ปี 2024 นี้ เรียกได้ว่าเป็นปีแห่งการ Come Back ของเหรียญคริปโตเลยก็ว่าได้ หลังจากที่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวมนั้น ได้ซบเซาลงไปเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี ที่มีมรสุมรุมเร้า ตั้งแต่เหรียญ Luna ซึ่งจัดได้ว่ามี Market Cap ติด Top 10 ในตลาดคริปโตช่วงปี 2022 เกิดการล่มสลายขึ้นมาจนราคาเป็น 0 หรือชนวนของแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตอันดับ 2 ของโลกอย่าง FTX ที่ล้มละลายจากการขาดสภาพคล่อง อันทำให้เกิดเป็นวิกฤตที่ลุกลามเป็นโดมิโนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวม ประกอบเข้ากับเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่เกิดสงครามรัสเซีย - ยูเครน ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกเกิดความแปรปรวน สหรัฐต้องเผชิญกับเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 40 ปี จน Fed ธนาคารกลางสหรัฐต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งส่งผลต่อความมั่งคั่งที่ลดลงของคนทั่วโลก
มาในปีนี้สถานการณ์เป็นบวกได้เข้ามาส่งเสริมให้กระแสเงินทุนหลั่งไหลเข้ามาสู่ตลาดคริปโตในทุกทิศทาง ทั้งสถานการณ์เงินเฟ้อดีขึ้นทั่วโลก Fed เลยได้หยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งสัญญาณลดในปีนี้ ทำให้ตลาดลงทุนทั่วโลกกลับมาคึกคักเนื่องจากไม่ต้องเก็บเงินไว้กับตัวเพื่อรักษาความมั่นคงเหมือนช่วง 2 ปีที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ และแรงส่งหลักที่ ก.ล.ต. สหรัฐ ได้ไฟเขียวอนุมัติกองทุน Bitcoin Spot ETF เมื่อช่วงต้นปีนี้ นับว่าเป็นการการันตีและให้การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นทางการ จากในนามขององค์กรของรัฐบาลสหรัฐ ดึงดูดให้สถาบันรายใหญ่ต่างๆ และนักลงทุนจากโลกเก่าจำนวนมหาศาลได้หลั่งไหลเข้ามาลงทุนในเหรียญ Bitcoin กันมากขึ้น จนราคาได้ทะลุ ATH อยู่ที่ระดับ 70,000 ดอลลาร์สหรัฐในตอนนี้
ดัชนี Crypto Fear and Greed Index
โดยเมื่อ Bitcoin หรือสกุลเหรียญหลักของตลาดคริปโตได้กลับเข้ามาในโซนราคาเดิม และมีโอกาสเติบโตอีกมาก ด้วยแรงส่งของ Event สำคัญ Bitcoin Halving (การลดปริมาณการขุด Bitcoin ที่ทำให้ Demand เพิ่มขึ้น) ก็ได้เรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนให้ลงเงินกับเหรียญอื่นๆ หรือ Altcoin ในตลาดด้วยเช่นกัน เพราะพิจารณาดูจากดัชนี Fear and Greed Index ที่ตอนนี้ตลาดได้เข้าสู่ความโลภแล้ว บ่งบอกได้ถึงสภาวะที่ผู้คนมีความกล้าที่จะลงทุนและเก็งกำไรในคริปโต ไม่ว่าจะเริ่มลงทุนด้วย Bitcoin นำร่องก่อนก็ตาม แต่ Money Flow ในตลาดเดียวกันก็จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปยังเหรียญคริปโตอื่นๆ ที่ทำให้ความต้องการยิ่งพุ่งสูงขึ้น และจะมีแต่ดึงดูดให้คนอยากทำกำไรเข้ามาลงทุนในเหรียญนั้นๆ ตามกลไกของ Demand-Supply
ส่วนอีก 1 เหตุผลสนับสนุนที่บ่งบอกว่า Altcoin Season กำลังกลับมาแล้ว คือเรื่องของสถิติ ที่ดูได้จากสัญญาณของกราฟราคาเชิงเทคนิค พิจารณาจากภาพที่ใหญ่ที่สุดอย่าง วัฎจักร 4 ปี ที่จะแบ่งออกเป็น Bear Market ตลาดหมี เป็นช่วงเวลาที่ราคาสินทรัพย์ต่ำลง และ Bull Market ตลาดกระทิง เป็นช่วงเวลาที่ราคาสินทรัพย์อยู่ในโซนขาขึ้น ซึ่งช่วงปี 2018 - 2021 เคยเกิดวัฎจักรไปแล้ว 1 รอบ ที่ราคาคริปโตดิ่งลงมาปรับฐานใหญ่ในปี 2018 ก่อนเข้าสู่ช่วงตลาดกระทิงในปี 2021 มาในวัฎจักรใหม่นี้ ปี 2022 - 2025 จากที่เริ่มลงมาปรับฐานใหญ่อีกครั้งในปี 2022 ไล่มาจนถึงปี 2024 ปัจจุบัน ที่กราฟส่งสัญญาณขาขึ้น ก็สามารถคาดการณ์ได้ว่าในปีนี้จนถึงปี 2025 ตลาดคริปโตกำลังก้าวเข้าสู่ยุครุ่งเรืองในระดับราคาอีกครั้ง
Market Cap ของ Altcoin จาก tradingview.com
และหากพิจารณาจาก Market Cap ของ Altcoin ทั้งหมดตามภาพด้านบน จะพบว่า Volume ของกระแสเงินได้มีการปรับตัวขึ้นมาแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ อีกทั้งยังมี Market Cap สูงใกล้เคียงกับช่วงตลาดกระทิงก่อนหน้าในปี 2021 จึงคาดการณ์ได้ว่ามูลค่าของเหรียญ Altcoin กำลังกลับขึ้นไปในโซนเดิม และอาจมีบางสกุลที่จะพุ่งขึ้นไปทำ All Time High ตามความต้องการเก็งกำไรที่มากขึ้นจากนักลงทุนที่เข้ามามากกว่าเดิมในช่วงวัฏจักรที่แล้ว
ทั้งนี้ หลังจากที่มรสุมของการขาดความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ผ่านพ้นไป และมีการ Set Standard ใหม่ให้กับตลาด ทำให้ปัจจุบัน Altcoin แต่ละโปรเจกต์ได้พัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีใหม่ๆ ออกมามากขึ้น เพื่อให้เกิด Utility ในการใช้งานที่ให้ประโยชน์กับผู้ใช้งานจริง ทั้งการ Scaling เพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรม มีการออกผลิตภัณฑ์การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล Ecosystem ของ Metaverse ที่เชื่อมโลกจริงกับโลกเสมือนที่เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น และอื่นๆ อีกมากมาย นับเป็นการวางรากฐานของ Decentralized Finance ที่เป็นรูปธรรม อันสร้างโอกาสในการเติบโตที่จะดึงดูดนักลงทุนสายคุณค่าและผู้ใช้งานรายใหม่ๆ จำนวนมากให้เข้ามายังโลกการเงินดิจิทัลกันมากขึ้นในอนาคต
ข่าวเด่น