Special Report : Bitcoin ทะลุเหนือ 60,000 ดอลลาร์ ติด Top 10 มูลค่าสินทรัพย์สูงสุดในโลก


 

Bitcoin สามารถเอาชนะแรงต้านที่ระดับราคา 52,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ หลังจากทำกราฟ Sideway อยู่ในระดับดังกล่าวตลอดช่วงกลางเดือน ก.พ.2024 และได้พุ่งทำจุดสูงสุดที่ระดับ 64,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงปลายเดือน ก.พ. ก่อนลดระดับความผันผวนลงมาและยืนเหนือระดับ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ ณ เวลานี้
 
ดูท่าความร้อนแรงของ Bitcoin ที่นับวันจะยิ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้น และเข้าใกล้จุด All Time High สูงสุดตลอดกาลเข้าไปทุกที (ATH: 69,000 ดอลลาร์สหรัฐ) จะเป็นการยืนยันถึงสภาวะตลาดคริปโต ที่กำลังเข้าสู่ช่วง Bullrun หรือช่วงตลาดกระทิงได้อย่างเต็มตัว หลังจากแรงส่งของทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สหรัฐ ที่ได้อนุมัติกองทุน Bitcoin Spot ETF ไปเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการเปิดประตูปี 2024 ให้เม็ดเงินลงทุนจากสถาบันการเงินรายใหญ่และนักลงทุนจากโลกเก่าได้หลั่งไหลเข้าไปยัง Bitcoin ในปริมาณมหาศาล เนื่องจากเป็นการยืนยันถึงความน่าเชื่อถือในนามขององค์กรรัฐบาลที่เป็นผู้ควบคุมตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ ประเทศมหาอำนาจที่กำกับทิศทางหลักของโลก เราจึงได้เห็น Demand การเข้าซื้อ Bitcoin ที่มากจนสกุลเงินดิจิทัลดังกล่าวมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น 50% มีมูลค่าตลาดกินสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าตลาดเหรียญคริปโตทั้งหมด และยิ่งไปกว่านั้น Bitcoin ก็มีมูลค่าตลาดที่มากเสียจนเข้าไปติด Top 10 สินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากสุดในโลกอีกด้วย
 
 
Top 10 Assets by https://companiesmarketcap.com 
 
อ้างอิงจากข้อมูลของ Companies Market Cap ได้รายงานว่า Bitcoin ได้เข้าสู่อันดับที่ 10 ของสินทรัพย์ที่มูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก (โดยปัจจุบันมี Market Cap อยู่ที่ 1.218 ล้านล้านดอลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นภาพสะท้อนได้อย่างดีว่า สินทรัพย์ดิจิทัลที่นำทัพโดยสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin ได้กลายเป็นอีก 1 ประเภทสินทรัพย์ที่คนส่วนใหญ่ในโลกเริ่มให้การยอมรับแล้ว
 
แม้ Bitcoin จะยังถือเป็นสินทรัพย์ประเภทใหม่ ที่ยังมี Use Cases หรือการใช้งานที่ยังอยู่ในแวดวงของโลกดิจิทัลเสียส่วนใหญ่ และยังไม่สามารถเรียกได้อย่างเต็มปากว่าเป็น Store of Value (สินทรัพย์ที่เก็บรักษามูลค่าได้ ซึ่งคนยอมรับให้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน) ได้เหมือนอย่างกับทองคำ เนื่องจากยังมีความผันผวนสูงอยู่ แต่กลไกลของ Bitcoin นั้นได้ถูกสร้างขึ้นมาให้มี ฟังก์ชั่นเหมือนกับทองคำ หรือที่เรียกกันว่า “Bitcoin is also known as digital gold.” ที่มีอยู่อย่างจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ไม่สามารถผลิตเพิ่มได้ ซึ่งการมีอยู่อย่างจำกัดก็ตรงเข้ากับหลักของทั้ง Demand-Supply ที่ Limited Supply จะมีความต้องการสูงขึ้น และมูลค่าก็เพิ่มขึ้นด้วย และมีคุณสมบัติเป็น Monetary Value ที่เป็นสิ่งมีค่า สามารถ Backup เป็นเงินสดได้เหมือนกับที่ใช้ทองคำเป็นทุนสำรองในการผลิตเงิน หรือซื้อเก็บเอาไว้แล้วค่อยแลกเปลี่ยนเป็นเงินตรา แต่ความแตกต่างระหว่าง Bitcoin กับ ทองคำ ก็คือ Level ของการได้รับการยอมรับในระดับสากลทั่วโลกที่ตกลงให้สิ่งนั้นเป็นสื่อกลางของการแลกเปลี่ยนมูลค่า
 
โดยทองคำ เป็นสินทรัพย์ที่เมื่อ 6,000 ปีก่อน ผู้คนยุคนั้นได้ตกลงกันว่าจะใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่าสิ่งของ หรือก็คือเป็นการสถาปนา ด้วยความเห็นพ้องกันว่า “ทองคำ” เป็นสินทรัพย์คงมูลค่า และเอามาเป็น Store of Value อย่างยาวนานจวบจนปัจจุบัน ส่วน Bitcoin เพิ่งจะเริ่มเกิดขึ้นในปี 2009 เป็นระบบเงินดิจิทัลที่มีเครือข่ายบล็อกเชนในการควบคุม ซึ่งยังเป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับคนในระดับ Mass แต่สินทรัพย์ใหม่ประเภทนี้ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาที่เจริญตามรอยความก้าวหน้าของโลกยุคดิจิทัลในปัจจุบัน ที่ดีไซน์ออกมาให้เราสามารถกักเก็บความมั่งคั่งเอาไว้ในระบบดิจิทัลและทำการเคลื่อนย้ายไปได้ทุกที่ (สะดวกกว่าการเคลื่อนย้ายทองคำ) การที่ Bitcoin มีมูลค่าตลาดเข้าเส้นชัยในอันดับ 10 ของโลกได้แล้ว ก็นับได้ว่าเป็นการเริ่มต้นศักราชใหม่ที่เราอาจเห็นการยอมรับที่เพิ่มขึ้นกว่านี้จนเทียบเท่าทองคำก็เป็นได้ในอนาคต

LastUpdate 03/03/2567 22:25:53 โดย : Admin
กลับหน้าข่าวเด่น
22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 12:19 am