ราคาของเหรียญ Bitcoin (BTC) กลับขึ้นมาทำจุดสูงสุดที่ระดับ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ ครั้งแรกในรอบ 2 เดือน หรือคิดเป็นในรอบ 10 สัปดาห์ หลังจากเข้าสู่ขาลงระยะสั้น ปรับตัวลงจากระดับ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ช่วงวันที่ 9 ส.ค.2566 ที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากข่าวการอนุมัติ Bitcoin Spot ETF จากทางสหรัฐ
ในช่วงปี 2566 นี้ จุดต่ำสุดของ Bitcoin อยู่ที่ระดับราคา 16,541 ดอลลาร์สหรัฐในเดือน ม.ค. และสูงสุดของปีอยู่ที่ระดับราคา 31,804 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดือน ก.ค.ซึ่งเป็นแนวต้านทางจิตวิทยาที่สำคัญ จากนั้นก็ได้ทำ Sideway และร่วงลงมาที่ระดับ 25,841 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะเด้งตัวกลับขึ้นมาจนทะลุระดับราคาในปัจจุบัน ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือน ซึ่งเหตุผลหลักเกิดจากแรงส่งของข่าวดีและความเชื่อมั่นในตัวเหรียญ Bitcoin และ Cryptocurrency อื่นๆได้เริ่มกลับมาแล้ว โดยเฉพาะประเด็นข่าวของ Bitcoin Spot ETF ที่เริ่มต้นมาจาก Fake News ทั้งออกข่าวจากทาง Reuters และ จาก Cointelegraph 2 สำนักข่าวที่มีความเชื่อถือว่า ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ได้อนุมัติ Bitcoin Spot ETF ของทาง iShares เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทำให้ราคาของ Bitcoin พุ่งสูงขึ้นทะลุระดับราคาที่ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐทันทีของช่วงวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ก่อนพบว่าเป็นข่าวปลอม ทำให้ราคาของ Bitcoin มีความผันผวนทางราคาสูงมาก
แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นข่าวปลอม แต่ราคาของ Bitcoin เริ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างมั่นคง อ้างอิงจากทิศทางของกราฟ จนยืนเหนือ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐอีกครั้งในวันที่ 20 ต.ค.เป็นต้นมา มี Volume การซื้อขายเพิ่มขึ้นมากถึง 50% และนับว่ามีมูลค่าเพิ่มขึ้น 10% เทียบกับช่วงสัปดาห์ที่แล้ว เหตุผลที่ข่าวปลอมนี้ไม่ได้ทำลายความเชื่อถือของ Bitcoin อาจเป็นเพราะ การขอยื่นเปิด Bitcoin Spot ETF ของ iShares หรือ ข่าวของกองทุนซื้อขายที่ดำเนินงานโดยบริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลกอย่าง BlackRock นั้นเป็นเรื่องจริง ซึ่งตอนนี้ทาง ก.ล.ต. สหรัฐ (SEC) ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติ ซึ่งในหมู่นักลงทุนต่างติดตามความคืบหน้านี้อย่างใกล้ชิด เพราะถ้าหากได้รับการอนุมัติ จะส่งผลดีต่อความน่าเชื่อถือของ Bitcoin และ Cryptocurrency อีกมาก ดูได้จากบริบทที่มูลค่าของ Bitcoin ขึ้นมาจากการโดนข่าวปลอมกระตุ้นมาครั้งนี้ และเรียกความสนใจของ Bitcoin Spot ETF ที่เพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ที่นักลงทุนวิตกกังวลว่าสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะยืดเยื้อเป็นสงครามที่ยาวนาน ทำให้ Bitcoin ได้ผลพลอยได้ ที่นักลงทุนเริ่มพากันเข้าซื้อ แม้ว่าราคาจะผันผวน แต่ก็เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่เคลื่อนย้ายได้ง่าย
ทำไมการมาของ Bitcoin Spot ETF จึงสำคัญ?
กองทุน ETF นี้ ไม่ใช่การลงทุนโดยตรงกับเหรียญ Bitcoin เหมือนการเทรดซื้อ-ขายแบบปกติ แต่เป็นการรวมเงินจากผู้ลงทุนเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับราคาของ Bitcoin ซึ่งเป็นการลงทุนในโลกการเงินแบบดั้งเดิมที่นักลงทุนปกติคุ้นเคยกันเป็นส่วนมาก จึงสามารถดึงดูดให้องค์กรและสถาบันต่างๆ เข้ามาลงทุนมากขึ้น เนื่องจากปกติแล้วสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin มีความเสี่ยงที่สูงมาก (สถาบัน องค์กรใหญ่ๆ หรือนักลงทุนในตลาดหุ้นส่วนมาก ยังไม่ลงมาเล่นในตลาดเพราะเหตุนี้) แต่การมีกฎระเบียบเข้ามากำกับดูแลกองทุนนี้ของผู้ดูแลกองทุน และยังได้รับการตรวจสอบจาก ก.ล.ต.สหรัฐ (SEC) จึงทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขาย Bitcoin Spot ETF ในตลาดหุ้นแบบดั้งเดิมได้ ไม่มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและคู่สัญญา (Leverage) การเกิดขึ้นของกองทุน Bitcoin ทำให้ข้อจำกัดตรงนี้ที่นักลงทุนทั่วโลกปกติกังวลหายไป สามารถมีส่วนร่วมในการถือครอง Bitcoin ที่ไม่จำเป็นต้องเก็บเหรียญไว้กับตัวเอง แต่เป็นเจ้าของหน่วยลงทุนของกองทุนที่เป็นเจ้าของ Bitcoin แนวโน้มของ Bitcoin และเหรียญอื่นๆก็จะมีมูลค่าสูงขึ้นมากจนทำให้ตลาดกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งได้
ทางด้าน เจพี มอร์แกน ระบุว่า แม้ระยะเวลาของการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF ยังไม่ชัดเจน แต่คาดว่าทาง ก.ล.ต.สหรัฐ (SEC) จะให้การอนุมัติการจัดตั้งกองทุนนี้ ภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และมีแนวโน้มมากที่สุดคือก่อนวันที่ 10 ม.ค. 2567 อย่างช้าที่สุด เพราะมีแนวโน้มว่าศาลสหรัฐจะตัดสินให้ Grayscale Investments LLC ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ ชนะคดีในการแปลง Bitcoin trust (GBTC) เป็น Spot Bitcoin ETF ซึ่ง เจพี มอร์แกน วิเคราะห์ว่า ก.ล.ต.สหรัฐ จะตัดสินใจที่จะไม่อุทธรณ์คำตัดสินของศาลในคดีของ Grayscale
.jpg)
ข่าวเด่น