การที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะเข้ามามีอำนาจเหนือกว่าสามารถ แผ่ขยายอิทธิของตนครอบคลุมอีกประเทศได้นั้น ในหน้าประวัติศาสตร์โลกที่ผ่านมานับหลายร้อยปี เราคงสามารถศึกษาได้ผ่านตัวอย่างการทำสงครามล่าอาณานิคมเพื่อเข้าชิงทรัพยากรและประโยชน์จากพื้นที่อื่น หรือเพื่ออำนาจทางเศรษฐกิจก็ตาม ส่งผลให้ประเทศนั้นได้รับอิทธิพลจากประเทศดังกล่าว เข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ซึ่งมีตั้งแต่การผสมผสานรวมเข้าด้วยกัน การรับเข้ามากลายเป็นวิถีชีวิตแบบใหม่ ไปจนถึงการถูกกลืนกินที่แทบจะไม่เห็นเค้าของวัฒนธรรมตนเองหลงเหลืออยู่เลย
มาจนถึงในปัจจุบันนี้ การแผ่ขยายอำนาจและอิทธิพล ไม่จำเป็นต้องมีการเสียเลือดเสียเนื้อกันอีกต่อไป เพราะตั้งแต่ในสมัยอดีต นอกจากการทำสงครามเพื่อยึดดินแดนแล้ว ประเทศที่มีการติดต่อสื่อสาร มีการค้าขายกัน หรือการที่ชนชาติใดชนชาติหนึ่งอพยพเข้ามายังอีกประเทศ ก็เกิดการเผยแพร่วัฒนธรรม การเกิดอาหารเมนูใหม่ๆขึ้นมาในเวลานั้นตามการเดินทางของวัตถุดิบ และวิถีการกินของคนที่เอาเข้ามา เช่น การเกิดพิซซ่าสไตล์ New York ขึ้นมาในสหรัฐ ตามการอพยพของชาวอิตาลี การเกิดเมนูอาหารที่มีส่วนผสมของมะเขือเทศ ทั้งส้มตำของไทย ไข่ผัดมะเขือเทศของจีน หรือหัวใจหลักของอาหารอิตาลีที่คนในชาติแสนภูมิใจในวัฒนธรรมการกินของพวกเขา ซึ่งแท้จริงแล้วนั้น ต้นกำเนิดของพืชชนิดนี้มาจากประเทศในแถบอเมริกาใต้ แต่อาศัยการเดินทางติดต่อสื่อสารที่ทำให้เกิดการเข้าไปผสมผสานในวัฒนธรรมยังพื้นที่ๆไปในที่สุด
ซึ่งการติดต่อสื่อสารกันนี้เอง ได้เป็นพื้นฐานสำคัญในการแผ่ขยายอิทธิพลในรูปแบบใหม่ และประเทศที่ได้แต้มต่ออย่างสหรัฐอเมริกาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาพูด ซึ่งเป็นภาษาทางราชการของโลก นอกจากจะเป็นประเทศอุตสาหกรรม ที่เป็นมหาอำนาจของโลกในศตวรรษที่ 20 กำหนดบทบาทประเทศอื่นๆแล้ว ก็เผยแพร่อิทธิพลจากเรื่องของสื่อบันเทิงทั้งภาพยนตร์ การ์ตูน และเพลง ที่เข้าไปครองใจคนทั่วโลก จนเกิดเป็น Mass Adoption กับคนต่างชาติที่ฝั่งรากลึกจนในปัจจุบัน ทั้งการกินแบบคนอเมริกัน การแต่งตัว หรือทัศนคติ การปฏิบัติแบบฝั่งตะวันตก ที่ได้รับการยอมรับจากสายตาชาวโลกว่าเป็นสิ่งปกติ
ตัวอย่างของสื่อบันเทิงในฝั่งของสหรัฐ ก็คือนิยามของคำว่า Soft Power นั่นเอง ซึ่ง Soft Power หรือแปลตรงตัวว่าอำนาจอ่อนนั้นหมายถึง การใช้ความสามารถในการดึงดูดและสร้างอิทธิพลต่อความคิดของสังคมและประชาชนในประเทศอื่น โดยไม่ต้องใช้การบังคับ ปราศการคุกคาม หรือการทำสงคราม แต่เป็นการเข้าไปครองพื้นที่ในจิตใจอีกฝ่าย เข้าแทรกซึมในวิถีประจำวันจนเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตในท้ายที่สุด ซึ่งหัวใจหลักของ Soft Power นั้นประกอบด้วยวัฒนธรรมค่านิยมทางการเมืองและนโยบายต่างประเทศ โดยหาก 2 ประเทศมีความสอดคล้องกันทั้ง 3 ด้าน โอกาสของการใช้ Soft Power แผ่ขยายเข้าไปครองใจในอีกประเทศ ก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย
