ช่วงวันพุธของสัปดาห์ที่แล้วราคาของ Bitcoin ได้ร่วงลงไปแตะที่ระดับราคา 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งไหลลงตอบรับข่าวการคงอัตราดอกเบี้ยจากทาง Fed และบรรยากาศตลาดโดยรวมก็แทบไม่มีใครคิดเลยว่า อยู่ๆในอาทิตย์นี้ ราคาของ Bitcoin จะกลับตัวพุ่งทะลุระดับ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐในอาทิตย์ต่อมาได้
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมานี้ ราคาของ Bitcoin อ้างอิงจากกระดานเทรด Binance ได้พุ่งทะยานจากจุดต่ำสุดของวันที่ 28,257.99 ดอลลาร์สหรัฐ สู่จุดสูงสุดของวันที่ 30,800 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.96% และราคาของ Bitcoin ก็ได้คงค้างอยู่ที่ระดับ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ มาจนปัจจุบัน นับเป็นการแตะระดับราคาดังกล่าวเป็นครั้งที่ 2 ของปี จากครั้งแรกในเดือน เม.ย.ของปีนี้ที่ Bitcoin ทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 31,000 ดอลลาร์สหรัฐ จึงไม่แปลกที่มูลค่า Bitcoin ในตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่น่าจับตามองอย่างมาก หลายคนกลับมาให้ความสนใจ รวมถึงมี Volume การเทรดเหรียญ Bitcoin และเหรียญ Altcoin อื่นๆเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัว
แต่จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ Bitcoin จะมีราคาพุ่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่เพราะมีปัจจัยสนับสนุนในทางที่ดีหลายๆองค์ประกอบที่ผลักดันให้ตลาดของคริปโตกลับมาอีกครั้ง ทั้งจาก EDX Markets (EDX) แพลตฟอร์มที่ได้รับการสนับสนุนจาก Fidelity Digital Assets ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลกอย่าง Fidelity Investments ได้ประกาศเปิดตัวเว็บเทรดคริปโตอย่างเป็นทางการ ซึ่งความน่าเชื่อถือและมีชื่อเสียงของบริษัทดังกล่าวทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าจะดึงดูดนักลงทุนสถาบันเจ้าใหญ่ๆเข้ามาลงทุนในเหรียญคริปโตกันมากขึ้น เพราะทาง CEO ของ EDX Markets ได้กล่าวในการเปิดตัวว่า EDX Markets นั้นมีมาตรฐาน ความโปร่งใส และความปลอดภัย ที่เหล่านักลงทุนในสินทรัพย์แบบดั้งเดิมคาดหวังและชื่นชอบ จากผู้ใช้บริการไม่สามารถซื้อขายได้เอง แต่จะต้องทำการซื้อขายเหรียญคริปโตผ่านคนกลางหรือโบรคเกอร์ ที่มีลักษณะคล้ายกับการเทรดผ่านตลาดหลักทรัพย์ NYSE หรือ NASDAQ
ซึ่งความคาดหวังว่า EDX Markets จะสามารถดึงดูดนักลงทุนสถาบันได้ ก็สามารถการันตีได้จาก เมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้วที่มีการประกาศจะสร้างกระดานเทรด EDX Markets ก็ได้รับเงินลงทุนสนับสนุนจากบริษัท TradFi ยักษ์ใหญ่หลายแห่งอย่าง Fidelity, Schwab, Paradigm, Sequoia Capital และ Citadel และหลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ บริษัทจัดการสินทรัพย์เจ้าใหญ่ระดับโลกอย่าง BlackRock ก็ได้ยื่นคำร้องเพื่อสร้างกองทุนรวม (ETF) ของ Bitcoin เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอีกด้วย
และทางด้านข้อมูลจาก Coinmarketcap เปิดเผยว่า Volume การเทรดเหรียญ Bitcoin เพิ่มขึ้น 38.74% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยที่น่าจะเป็นสาเหตุหลักนั้นก็คือความสนใจของนักลงทุนสถาบันที่มีต่อ Bitcoin เพิ่มมากขึ้นจากการสร้างกองทุนรวม Bitcoin ของ BlackRock ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น
อีกทั้งที่ราคา Bitcoin ยังสามารถยืนอยู่ในระดับที่ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐได้จนถึงตอนนี้ ก็มีปัจจัยที่มาสนับสนุนภาพลักษณ์ที่ดีของเหรียญคริปโต จากการที่ Coinbase กระดานเทรดเหรียญ คริปโตยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ได้ชนะคดีที่ศาลฎีกาในสหรัฐ จากข้อพิพาทของลูกค้าและพนักงานไปสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ ที่ทางผู้ใช้กระดานเทรดกล่าวหาว่า Coinbase ควรชดเชยเงิน 31,000 ดอลลาร์สหรัฐที่สูญเสียไปหลังจากที่เขาให้การเข้าถึงบัญชีของตัวเองแก่มิจฉาชีพ และคดีที่ 2 ที่ Coinbase ถูกกล่าวหาว่าถือครองเหรียญ Dogecoin จากการชิงโชคมูลค่า 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่เปิดเผยอย่างโปร่งใสว่าผู้เข้าร่วมไม่จำเป็นต้องซื้อหรือขาย Dogecoin ซึ่งการชนะคดีครั้งนี้ก็ทำให้ความเชื่อมั่นของโลกคริปโตกลับมาอีกครั้ง เป็นเหตุผลที่ราคาของ Bitcoin มีความเสถียรอยู่ในตอนนี้ และเหรียญคริปโตในตลาดอื่นๆได้มีราคาพุ่งขึ้นทันที
ในขณะเดียวกัน ระดับราคาของ Bitcoin ที่ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนในตลาดก็ต่างจับตามองกันอย่างใกล้ชิดว่าจะสามารถทะลุแนวต้านที่ระดับ 31,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ไปได้หรือไม่ หากยังโดนกดจากแนวต้านระดับนี้อยู่ก็มีโอกาสที่เราจะได้เห็น Bitcoin ลงมาที่ระดับ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐอีกครั้ง
ข่าวเด่น