ผ่านไปแล้วสำหรับ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 หรือช่วงเวลาการลดปริมาณการจ่ายเหรียญ Bitcoin จากการขุดในปริมาณครึ่งหนึ่ง เมื่อช่วงปลายเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งการลดปริมาณ Supply ของเหรียญ ขณะที่ความต้องการถือครอง Bitcoin เพิ่มมากขึ้น จากการยอมรับในวงกว้าง ก็ทำให้ตลาดต่างคาดหวังว่า สินทรัพย์อย่างคริปโตจะกลับเข้าสู่ Cycle ของขาขึ้น หรือช่วง Bull Run ตามไทม์ไลน์ที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีตจาก Bitcoin ครั้งที่ผ่านมา
แม้ว่าตอนนี้อาจจะยังเร็วไป ถ้าด่วนตัดสินว่า Bitcoin จะร่วงหรือเข้าสู่ขาขึ้นกันแน่ เพราะทิศทางของราคาในปัจจุบันยังไม่สามารถเอาชนะระดับ 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็น AllTime High ก่อนช่วง Bitcoin Halving ไปได้ แต่สิ่งที่สามารถทำได้ใน ณ ขณะนี้ คือ การพิจารณาปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่ส่งผลต่อ
เหรียญคริปโตต่อไปในอนาคตได้ดังนี้
1. การยอมรับ Bitcoin ในปัจจุบันมีเพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ ที่สำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา ไฟเขียวอนุมัติให้ Bitcoin Spot ETF ที่จดทะเบียนในสหรัฐถูกกฎหมายอย่างเป็นทางการ ก็ดึงดูดเม็ดเงินจากสถาบันการเงินใหญ่ๆ และเพิ่มการยอมรับในสินทรัพย์ประเภทใหม่นี้มากขึ้น ติด Top 10 สินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากสุดในโลก และล่าสุด ตามการรายงานของ CoinGecko กระดานเว็บเทรดเหรียญคริปโตระดับโลก ก็ได้เผยว่า ปริมาณการซื้อขายบนเว็บเทรดเพิ่มขึ้น 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2024 เช่นเดียวกับกระดานเว็บเทรดเจ้าอื่นๆ ที่มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นมากเช่นกันในปีนี้
2. Bitcoin ดึงดูดเม็ดเงินปริมาณมหาศาล เม็ดเงินที่ไหลเข้ามาใน Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 มาจากสถาบันการเงิน และนักลงทุนรายใหญ่ ต่างจากครั้งที่ 3 (หรือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว) ที่เป็นเม็ดเงินจากรายย่อย และเนื่องจากเป็นการลงทุนจากรายใหญ่ ก็มีโอกาสที่ความผันผวนจะลดลงกว่าช่วงก่อนหน้าที่เกิดการเทขาย หรือ Fomo เข้าซื้อจนราคาขึ้นสุดลงสุด
3. Transaction ของ Bitcoin สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ธุรกรรมรายวันบน Blockchain ของ Bitcoin พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังจากการเกิด Bitcoin Halving ได้ 3 วัน ที่ 926,842 ธุรกรรม เป็นสัญญาณที่ดีของความต้องการ Bitcoin ที่มากขึ้น สวนทางกับปริมาณเหรียญที่ผลิตออกมาได้อย่างจำกัด
4. กว่า Bitcoin จะเข้าสู่ช่วงขาขึ้นเต็มตัว ต้องรอประมาณ 6 เดือน ตามสถิติของ Bitcoin Halving ทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมา แนวโน้มของมูลค่าเหรียญคริปโตในตลาดโดยรวมจะมีมูลค่าสูงขึ้น เมื่อผ่านไปประมาณ 6 เดือนหลังการ Halving
หากพิจารณาของสัญญาณรอบด้าน ก็นับว่าเป็นปัจจัยบวกที่จะส่งเสริมให้ Bitcoin และเหรียญคริปโตในตลาดโดยรวมมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งก็อยู่ในกรอบระยะเวลาอีก 6 เดือน ที่ Bitcoin มีทิศทางเพิ่มขึ้นตามสถิติของเหตุการณ์ Bitcoin Halving
แต่อย่างไรก็ดี สัญญาณดังกล่าว ก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถยืนยันได้เต็ม 100% ว่า Bitcoin จะเข้าสู่ช่วงขาขึ้นในปีนี้อย่างแน่นอน เพราะถ้าเราพิจารณาราคาของ Bitcoin ที่ยังไม่สามารถผ่านแนวต้านในระดับ 70,000 ดอลลาร์ไปได้ ก็มีคำอธิบายที่สามารถรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้ อย่างปัญหาของเศรษฐกิจระดับมหภาค จากการเผชิญกับความไม่แน่นอนในกรณีความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ที่ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ส่งผลต่อสภาวะเงินเฟ้อ และความผันผวนในภาคเศรษฐกิจ กับสินทรัพย์เสี่ยง เช่น คริปโต เพราะคนส่วนใหญ่ยังยอมรับว่าทองคำเป็น Store of Value ที่มีภาษีที่ดีมากกว่า Digital Gold อย่าง Bitcoin อีกทั้งท่าทีของ Fed หรือ ธนาคารกลางสหรัฐ ก็ดูเหมือนว่าจะเลื่อนการลดอัตราดอกเบี้ยออกไปอีก เพื่อรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนในตอนนี้ เป็นปัจจัยใหญ่ที่กดดันราคาของ Bitcoin ให้ต่ำลงหรือทรงตัวได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ปัจจัยเพิ่มเติมที่ส่งผลให้ราคาของ Bitcoin ขยับขึ้นได้ อาจเป็นการดึงดูดนักลงทุนใหม่ๆ เข้ามา เช่น Bitcoin Spot ETF ของทางฮ่องกง ที่จะเริ่มทำการซื้อขายในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ก็มีโอกาสที่จะสร้างแรงกระเพื่อมที่ดีให้กับมูลค่า Bitcoin เหมือนช่วงที่ Bitcoin Spot ETF ของสหรัฐ ที่หลังเปิดตัว ก็สามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้กว่า 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น
ข่าวเด่น