ซึ่งถ้าหากไม่นับรวม Soft Power ของทางฝั่งสหรัฐที่มีน้ำหนักต่อคนทั่วโลกมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ตัวอย่างของการไขกลยุทธ์การใช้ Soft Power ที่ประสบความสำเร็จมาไม่กี่ทศวรรษนี้คงจะหนีไม่พ้นประเทศเกาหลีใต้ ที่อิทธิพลของสื่อบันเทิงเป็นประตูแรกสู่การเผยแพร่วัฒนธรรมต่างๆที่เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลกใน ณ ขณะนี้ โดยเริ่มแรกนั้น ด้วยแรงสนับสนุนของรัฐบาลเกาหลีใต้ ที่สนับสนุนเงินทุนและนโยบายต่างๆให้กับอุตสาหกรรมบันเทิงของประเทศแบบเชิงรุก เป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงและเพิ่มแรงผลักดันชั้นดีให้กับอุตสาหกรรมดังกล่าว ซึ่งทั้งด้วยความสามารถในการผลิต ฝึกอบรมบุคลากรทั้งนักร้องนักแสดง การมีทุน Production ในการผลิตที่ดี ทำให้คุณภาพของสื่อบันเทิงเกาหลีดีตามไปด้วย นอกจากจะเป็นที่นิยมของประเทศตัวเองแล้ว ก็ยังสามารถใช้จุดแข็งดังกล่าวเผยแพร่สื่อบันเทิงออกไปยังประเทศอื่นๆ อีกด้วย โดยเริ่มจากประเทศใกล้เคียงก่อน ซึ่งก็จะวกกลับเข้ามาในส่วนประกอบของ Soft Power ด้านวัฒนธรรม ที่ประเทศที่มีวัฒนธรรมคล้ายคลึงกันอย่างประเทศทางฝั่งเอเชีย ทางด้านจีน ญี่ปุ่น หรือไทย จึงได้รับอิทธิพลจากสื่อบันเทิงเกาหลีเป็นประเทศแรกๆ และนอกจากนี้เพื่อการตีตลาดเข้าไปครองใจคนในพื้นที่อื่นๆ ที่อาจมีวัฒนธรรมไม่คล้ายคลึงกันมากนักอย่างประเทศฝั่งตะวันตก สิ่งที่สื่อบันเทิงเกาหลีทำ คือการใช้ Soft Power แบบเชิงรุก ทั้งการเลือกนักร้องชาวต่างชาติ ที่อาจเกิดและโตมากับวัฒนธรรมตะวันตก (รวมถึงการเลือกนักร้องจากชาติอื่นๆเพื่อเจาะตลาดประเทศของนักร้องคนนั้น) เข้ามาอยู่ในสังกัดของค่ายเพลงเกาหลี และทำการเผยแพร่ออกไป ซึ่งสะดวกทั้งด้วยตอนนี้เราสามารถติดต่อสื่อสารกันผ่านอินเตอร์เน็ต และการทำ Tour ไปยังประเทศฝั่งนั้นๆ เช่นการจัด Meeting การจัด Concert เพื่อการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ Soft Power ของชาติตัวเอง
ซึ่งในสื่อบันเทิงที่เผยแพร่ออกไปนั้น ก็จะมีการสอดแทรกวัฒนธรรมของเกาหลีเข้าไปด้วย อย่างในซีรี่ย์ จะมีการสอดแทรกเมนูอาหารของเกาหลี วัฒนธรรม วิถีชีวิตต่างๆ ที่คนเกาหลีทำ รวมไปถึงเรื่องของ Beauty Standard นิยามของความหล่อสวยในประเทศนั้นๆ โดยเราจะสังเกตได้เลยว่า Soft Power สื่อบันเทิง ที่ประเทศไทยรับเข้ามา ทำให้เกิดการนำเข้าสินค้าเกาหลีต่างๆเข้ามา เพราะเราอยากจะลองชิมขนมเกาหลีแบบในซีรี่ย์ กินแบบที่นักร้องที่เราชื่นชอบกิน หรือใช้ผลิตภัณฑ์แบบที่คนเกาหลีใช้เพื่ออยากจะสวยในแบบฉบับคนเกาหลี
นอกจากนี้กลยุทธ์ที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างของ Soft Power เกาหลีคือสร้างความผูกพันรักใคร่ จากสื่อบันเทิงที่ตีตลาดเข้ามา ทำให้เรารับวัฒนธรรมของการเป็นแฟนคลับเข้าไปด้วยโดยปริยาย โดยอุตสาหกรรมบันเทิงของเขาจะพยายามที่จะทำให้เราเกิดความผูกพันกับนักร้องหรือนักแสดงที่เราชื่นชอบให้ได้มากที่สุด ทั้งการมาเยือนในประเทศด้วยการจัด Event การจัด Concert หรือการ Live สด เพื่อให้มี Interact ระหว่างกัน จะทำให้เราเปิดรับทัศนคติจากทางฝั่งเกาหลีอย่างไม่รู้ตัวจนเข้ามามีอิทธิพลในวิถีชีวิตประจำวันของเราในที่สุด หากสังเกตดูให้ดี แม้เราจะไม่ได้ชื่นชอบนักแสดงหรือนักร้องเกาหลีคนไหนเป็นพิเศษ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราก็มีความคุ้นเคยกับอาหาร ผลิตภัณฑ์ของเกาหลีที่มีในไทย หรือแม้แต่มีทัศนคติที่เป็นบวกกับคนเกาหลีไปแล้วเสียส่วนใหญ่ เพราะ Soft Power มันเป็นการส่งผ่านถึงกันได้ ขอเพียงแค่กะเทาะเปลือกเข้าไปได้ อย่างที่เกาหลีใต้ใช้สื่อบันเทิงเป็นแกนนำเข้าไป เมื่อเข้าไปได้แล้ว ก็สามารถแทรกซึม แผ่ขยายอิทธิพลอื่นๆเข้าไปยังอีกประเทศได้เพื่อประโยชน์ของชาติได้ตามต้องการ
ข่าวเด่น