Scoop : Apple เปิดตัว "Vision Pro" ทำหุ้นพุ่งแตะสถิติ All Time High


 

งาน WWDC (Worldwide Developers Conference) หรือ งานประชุมของเหล่านักพัฒนาซอฟแวร์ประจำปีของบริษัท Apple ที่มีการเปิดเผยถึง ซอฟต์แวร์ และผลิตภัณฑ์ใหม่ของทาง Apple ที่เปิดฉากแรกเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา Apple ได้เปิดไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งก็คือแว่น AR Headset ที่ชื่อว่า “Vision Pro” เป็นการประกาศตัวอย่างเป็นทางการว่า Apple จะก้าวมาเป็น 1 ใน Candidate ที่สำคัญในโลกเสมือน หรือ Virtual Reality ในอนาคตข้างหน้านี้

 
 
 
โดย Vision Pro ซีอีโอของ Apple อย่าง Tim Cook ได้นิยามแว่น AR ตัวนี้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์แบบ Spatial หรือการประมวลผลที่ผสานโลกจริงเข้ากับโลกเสมือน ซึ่งคุณสมบัติของ Vision Pro ก็เหมือนกับฮาร์ดแวร์ของทาง Apple เลย สามารถท่องโลกอินเตอร์เน็ต ถ่ายรูปถ่ายวีดีโอ คอลประชุมสาย ใช้แอพลิเคชั่นจากทาง App Store เล่นเกม รวมถึงการดูคลิปวีดีโอ หรือดูหนังในประสบการณ์ใหม่ที่สามารถขยายหน้าจอให้กว้างถึง 100 ฟุต จากมุมมองแว่นของ Vision Pro อีกทั้งยังมีระบบเสียงรอบทิศทางขั้นสูง  เสมือนกับว่าดูในโรงภาพยนตร์เลยทีเดียว แต่แตกต่างกันเราสามารถพกโรงหนังไปที่ไหนก็ได้ แค่มีแว่น AR ของ Apple เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น

 
 
นอกจากนี้ Vision Pro มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการใหม่ที่ชื่อว่า “VisionOS” เป็นการปรับแต่งภาพที่แสดงในแว่น และชิปใหม่ R1 ที่ออกแบบเพื่อ Vision Pro ทำหน้าที่ด้านงานภาพ  ส่วนคุณสมบัติของแว่นก็มาพร้อมกับเลนส์ 3D ที่กระจกตาที่ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล และเทคโนโลยี HDR ช่วยให้การเล่นภาพมีความสมจริง มีเซนเซอร์ทั้งกล้อง ไมโครโฟน และเซนเซอร์ตรวจจับอื่นๆรวม 23 ตัว มีกล้อง IR ที่อยู่ตรงกระจกด้านใน จับดวงตาของเราว่ากำลังมองและจับจ้องไปยังส่วนไหนอยู่ เพื่อประมวลผลและแสดงผลหน้าจอตามความต้องการของผู้ใช้ โดยการทำงานของเครื่องจะอ่านมุมมองของสายตาผู้ใช้ในแต่ละคนและบันทึกเป็น Profile จากการสวมใส่ในครั้งแรก มาพร้อมกับการที่เราสามารถคอนโทรลตัวเครื่องได้จากมือเปล่าๆของเราได้เองโดยไม่จำเป็นต้องมี Joystick ในการบังคับ (เหมือนยกมือไปมากลางอากาศ) ซึ่ง Apple เปิดราคามาที่ 3,499 ดอลลาร์สหรัฐประมาณ 120,000 บาท จะพร้อมวางขายในเดือน ม.ค. ปี 2024 โดยจะวางขายที่สหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก
 
 
 
