Special Report : กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติจีน อุ้ม 4 แบงก์ใหญ่ ความเชื่อมั่นกลับมาเป็นบวกต่อเศรษฐกิจจีน


เมื่อวันพุธที่ 11 ต.ค.2566 ที่ผ่านมา “กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติจีน” ได้เข้าเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุด 4 แห่งของประเทศจีน นับว่าเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ  ที่เรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาและส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจของจีน กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติจีน หรือ เซ็นทรัล ฮุ่ยจิน อินเวสต์เมนต์ เป็นกองทุนความมั่งคั่งของประเทศจีน ที่นำเอาเงินทุนสำรองออกมาบริหารด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆทั่วโลก ได้เข้าถือหุ้นเพิ่มในธนาคารใหญ่ที่สุดของจีน 4 แห่ง ได้แก่ Bank Of China, Agricultural Bank of China, Industrial and Commercial Bank of China และ China Construction Bank โดยตามเอกสารที่ยื่นต่อทางการจีนที่ราย งานโดยสำนักข่าวซีเอ็นบีซี แสดงให้เห็นว่า เซ็นทรัล ฮุ่ยจิน อินเวสต์เมนต์ ได้เพิ่มการถือครองหุ้นในธนาคารพาณิชย์ทั้ง 4 แห่ง แห่งละ 0.01% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2558 และประกาศว่าจะเพิ่มสัดส่วนการถือครองขึ้นอีกในอีก 6 เดือนข้างหน้าด้วย
 
โดย Movement ดังกล่าวได้สร้างความฮือฮาในตลาดลงทุนอย่างมาก เพราะเป็นความเคลื่อนไหวที่ทางการจีนเข้าแทรกแซงตลาดโดยตรงครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2558 หรือประมาณ 8 ปีแล้ว ที่ในตอนปีนั้นนับเป็นปีวิกฤตของตลาดหุ้นจีน จากพิษ “แบล็คมันเดย์” วันที่ 24 ส.ค.2558 วันที่ตลาดหุ้นจีนดิ่งลงมากที่สุดนับจากปี 2550 ส่งผลให้เกิดกระแสขายทิ้งหุ้นจีนระบาดไปทั่วโลก ซึ่งในช่วงปัจจุบันนี้ความผันผวนของหุ้นจีนได้กลับมาอีกระลอกใหญ่ จากวิกฤตฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ที่สะสมมาติดต่อกัน 5 ปี เนื่องจากการเกิดขึ้นของโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างมากมายมานานหลาย 10 ปี จนเกิดสภาวะ Over Supply หรือความต้องการขายมากกว่าความต้องการซื้อ ทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่กู้เงินเอามาลงทุนในโครงการต่างๆก่อนหน้านี้เพื่อหวังขายทำกำไรเข้าบริษัท ต่างต้องแบกรับหนี้ก้อนใหญ่มหาศาล จนบริษัทยักษ์ใหญ่ในภาคอสังหาริมทรัพย์จีนอย่าง Evergrande ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน กลายเป็นบริษัทที่มีหนี้มากที่สุดในโลก (19.7 แสนล้านหยวน) จนต้องยื่นล้มละลาย ตามมาด้วยบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่ง หรือ Country Garden ก็ประสบกับวิกฤตหนี้และสภาพคล่องเช่นกัน เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อตลาดความเชื่อมั่นของอสังหาริมทรัพย์จีนโดยรวมอย่างรุนแรง เกิดปรากฏการณ์ที่มีการแห่ขายบ้านและคอนโดล้นตลาด จนทำให้ราคาของอสังหาริม ทรัพย์นั้นตกต่ำลงเรื่อยๆ
 
แต่ต่อมาทางรัฐบาลจีนได้เริ่มเดินหน้าแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการแก้ไขปัญหาวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในประเทศอย่างเต็มกำลัง ด้วยการเข้าชาร์จ Evergrande หนึ่งต้นตอของปัญหาใหญ่ ซึ่งตอนนี้อยู่ในกระบวนการสอบสวนในทางอาญา อีกทั้งยังออกมาตร การเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้เศรษฐกิจจีนมีการฟื้นตัว เริ่มจากนโยบายทางด้านการเงิน ทั้งการขยายความสามารถในการให้กู้ของธนาคารจีน ที่ลดอัตราของ Reserve Requirement Ratio หรือเงินสำรองขั้นต่ำลง 0.25% เป็นครั้งที่ 2 ของปี ทำให้ธนาคารของจีนสามารถปล่อยกู้ได้มากขึ้น และการที่รัฐบาลจีนเตรียมออกนโยบายสนับสนุนภาคอสังหา ริมทรัพย์เพิ่มเติมด้วยแล้ว ทำให้เศรษฐกิจของจีนเริ่มจะมีการฟื้นตัวขึ้นมา
 
และหลังจากการจุดเชื้อเพลิงแห่งความหวัง ด้วยการออกมาตร การกระตุ้นเศรษฐกิจนี้เองที่จุดติดขึ้นมาแล้ว ทางการจีนก็กระตุ้นให้เศรษฐกิจจีนรอดพ้นจากวิกฤตความผันผวนเพิ่มเข้าไปอีก ด้วยการแทรกแซงตลาดหุ้นจีนโดยตรง ที่กองทุนความมั่นคงแห่งชาติ ได้เข้าซื้อหุ้นธนาคารยักษ์ใหญ่ทั้ง 4 แห่งของจีน ตามที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งเป็นการเรียกความเชื่อมั่นกลับมายังตลาดหุ้นจีน ให้นักลงทุนกลับมาวางใจที่จะลงทุนในหุ้นจีนมากขึ้นจากการเทขายก่อนหน้านี้ที่มีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจถด ถอยของจีน หุ้นของธนาคารทั้ง 4 แห่งนี้จึงปรับตัวพุ่งขึ้นทันที โดยปรับตัวขึ้นระหว่าง 2.43%-4.73% ในการซื้อขายภาคเช้าที่ตลาดหุ้นเปิดวันที่ 12 ต.ค. ขณะที่ดัชนี CSI 300 ของจีนก็เพิ่มขึ้น 0.69% เช่นกัน เมื่อหุ้นของธนาคารปรับตัวสูงขึ้นนี้ ก็สามารถแปลได้ว่าธนาคารก็จะกลับมามีความสามารถในการปล่อยกู้เงินให้กับภาคธุรกิจได้มากขึ้น และจะมีเงินหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ ของจีนมากเพิ่มขึ้นนั่นเอง
 
แต่ในขณะเดียวกัน ทางคู่ค้าอันดับ 1 อย่างญี่ปุ่น “ฟูมิโอะ คิชิดะ” นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กลับมองว่าเศรษฐกิจจีนอาจซึมยาว จากการวิเคราะห์ว่า ความมั่งคั่งในครัวเรือนนั้นเชื่อมโยงกับอสังหา ริมทรัพย์ และอัตราการว่างงานของเยาวชนนั้นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลกดดันต่อการนำเงินออกมาใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งมุมมองนี้ก็คงจะต้องรอพิสูจน์จากผลงานของทางการจีน อย่างในระยะแรกด้วยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ไตรมาส 3/2566 ของจีน ที่มีกำหนดการเผยแพร่ต่อสาธารณชนในสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้

LastUpdate 16/10/2566 10:38:04 โดย : Admin
กลับหน้าข่าวเด่น
22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 12:59 am