ราคาของเหรียญ Bitcoin (BTC) กลับขึ้นมาทำจุดสูงสุดใกล้ระดับ 38,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี ในวันพฤหัสบดีที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากข่าวดีในหลายๆด้าน และนักวิเคราะห์ต่างออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า Bitcoin กำลังเข้าสู่ช่วงขาขึ้นแล้ว
ในช่วงปี 2566 นี้ จุดต่ำสุดของ Bitcoin อยู่ที่ระดับราคา 16,541 ดอลลาร์สหรัฐในเดือน ม.ค. และสูงสุดของปีอยู่ที่ระดับราคา 31,804 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นแนวต้านทางจิตวิทยาที่สำคัญ จากนั้นก็ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือน ยืนเหนือระดับ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐอีกครั้งในวันที่ 20 ต.ค. ทิศทางของราคาก็เริ่มมีการขยับขึ้นสูงอย่างมั่นคงเป็นต้นมา
กราฟ Bitcoin จาก tradingview.com
และล่าสุดนี้ราคาของ Bitcoin ก็พุ่งสูงกว่าระดับ 37,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยทำจุดสูงสุดที่ระดับ 37,978 ดอลลาร์สหรัฐ โดยทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบเกือบ 2 ปี ตั้งแต่ช่วง มี.ค.ของปีที่ผ่านมา ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนได้เห็นพ้องตรงกันว่า ราคาของ Bitcoin จะพุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ตลอดกาลในเดือนต่อๆ ไป เพราะคาดว่าในตอนนี้ได้เข้าสู่ช่วงขาขึ้น หรือตลาดกระทิงของ Bitcoin และ Cryptocurrency อื่นๆในตลาดแล้ว
โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้นนี้ เป็นผลมาจากข่าวดีรอบด้าน ที่ส่งผลให้ Bitcoin เป็นทั้งความหวังในการทำกำไร และมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ประการแรกทิศทางของราคา Bitcoin มีมูลค่าพุ่งสูงขึ้น 120% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าการลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเพียง 10% ประการที่สองคือเรื่องของ Hashrate จำนวนพลังงานที่ใช้ในการตรวจสอบธุรกรรมและผลิตเหรียญออกมา (Bitcoin มีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ โดยต้องอาศัยการขุดหรือที่ในโลกคริปโตเรียกกันว่า Halving) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสภาพโดยรวมและระดับความปลอดภัยของเครือข่าย Bitcoin โดยตอนนี้อัตราแฮชพุ่งสูงขึ้น แสดงให้เห็นว่านักขุดเริ่มมีความมั่นใจในราคาของ Bitcoin ที่สูงขึ้น และเข้ามาขุดกันมากยิ่งขึ้นเนื่องจากวางใจว่าจะคุ้มกับทุนการขุดที่เสียไป
ประการที่สามคือ มีนักวิเคราะห์ที่มีความน่าเชื่อถือยืนยันทิศทางขาขึ้นของราคา Bitcoin ทั้งจากทาง ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานการคาดการณ์ว่า Bitcoin จะพุ่งแตะ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ และ 120,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปีหน้า หรือจะเป็นเรื่องสำคัญที่ตลาดลงทุนกำลังจับตามองอย่าง Bitcoin Spot ETF ที่นักวิเคราะห์จากสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า มีโอกาสถึง 90% ที่ ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC จะอนุมัติจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ครั้งแรกในสหรัฐภายในวันที่ 10 ม.ค.2567 หรือในช่วงปีหน้านี้ ซึ่งดึงดูดให้องค์กรและสถาบันทางการเงินใหญ่ๆในโลกเดิม จากที่มีความกังวลในสินทรัพย์ดิจิทัล เข้ามาลงทุนและเปิดรับ Bitcoin มากขึ้น เพราะมีกฎระเบียบเข้ามากำกับดูแล และยังได้รับการตรวจสอบจากทาง SEC จึงทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขาย Bitcoin Spot ETF ในตลาดหุ้นแบบดั้งเดิมได้ และมูลค่าของ Bitcoin จากการมีองค์กรทุนหนามาลงทุน มูลค่าของเหรียญก็จะพุ่งตัวสูงขึ้นไปอีก เป็นผลดีกับ Altcoins เหรียญอื่นๆที่ทิศทางราคาสัมพันธ์กับเหรียญแม่หรือ Bitcoin ก็พาพุ่งตัวสูงขึ้นตามไปด้วย เป็นผลดีต่อสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวม
และนอกจากนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางในปัจจุบัน ที่นักลงทุนวิตกกังวลว่าสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะยืดเยื้อเป็นสงครามทั่วภูมิภาคที่กินระยะเวลายาวนาน ทำให้ Bitcoin ก็ได้แรงหนุนตรงนี้ ที่มีโอกาสที่นักลงทุนจะเริ่มปรับพอร์ตเข้าซื้อเหรียญ Bitcoin เพิ่ม เพราะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่เคลื่อนย้ายได้ง่าย แม้จะมีราคาที่ผันผวนในปัจจุบัน
ข่าวเด่น