ซึ่งหลังจากการเปิดตัวนวัตกรรมของ Vision Pro และคุณสมบัติของมันไปอย่างยิ่งใหญ่ ก็ทำให้หุ้นของบริษัทที่ชื่อ AAPL พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆจนแตะจุดสูงสุด หรือ All Time High ไปที่ 186.99 ดอลลาร์สหรัฐ ในวันที่ 16 มิ.ย ที่ผ่านมานี้ ก่อนค่อยๆลดระดับลงมาประมาณ 184.92 ดอลลาร์สหรัฐตามรูปด้านบน ซึ่งเป็นมูลค่าหุ้นที่สูงเป็นประวัติการณ์ครั้งแรกนับจากการประเมินมูลค่าบริษัท Apple ที่ 3,000,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเดือน ม.ค. 2022 สู่มูลค่าตลาดทะลุ 100 ล้านล้านบาทไปเป็นที่เรียบร้อย หลังเปิดตัว Vision Pro ขึ้นมา ประกอบกับสถานการณ์ในตลาดทุนที่ตอบรับปัจจัยบวก อย่างการที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed คงอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 1 ปี ที่ระดับ 5 - 5.25% และ ค่า CPI หรือดัชนีราคาผู้บริโภคของทางสหรัฐที่เอาไว้วัดเงินเฟ้อ ที่ล่าสุดลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4% ทำให้ยิ่งเป็นการสนับสนุนให้หุ้นของ Apple พุ่งสูงขึ้นมาแตะจุดสูงสุดในครั้งนี้ (หุ้นดัชนี Nasdaq ดีดกลับตัวสูงขึ้น 1.15%  โดยถูกพยุงขึ้นมาด้วยแรงของหุ้นหลักๆเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ซึ่งได้แก่ AMZN, MSFT, GOOGL,NVDA และ AAPL ของ Apple ที่เติบโตสูงถึง 74%)
 
 
การเปิดตัวแว่น Vision Pro ของ Apple ในครั้งนี้ ทำให้ Topic ของเรื่องโลกเสมือนจริง ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นหลักที่คนส่วนใหญ่บนโลกกำลังให้ความสนใจ ซึ่งก่อนหน้านี้ในปีที่แล้ว ก็เคยมีประเด็นเกี่ยวกับเรื่อง Metaverse ที่ถูกจุดประเด็นจากบริษัท Meta เจ้าของ Facebook จนหุ้นเกี่ยวกับเทคโนโลยี และโปรเจคเหรียญคริปโตที่เกี่ยวกับโลกเสมือนจริงได้มีราคาพุ่งทะยานไปอย่างฉุดไม่อยู่ ก่อนตกลงมาหลังจากข่าวและความสนใจในด้านนี้เริ่มซาลงไป เพราะยังถือเป็นเรื่องของอนาคตที่ยังมองไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่างได้ แต่การมาของ Vision Pro ที่สร้างขึ้นจากนวัตกรรมที่นำหน้าไปหลายทศวรรษ ด้วยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของโลก และมีนักพัฒนาซอฟแวร์และ Partner ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนานวัตกรรม อีกทั้งทางบริษัท Meta ก็ได้มีการเปิดตัวแว่น VR Headset ไปก่อนหน้านี้ในระยะเวลาไล่เลี่ยกันที่ชื่อว่า “Meta Quest 3” ไปแล้ว จึงอาจเป็นสัญญาณที่ว่าตอนนี้โลกของเราอาจกำลังก้าวเข้าใกล้สู่การเชื่อมต่อโลกจริงเข้ากับโลกเสมือนอย่างเป็นทางการแล้ว และในอนาคตเราอาจจะได้เห็นการเข้ามาแข่งขันกันระหว่างบริษัทเทคโนโลยีทั้งซอฟแวร์และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ รวมถึงการพัฒนาโลก Metaverse กันอย่างชุกชุมเพื่อถือครองอำนาจในโลกใบใหม่
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 มิ.ย. 2566 เวลา : 18:50:02
กลับหน้าข่าวเด่น
18-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 18, 2024, 9:05 am