ภายใต้การขับเคลื่อนของมหาเศรษฐีระดับโลกอย่าง Elon Musk ก็มีการซุ่มจดทะเบียนบริษัทในไทยเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาอีกด้วย จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตามองว่า อนาคตที่อุตสาหกรรมยานยนต์จะเปลี่ยนผ่านจากการใช้รถยนต์สันดาปไปเป็นรถยนต์ EV นั้น อาจมาถึงเร็วกว่าที่คิด


จริงอยู่ที่ยังมีข้อกังวลถึงเรื่องของ Infrastructure หรือ โครงสร้างพื้นฐาน ที่ยังไม่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับคนที่ขับรถยนต์ EV ได้เท่ากับคนที่ใช้รถยนต์สันดาป หรือรถที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมัน ซึ่งพบเห็นเป็นเรื่องปกติบนท้องถนนมาอย่างยาวนาน มีสถานีเติมน้ำมัน สถานที่ซ่อมบำรุงที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ อีกทั้งมีผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ที่เข้ามารองรับความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุของรถประเภทดังกล่าวอีกด้วย แต่ความเคลื่อนไหวของ Infrastructure ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า มีทิศทางที่พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ และยังเป็นไปอย่างเชิงรุกอีกด้วย ทั้งจากที่รัฐบาลทั่วโลกที่ต่างมีภารกิจหลักในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม แนวคิด ESG (Environment,Social and Governance) ที่ภาคธุรกิจให้ความสำคัญว่าจะดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน ก็มีส่วนสนับสนุนการใช้รถ EV เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว หรือต้นทุนของแบตเตอรี่ที่ถูกลงก็ยิ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่ายรถทยอยผลิตรถยนต์ EV ออกมากันเต็มไปหมด

และสิ่งที่พูดถึงไม่ได้เลยที่จะทำให้ Ecosystem ของการใช้รถ EV นั้นมีความสมบูรณ์ ก็คือเรื่องของสถานีชาร์จไฟฟ้า ที่เป็นแหล่งพลังงานให้กับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า เหมือนกับคนขับรถยนต์สันดาปที่จำเป็นต้องแวะเข้าปั๊มน้ำมันเพื่อเติมเชื้อเพลิงให้กับรถ ในฝั่งของประเทศไทย คนส่วนใหญ่อาจจะยังมีความกังวลในเรื่องของแบตเตอรี่ เพราะสถานีชาร์จไม่ได้มีการกระจายไปทั่วประเทศ เฉกเช่นปั๊มน้ำมัน การที่จะหันมาใช้รถยนต์ EV อาจจะเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก หากผู้ใช้อาศัยอยู่ในต่างจังหวัด ซึ่งไม่มีสถานีชาร์จรองรับเท่ากับหัวเมือง หรือการจะใช้รถเดินทางไปต่างจังหวัด ก็มีความกังวลว่าจะหาที่ชาร์จไม่ได้ เหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นสิ่งที่คอยฉุดรั้งไม่ให้คนในสังคมเปลี่ยนผ่านไปใช้รถยนต์แบบ EV แต่ในตอนนี้กลุ่มธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) ในไทยก็มีการดำเนินธุรกิจเชิงรุกที่จะขยายสถานีให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น อย่างบริษัทสตาร์ทอัพพลังงานสัญชาติไทยที่ชื่อ EVolt ผู้อยู่เบื้องหลังการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้กับรถยนต์หลายค่ายในไทย ในปีนี้จะมีการขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าให้ครบ 300 แห่ง โดยเลือกสถานที่ที่ตรงกับวิถีชีวิตของผู้คน เช่น ในปั๊มน้ำมัน อาคารสำนักงาน ร้านอาหาร หรือ ห้างสรรพสินค้า และวางแผนที่จะขยายไปยังต่างจังหวัดในอนาคต ส่วนทางด้านของบริษัท SHARGE ผู้ให้บริการเครื่องชาร์จที่เน้นน้ำหนักไปที่ Resident Charging ก็จะมีการลงทุนสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 100-200 แห่ง เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับคนที่อยู่ตามคอนโดให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

 
 
 
ยิ่งไปกว่านั้น "ไทยพาณิชย์ โพรเทค" หรือ SCB Protect ก็มีการเปิดตัว ประกันรถยนต์ EV โดยมีการรวมพลังกับ 12 พันธมิตรธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าทั้ง 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มให้บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า (Car Rental / Car Sharing) EVme, SIXT, HAUP กลุ่มสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) และเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) EA Anywhere, on-ion, SHARGE, EV MALL, CHOSEN, EVolt, PROMPTCHARGE และกลุ่มซ่อมบำรุงรถยนต์ (Car Maintenance) FIT Auto, COCKPIT รวมถึงการสนับสนุนจากหน่วยงานสินเชื่อรถยนต์ธนาคารไทยพาณิชย์ (Auto Finance) และธุรกิจบัตรธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งก็เป็นการรวมตัวเสริมสร้าง Ecosystem ของรถยนต์ EV ในไทยให้มีความแข่งแกร่งขึ้นมากจากผู้เล่นรายใหญ่นับจากนี้ ที่จะดึงให้คนหันมาเปิดรับกันมากขึ้นเรื่อยๆ
 
