Special report : ยุโรปไฟเขียว Bitcoin Spot ETF แล้ว จะทำให้ Bitcoin ราคาขึ้นหรือไม่?


 

ในปีที่แล้ว นับว่าเป็นปีที่มีมรสุมรุมเร้าแทบจะทุกทิศทางกับสินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่างคริปโตเคอร์เรนซี ทั้งเรื่องของการ Scam หรือการล่มสลายที่ช็อกประว้ติศาสตร์ของกระดานเทรดยักษ์ใหญ่อย่าง FTX และ Terra (เหรียญ Luna) ทำให้เกิดผลกระทบกับตลาดคริปโตโดยรวม รวมถึงสถาบันการเงินต่างๆก็ต้องชะลอการลงทุน หรือเลื่อนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เกี่ยวกับ   เหรียญคริปโตและสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆออกไป 

ซึ่ง Bitcoin Spot ETF (กองทุนบิตคอยน์แบบ Spot) ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดย Jacobi Asset Management บริษัทกองทุนของลอนดอน ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของ Guernsey Financial Services Commission (GFSC) ให้เปิดกองทุนบิตคอยน์ได้ในเดือนตุลาคม ปี 2021 และ Jacobi ก็มีแผนจะเปิดให้บริการกองทุนนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เมื่อมีมรสุมดังกล่าวเข้ามา จึงต้องมีการเลื่อนออกไป 

เข้ามาในปี 2023 ในที่สุด เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา Jacobi Asset Management ก็ได้ประกาศที่จะเปิดตัวกองทุน Bitcoin Spot ETF ในปลายเดือนนี้บนตลาดหลักทรัพย์ของยุโรปขนาดใหญ่อย่าง Euronext ซึ่งนับว่าเป็นกองทุน Bitcoin ETF แบบ Spot แห่งแรกในยุโรป และเปิดให้บริการก่อนทางฝั่งสหรัฐ ที่ตอนนี้ ก.ล.ต.สหรัฐยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติจากที่มีกองทุนใหญ่ (บริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลก BlackRock) ขอยื่นเปิด Bitcoin Spot ETF เช่นกัน 

การเปิดกองทุน Bitcoin Spot ETF ครั้งนี้ จะส่งผลต่อมูลค่า Bitcoin หรือไม่?

ต้องเข้าใจก่อนว่ากองทุน ETF นี้ ไม่ใช่การลงทุนโดยตรงกับเหรียญ Bitcoin เหมือนการเทรดซื้อ-ขายแบบปกติ แต่เป็นการรวมเงินจากผู้ลงทุนเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับราคาของ Bitcoin ซึ่งเป็นการลงทุนในโลกการเงินแบบดั้งเดิมที่นักลงทุนปกติคุ้นเคยกันเป็นส่วนมาก โดย Jamie Khurshid CEO ของ Jacobi Asset Management กล่าวว่า การจัดตั้งเป็นกองทุนขึ้นมานี้ จะดึงดูดให้องค์กรและสถาบันต่างๆ เข้ามาลงทุน เนื่องจากปกติแล้วสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin มีความเสี่ยงที่สูงมาก แต่การมีกฎระเบียบเข้ามากำกับดูแล ที่กองทุนนี้จะได้รับการตรวจสอบจาก Fidelity Digital Assets ในนามของผู้ดูแลกองทุน และยังได้รับการตรวจสอบจาก GFSC จึงทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขาย Bitcoin Spot ETF ในตลาดหุ้นแบบดั่งเดิมได้ ไม่มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและคู่สัญญา (Leverage)  อีกทั้งยังเชื่อมั่นว่าตอนนี้เป็น Timing ที่ดีที่สถาบันต่างๆ จะเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน

ซึ่งสอดคล้องกับข้อกังวลหลักที่ทำให้สถาบันองค์กรใหญ่ๆ หรือนักลงทุนในตลาดหุ้นส่วนมากยังไม่ลงมาเล่นในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin เนื่องจากมีความเสี่ยงที่สูง และจำเป็นต้องมี Wallet ในการดูแลรับผิดชอบเหรียญที่ซื้อมาด้วยตัวเอง ไม่มีสถาบันที่คอยดูแลรักษาสินทรัพย์ให้ หากไม่ได้มีความคุ้นชินกับเทคโนโลยีมากพอก็มีความเสี่ยงที่สินทรัพย์ดิจิทัลนี้จะสูญหายได้ แต่การเกิดขึ้นของกองทุน Bitcoin จะทำให้ข้อจำกัดตรงนี้ที่นักลงทุนโลกปกติกังวลหายไป สามารถมีส่วนร่วมในการถือครอง Bitcoin ที่ไม่จำเป็นต้องเก็บเหรียญไว้กับตัวเอง แต่เป็นเจ้าของหน่วยลงทุนของกองทุนที่เป็นเจ้าของ Bitcoin โดยตรง และมีหน่วยงานที่น่าเชื่อถือกำกับดูแล

อีกทั้งในฝั่งของสหรัฐ กองทุน BlackRock ก็ได้ยื่นจด Bitcoin Spot ETF อีกครั้ง หลังจากถูก SEC ปฏิเสธข้อเสนอจัดตั้งกองทุนดังกล่าว (ด้วยเหตุผลที่ว่าข้อมูลของบริษัทและผู้จัดการสินทรัพย์ต่างๆ ในการยื่นขอจัดตั้งกองทุนไม่เพียงพอต่อการอนุมัติ) และยังมี Cboe Options Exchange ก็ได้แก้ไขเอกสารที่บริษัทต่างๆ ต้องใช้เพื่อขอจัดตั้งกองทุน Bitcoin Spot ETF เช่นกัน จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในการลงทุน Bitcoin และ Volume ซื้อ-ขาย กำลังกลับมาคึกคักอีกครั้ง และหาก ก.ล.ต.ของสหรัฐอนุมัติ Bitcoin Spot ETF ก็มีโอกาสที่จะมีเงินลงทุนไหลเข้าสู่ Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ และอาจทะลุแนวต้าน Bitcoin ปัจจุบันที่ระดับ 31,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ในเร็วๆนี้

แต่อนึ่ง ทางฝั่งของนักวิเคราะห์ของ JPMorgan สถาบันการเงินที่มีอิทธิพลของโลก กลับเห็นต่างออกไป โดยกล่าวว่า หาก Bitcoin Spot ETF ได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต.สหรัฐ อาจไม่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อตลาดคริปโตอย่างที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดหวัง เนื่องจากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ระดับราคาของ Bitcoin ได้ถูกเก็งกำไรขึ้นไปอยู่เหนือระดับ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากกระแสข่าวของ BlackRock ก่อนหน้านี้ไปแล้ว
 
 

LastUpdate 16/07/2566 22:24:51 โดย : Admin
กลับหน้าข่าวเด่น
22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 1:03 am