Scoop : เทรนด์ใส่ชุด "นักเรียนไทย" ขวัญใจนักท่องเที่ยวชาวจีน ทำการท่องเที่ยวคึกคัก


ในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเดินทางไปในแหล่งท่องเที่ยวที่ไหนก็ตามของแต่ละจังหวัดทั่วประเทศไทย สิ่งที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปเลยคือ “นักท่องเที่ยวชาวจีนแต่งชุดนักเรียนไทย” กำลังเดินเล่นถ่ายรูปกันทั่วทุกมุมเมือง ไม่ว่าจะเป็นบนถนนคนเดิน ร้านค้าตลาด ห้างสรรพสินค้า วัด หรือในรั้วมหาวิทยาลัยที่เปิดให้บุคคลภายนอกสามารถเข้าไปเยี่ยมได้ก็ตาม โดยภาพที่เห็นจนชินตานี้ เป็นตัวสะท้อนได้อย่างดีถึงความนิยมของชุดนักเรียนไทยที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นที่เป็นผู้ใช้งานบนโลกโซเชียลออนไลน์ ซึ่งด้วยบทบาทที่ทั้งเสพและผลิตสื่อ ทำให้การใส่ชุดนักเรียนไทย กลายเป็น Content ที่ถูกเผยแพร่ออกไปบนสื่อโซเชียลของจีนอย่างกว้างขวาง จนกลายเป็นเทรนด์แฟชั่นฮิตที่คนจีนต้องใส่เวลามาเที่ยวไทย และในทางกลับกัน ถ้าอยากจะตามเทรนด์แฟชั่นดังกล่าว ก็ต้องเดินทางมายังไทย ถึงจะสามารถทำคอนเทนต์นี้ได้ ดังนั้นกระแสของชุดนักเรียนไทย จึงเป็นหนึ่งในตัวดึงดูดหลักที่ทำให้การท่องเที่ยวไทยคึกคักอย่างมากในปีนี้
 
โดยหากวิเคราะห์ถึงที่มาความฮิตของชุดนักเรียนไทย ต้องเท้าความจากอุตสาหกรรมบันเทิงไทย โดยเฉพาะละครและภาพยนตร์ ที่เคยได้รับความนิยมอย่างมากในจีนช่วงปี 2552-2554 เนื่องจากการที่กระแสซีรีย์เกาหลีเริ่มลดลง และสถานีโทรทัศน์อันฮุยได้ซื้อลิขสิทธิ์ละครเรื่อง “สงครามนางฟ้า” เข้าไปฉายยังช่องของตัวเอง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง เพียงออกอากาศไม่กี่อาทิตย์ก็เป็นกระแสในโลกโซเชียล ถือเป็นจุดเปลี่ยนของละครไทยในตลาดจีน ทำให้สื่อบันเทิงไทยถูกซื้อเข้าไปฉายที่ประเทศจีนจำนวนมาก ก่อนรัฐบาลจีนจะออกนโยบายการปกป้องอุตสาหกรรมของสำนักกิจการวิทยุ ภาพยนตร์ และโทรทัศน์แห่งชาติจีน (SARFT) ในปี 2555 ที่ลดอิทธิพลสื่อต่างประเทศให้คนจีนหันกลับมารับชมละครภายในประเทศตัวเอง