 
 
 
รถยนต์ EV นั้นเติบโตขึ้นทั่วโลก โดยในช่วงปี 2019-2021 ยอดขายรถยนต์ EV ทั่วโลกเติบโตเฉลี่ยถึง 70% และในปี 2022 นี้ก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอีก โดยในบ้านเรางาน Motor Show ครั้งที่ 43 ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มียอดจองรถยนต์รวม 33,936 คัน ซึ่งในจำนวนนี้ มียอดจองรถยนต์ EV สูงถึง 3,000 คัน หรือคิดเป็น 10% ของยอดจองรถภายในงานทั้งหมด จากที่ปี 2021 ข้อมูลของกรมขนส่งทางบก ได้รายงานว่าในปีดังกล่าวทั้งปีมีการจดทะเบียนรถยนต์ EV อยู่ที่ 3,994 คัน และทาง ttb analytics ก็คาดว่ายอดขายรถยนต์ดังกล่าวในไทยจะพุ่งแตะ 63,000 คัน หรือโตขึ้น 48% สวนทางกับรถยนต์เครื่องสันดาป ที่คาดว่าจะหดตัวลง 8.8% เพราะมีแรงเสริมจากการสนับสนุนของภาครัฐที่มีการปรับลดภาษีรถยนต์ EV รวมถึงข้อมูลจาก EIC ก็ยังมีการคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ EV ในไทยจะขยายตัวปีละ 17.6% ในช่วงระหว่างปี 2022-2023 อีกด้วย

ถึงแม้จะยังมีข้อกังขาจากทาง KKP Research ที่มีการประเมินสวนทางว่าตั้งแต่ปี 2022-2025 ยอดขายรถ EV ทั่วโลกจะเติบโตช้าลงมาก จากที่เติบโตเฉลี่ย 70% จะลดลงเหลือเพียงปีละ 30% ต่อปี ด้วยเหตุผลของแร่ลิเทียม ส่วนประกอบหลักของการผลิตแบตเตอรี่รถ EV จะผลิตไม่ทัน เพราะการผลิตรถ EV 1 คัน ต้องใช้แร่ลิเทียมเฉลี่ย 9 กิโลกรัม แต่เทคโนโลยีปัจจุบันสามารถผลิตแร่ลิเทียม 1 แสนตันต่อปี เพียงพอต่อการผลิตรถ EV ได้ประมาณ 11 ล้านคันต่อปี ขณะที่ยอดขายของรถยนต์สันดาปทั่วโลกตกอยู่ปีละ 80 ล้านคันต่อปี นั้นเท่ากับว่ายอดขายรถ EV จะไม่เติบโตจนมาเป็นกระแสหลักได้ หากยังพึ่งเทคโนโลยีเดิม หรือแบตเตอรี่แบบเดิม อย่างแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออนอยู่

แต่ล่าสุดทางบริษัท SVOLT ผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ EV สัญชาติจีน บริษัทลูกของของค่ายรถยนต์ GWM ได้มีการพัฒนาแบตเตอรี่แบบ Solid-State ซึ่งมีความเหนือกว่าแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน ทั้งความจุของแบตเตอร์รี่ที่มากกว่า (แบตของ SVOLT ทำให้รถยนต์สามารถขับเคลื่อนได้ถึง 1,000 กม./1ชาร์จ) อัตราการอัดประจุไฟฟ้าที่ชาร์จเต็มเร็วกว่า ความปลอดภัย อายุการใช้งาน และการควบคุมความร้อนของเซลล์แบตเตอรี่ที่ทนต่ออุณหภูมิได้มากกว่า โดยที่ส่วนประกอบในแบตอาจมีการเปลี่ยนไปใช้โลหะอื่นแทนลิเทียมตามการซุ่มพัฒนาของบริษัท อีกทั้งในฝั่งญี่ปุ่นอย่าง TOYOTA ก็มีการทุ่มเงินจำนวน 5.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการลงทุนด้านแบตเตอรี่สำหรับรถ EV เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

จะเห็นได้ว่าในตอนนี้ถนนทุกสายกำลังมุ่งเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์แบบไฟฟ้า กฎระเบียบ และ Movement จากภาคธุรกิจต่างๆ ดูจะลงล็อคและส่งเสริมการใช้รถยนต์ EV กันอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะยังมีข้อกังขาว่าคนจะเปลี่ยนจากการใช้รถยนต์สันดาปที่คุ้นชินกันมาอย่างช้านานจริงเหรอ แต่ก็อย่าลืมว่าที่ผ่านมาการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ที่ผู้คนระดับ Mass เกิดการยอมรับมันเกิดขึ้นในระยะเวลาที่เร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งรถยนต์ EV ก็อาจจะเป็นอีก 1 เทคโนโลยีที่ทำให้คนส่วนใหญ่ในโลกเกิดการเปลี่ยนผ่านภายในระยะเวลาไม่ถึง 5 ปีนับจากนี้

LastUpdate 24/07/2566 21:58:58 โดย :
กลับหน้าข่าวเด่น
22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 12:12 am