กัมพูชา เตรียมขุด “คลองฟูนันเตโช” 1 ในโครงการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ทางการจีนเข้ามาลงทุน ซึ่งจะทำให้เส้นทางการคมนาคมทางน้ำจากกรุงพนมเปญ เชื่อมต่อไปยังอ่าวไทยโดยไม่ต้องผ่านท่าเรือเส้นทางเวียดนามเหมือนในปัจจุบัน นับเป็นการลดการพึ่งพาเวียดนามตามเป้าประสงค์ของผู้นำของกัมพูชา ที่จะทำให้ประเทศไม่ต้องยืมจมูกของประเทศอื่นหายใจ แต่ก็อาจทำให้กัมพูชาตกไปอยู่ใต้อิทธิพลของจีนต่อเสียเอง อีกทั้งยังมีโอกาสที่กัมพูชาจะกลายเป็นฐานบัญชาการของจีน เพื่อใช้ประโยชน์ในการขยายอำนาจของตนไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย
เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา รองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ส ว่า กัมพูชาวางแผนจะลดการขนส่งผ่านท่าเรือเวียดนามลงมา 70% โดยเตรียมจะปรับปรุงคลองที่เชื่อมระหว่างลุ่มแม่น้ำโขงกับชายแดนกัมพูชาในโครงการที่ชื่อว่า “คลองฟูนันเตโช” หรือ “Cambodia's Funan Techo Canal Project” ด้วยเงินลงทุนจากจีน 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 63,000 ล้านบาท ผ่าน CBRC หรือรัฐวิสาหกิจของจีน ซึ่งตัวโครงการนี้จะเตรียมเริ่มดำเนินการปลายปี 2024 และวางแผนแล้วเสร็จภายในปี 2028
เป้าหมายของการขุดคลองฟูนันเตโช คือ การลดใช้ท่าเรือเวียดนาม ที่กัมพูชาใช้เป็นเส้นทางในการขนส่งสินค้า เปลี่ยนไปใช้คลองของตนเอง ที่มีเส้นทางเชื่อมจากท่าเรือของกรุงพนมเปญไปยังจังหวัดทางตอนใต้ของประเทศกัมพูชา ก่อนจะออกสู่ทะเลอ่าวไทยโดยตรง ไม่ต้องผ่านแม่น้ำโขงเข้าเวียดนามเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งหากโครงการคลองฟูนันเตโชสร้างเสร็จ ก็จะกลายเป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำสายแรกของประเทศกัมพูชา มีอิสระในการขนส่งสินค้าเข้า-ออกประเทศ ลดรายจ่ายค่าธรรมเนียมการขนส่ง รวมถึงยังเป็นการสร้างงานให้กับชาวกัมพูชาที่อาศัยริมคลองกว่า 5 ล้านคนอีกด้วย
“ฮุน มาเนต“ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน ระบุว่า โครงการนี้จะทำให้กัมพูชาไม่ต้องยืมจมูกของประเทศอื่นหายใจอีกต่อไป โดยจะทำการส่งเสริมโครงการของจีน และผลักดันข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative : BRI) ของทางการจีนในกัมพูชา นับเป็นการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีน-กัมพูชา ที่ทางจีนตั้งตัวให้การสนับสนุนการพัฒนากัมพูชาอย่างเต็มที่ พร้อมจะยกระดับความความร่วมมือด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ
โดยคลองนี้มีะระยะทาง 180 กิโลเมตร กว้าง 100 เมตร ลึกถึง 5.4 เมตร ทำให้เรือบรรทุกที่มีน้ำหนักสูงสุด 3,000 ตัน สามารถใช้เส้นทางนี้ได้ ซึ่งทำให้มีข้อกังวลว่า การที่จีนเข้ามาลงทุนโครงการนี้ ความลึกของคลองดังกล่าว เพียงพอสำหรับเรือของกองทัพที่จะเข้ามาจากอ่าวไทย ซึ่งจีนอาจอาศัยคลองนี้เป็นเส้นทางเคลื่อนเรือรบเข้าประชิดพรมแดนเวียดนามได้ แม้ทางกัมพูชาได้ชี้แจงว่าจะไม่ให้ประเทศใดใช้กัมพูชาเป็นฐานโจมตีประเทศอื่น แต่กรณีตัวอย่างของฐานทัพเรือเรียม ที่ทางการจีนลงทุนในสีหนุวิลล์ ของกัมพูชา ในอดีตรองรับได้เพียงเรือลาดตะเวนขนาดเล็กของกองทัพเรือกัมพูชา แต่ตอนนี้ ฐานทัพเรือสร้างขึ้นใหม่ให้มีขนาดยาว 363 เมตร สามารถรองรับเรือที่บรรทุกเครื่องบินมาจอดเทียบท่าได้ ซึ่งทางสหรัฐมองว่า ฐานทัพเรือดังกล่าวจะกลายเป็นฐานทัพนอกประเทศแห่งแรกของจีนในอินโดแปซิฟิก แม้รัฐบาลกัมพูชาออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้แล้วหลายครั้ง แต่ช่วง 3 ธ.ค.2023 จีนก็ได้ส่งเรือรบ 2 ลำเทียบท่าฐานทัพเรือเรียมแล้วเป็นที่เรียบร้อย