 
โดยในช่วงยุคทองของสื่อไทยในจีนดังกล่าว มีภาพยนตร์ไทยที่ชื่อว่า “สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก” ที่ฉายเมื่อปี 2553 ได้เข้าไปครองใจชาวจีนเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นหนัง Childhood ที่มีคุณค่าทางจิตใจของใครหลาย ๆ คนในวัยเด็ก ถึงขนาดที่ทางจีนมีการซื้อลิขสิทธิ์ไปผลิตเอง โดยพึ่งจะ Re-Make ไปเมื่อปี 2562 รวมถึงนักแสดงนำอย่าง “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” ก็เรียกได้ว่าเป็นดาวค้างฟ้าของสื่อบันเทิงจีนที่มีแฟนคลับรวมถึงคนจีนทั่วไปให้การยอม รับจนปัจจุบัน (สื่อบันเทิงจีนขนานนามใบเฟิร์นว่า เสี่ยวสุ่ย  หรือ น้องน้ำ ซึ่งเป็นชื่อในภาพยนตร์เรื่อง สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก) จะเห็นได้ว่าภาพยนต์เรื่องนี้มีอิทธิพลอย่างมากในสังคมจีน ที่ทำให้ความเป็นประเทศไทย ได้รับการตอบรับในเชิงบวก รวมถึงชุดนักเรียนไทยที่ตัวละครใส่ ก็ได้กลายเป็นเทรนด์แฟชั่นฮิตที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมเลือกซื้อชุดนักเรียนที่เป็นปกคอบัวมีโบว์ไขว้เหมือนกับในภาพยนตร์ดังกล่าว จนเหมือนกับว่าเป็น Uniform ชุดนักเรียนไทยในหมู่นักท่องเที่ยวจีนไปแล้ว


ส่วนในกระแสการใส่ชุดนักเรียนไทยที่เกิดการบูมอย่างมากในช่วง 2 ปี มานี้ มีที่มาจากดาราสาว “จวี จิ้งอี” นักร้องอดีตสมาชิกของวง SNH48 และนักแสดงหญิงชาวจีนที่โด่งดังอย่างมาก ได้มาท่องเที่ยวที่ไทยช่วงต้นปี 2566 และได้ใส่ชุดนักเรียนไทยรูปแบบดังกล่าว พร้อมปักชื่อตัวเองในภาษาไทยว่า “จวีจิ้งอี 991” ท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในประเทศไทย และโพสต์ภาพตัวเองในชุดนักเรียนไทยบนสื่อโซเชียล ซึ่งกลายเป็นกระแสไวรัลแผ่ขยายไปยังกลุ่มคนจีนอีกจำนวนมาก ทำให้เกิดเทรนด์การใส่ชุดนักเรียนไทย เป็นกิจกรรมยอดฮิตในหมู่วัยรุ่น ที่ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวไทยและเพิ่มการบริโภคในประเทศได้เป็นอย่างดี เนื่องจากด้วยความที่จีน เป็นประเทศในเอเชียที่มีรูปแบบสังคม เป็น Collectivism หรือความเป็นกลุ่มก้อนมากกว่าทางตะวันตกที่เป็นปัจเจกนิยมกว่า พวกเขาจึงมีความนิยมทำตามเทรนด์ หรือตามกระแสกันอยู่แล้ว ด้วยเทรนด์การใส่ชุดนักเรียนไทย ทำให้สำหรับคนที่อยากจะตามเทรนด์ก็ต้องมีการชักชวนเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย มาซื้อชุดนักเรียนที่ไทย รวมถึงการซื้อกลับไปยังประเทศเป็นของฝาก
 
ดังนั้น เรื่องของ Soft Power ในด้านสื่อบันเทิงผนวกเข้ากับการใช้เครื่องมืออย่างสื่อโซเชียลมีเดีย เป็นอาวุธสำคัญอย่างมากที่จะสามารถผลักดันให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นเศรษฐกิจขนาดเล็กและเปิด ที่ต้องพึ่งพาปัจจัยนอกประเทศในสัดส่วนที่สูง โดยการผลักดันอย่างจริงจังและป้อนไปยังตลาดหลาย ๆ ประเทศ ก็คาดว่าจะยิ่งสามารถสร้างโอกาสที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมถึงภาคการค้าอื่น ๆ ที่มีประโยชน์กับไทยได้มากยิ่งขึ้น

LastUpdate 29/12/2567 21:59:54 โดย : Admin
กลับหน้าข่าวเด่น
26-01-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ January 26, 2025, 1:36 pm