โครงการคลองฟูนันเตโช ก็เป็นอีก 1 โครงการ ของแผนริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (BRI) ของจีน ซึ่งเป็นแผนการเข้าไปสนับสนุนการลงทุนในประเทศที่กำลังพัฒนาและประเทศด้อยพัฒนา ในรูปแบบการมอบทรัพยากรและโอกาสทางเศรษฐกิจให้ ส่วนประโยชน์ที่ได้ ก็จะเป็นการที่ทำให้จีนขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจไปได้ทั่วโลกมากขึ้น เพราะการที่ต่างประเทศพึ่งพาจีน จะส่งผลดีทั้งในด้านของการต่อรอง และการกระทำต่างๆ ที่ส่งผลดีต่อจีน เช่นเดียวกันกับการที่จีนลงทุนสร้างโครงการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมต่อการคมนาคมทั่วกัมพูชาที่ผ่านมา อย่างเช่น การที่จีนลงทุนสร้างทางด่วนสายพนมเปญ-สีหนุวิลล์ ระยะทาง 187 กิโลเมตร จีนได้สิทธิในการเก็บค่าผ่านทางและบริหารโครงการนี้เป็นเวลา 50 ปี ซึ่งโครงการคลองฟูนันเตโชเอง ก็คงมีโอกาสที่จีนจะได้สิทธิในการบริหารจัดการคลองนี้เช่นกัน
จากความกังวลดังกล่าว แน่นอนว่าก็อาจจุดชนวนความขัดแย้งระหว่างเวียดนาม-กัมพูชา ได้ เนื่องจากเวียดนามจะสูญเสียรายได้ก้อนใหญ่จากที่ปัจจุบัน กัมพูชาใช้ท่าเรือเวียดนามขนส่งสินค้าเพื่อทำการค้าทั่วโลก นับตั้งแต่ปี 2011 มีการขนส่งสินค้ากว่า 30 ล้านตัน และคลองฟูนันเตโชนี้ อาจสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวขนาดใหญ่ที่ช่วยเหลือคนท้ายน้ำในเวียดนาม การขุดคลองอาจไปเปลี่ยนทิศทางไหลของแม่น้ำโขง เป็นการซ้ำเติมปัญหาที่ปลายน้ำกำลังเผชิญอยู่จากการสร้างเขื่อนในจีนและลาว
แม้กัมพูชาแก้ต่างว่า คลองนี้จะใช้เพื่อการชลประทานและการประมง และคลองนี้จะเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากระยะทางที่สั้นขึ้น แต่ก็ไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือใด ๆ แก่ประเทศเพื่อนบ้าน เพราะทางคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า กัมพูชาไม่ได้ส่งการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ แม้ว่าจะมีการส่งจดหมายอย่างเป็นทางการ 2 ฉบับ ที่ส่งไปในเดือน ส.ค. กับ ต.ค.ปีที่แล้วก็ตาม และไม่ได้ปรึกษากับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคสำหรับโครงการนี้ เพราะอ้างว่าโครงการนี้เป็นประโยชน์ต่อชาวกัมพูชา ในด้านการชลประทานเพื่อการเกษตร และโครงการนี้ก็เกี่ยวข้องกับแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขงเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องมีการปรึกษากับพันธมิตร
โครงการคลองฟูนันเตโช นับว่าเป็นบททดสอบด้านการต่างประเทศชิ้นแรกของฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน ที่มีทิศทางการบริหารที่ต่างจาก ฮุน เซน ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่แล้ว ที่รักษาความสัมพันธ์กับเวียดนามมาตลอด 40 ปี เปลี่ยนไปสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่อย่างจีน ที่ให้การสนับสนุนกัมพูชาอย่างเต็มที่ให้ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนไม่ใช่การให้เปล่า ท้ายที่สุดแล้ว “กัมพูชา” ก็อาจตกไปอยู่ภายใต้อิทธิพลของจีนแทน ตามแผนการขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจไปทั่วโลก
ข่าวเด่น