หนังสือพิมพ์ Times of India รายงานว่า วันที่ 31 พ.ค. 2024 ที่ผ่านมา ธนาคารกลางอินเดีย หรือ RBI ได้ทำการเคลื่อนย้ายทองคำจำนวน 100 ตันเศษ จากอังกฤษกลับคืนสู่อินเดีย พร้อมกันนั้น ก็ยังมีการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอินเดีย อาจทำการขนย้ายทองคำในปริมาณใกล้เคียงกันกลับสู่ประเทศอีกครั้งในเร็วๆ นี้
โดยการคาดการณ์ดังกล่าว ตรงตามการรายงานของ ซันจีฟ สันยัล นักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียงและสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีอินเดีย ที่กล่าวผ่าน X (Twitter) ไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า “RBI ได้ย้ายทองคําสํารองจำนวน 100 ตัน กลับไปยังอินเดียจากอังกฤษ และอินเดียจะทำการจัดเก็บทองคำส่วนใหญ่ไว้ที่ประเทศตัวเอง”
โดยที่ผ่านมาทั้งอินเดียและหลายๆ ประเทศส่วนใหญ่ในโลก มักจะมีการเก็บทองคำไว้ที่ธนาคารแห่งอังกฤษในฐานะทุนสำรอง เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจของประเทศในยามที่เผชิญกับความผันผวนทางการเงิน ช่วยในการทำธุรกรรมต่างประเทศได้สะดวกมากขึ้น (เช่น ใช้ทองคำเป็นหลักประกันในการกู้ยืมจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ หรือการชำระหนี้ระหว่างประเทศ) ใช้สำหรับพยุงค่าเงิน และสร้างความน่าเชื่อถือในระดับสากล โดยเหตุที่ต้องเป็นธนาคารอังกฤษก็เพราะ ธนาคารนี้เป็นหนึ่งในธนาคารกลางที่เก่าแก่และมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกมานาน การมีทองคำเก็บไว้ที่นี้ จึงเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับประเทศนั้นๆ นอกจากนี้ ธนาคารอังกฤษ ยังมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการเก็บรักษาทองคำอย่างปลอดภัยมาหลายร้อยปี ด้วยระบบความปลอดภัยที่เข้มงวดและมาตรฐานสูงในระดับสากล ทำให้ประเทศต่างๆ มั่นใจในความปลอดภัยของทองคำที่เก็บไว้ที่นี้
โดยทางอินเดียเอง ในช่วงปี 1990 ได้เกิดภาวะขาดดุลทางการค้าและดุลการชำระขนาดใหญ่ต่อเนื่องยาวนาน ประกอบกับการพัฒนาสาธารณูปโภคและระบบชลประทานเพื่อการเกษตรไม่มีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีการนำเข้าสินค้าปัจจัยพื้นฐานเพื่อหล่อเลี้ยงประชากรที่มีอยู่มหาศาลในประเทศ ทำให้ค่าเงินรูปีอ่อนค่า จนเกิดวิกฤตทางการเงินในปี 1991 ที่อินเดียมีเงินตราต่างประเทศเพื่อจะชำระสินค้านำเข้าได้อีกเพียงระยะเวลา 3 สัปดาห์เท่านั้น ทำให้อินเดียต้องระดมทุนอย่างยิ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ และวิกฤตทางการเงินที่เกิดขึ้น จึงเป็นที่มาของการทยอยขนย้ายทองคำไปสำรองไว้ที่อังกฤษเพื่อเพิ่มอัตราแลกเปลี่ยนต่างประเทศ และประกันเก็บไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน
โดยหลังจากอินเดียได้ขนย้ายทองคำไปต่างประเทศ พร้อมกับความช่วยเหลือของการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจและเปิดตลาดภายในประเทศในปีเดียวกัน ทำให้เศรษฐกิจค่อยๆ มีการพัฒนามากขึ้น จวบจน 10 ปีหลังมานี้ อินเดียได้กลายเป็นมหาอำนาจเกิดใหม่ ที่มีความสำคัญในเวทีเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้น Movement หรือการกระทำใดๆ ของอินเดีย ย่อมเป็นที่จับตามองทั้งสิ้น ดังเช่น การขนย้ายทองคำจากอังกฤษกลับประเทศ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวครั้งแรกในรอบ 33 ปี
ส่วนเหตุผลที่อินเดียนำทองคำสำรองจำนวน 100 ตันกลับประเทศนั้น แม้ทาง RBI ไม่ได้ออกมาชี้แจงใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อเป็นเวลานาน และกรณีที่ชาติยุโรปพากันคว่ำบาตรรัสเซีย โดยเฉพาะอังกฤษ และเยอรมันที่ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างชัดเจนนั้น ก่อเกิดเป็นความไม่แน่นอนว่าทางด้านรัสเซียจะมีการตอบโต้อย่างไร อีกทั้งการที่สหรัฐและชาติตะวันตกสั่งอายัดทรัพย์ของรัสเซีย รวมถึงสกัดการเข้าถึงทุนสำรองระหว่างประเทศที่รัสเซียได้ฝากไว้ในต่างประเทศ ฉะนั้นแล้ว แม้ธนาคารอังกฤษจะมีข้อดีตามข้างต้นมากแค่ไหน แต่ประเทศต่างๆ ที่ได้เห็นกรณีตัวอย่างหากเกิดการขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ขึ้นมาเหมือนกับรัสเซีย จึงเป็นผลที่ทำให้ธนาคารกลางหลายแห่ง รวมถึง RBI ของอินเดีย เริ่มกักตุนซื้อทองคำมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ รวมถึงขนย้ายทองคำที่เก็บไว้เป็นทุนสำรองที่ต่างประเทศ เอากลับมาเก็บไว้กับตัวเอง ตรงตามการสำรวจของ Invesco Ltd. ที่เปิดเผยว่าธนาคารกลางประมาณ 68% กำลังจะดึงทองคำกลับมาไว้ที่ประเทศตน จากประเด็นความขัดแย้งในด้านภูมิศาสตร์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้
ทางสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ณ สิ้นเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา ทองคําทั้งหมดที่ธนาคารกลางอินเดียถือครอง มีจำนวน 822.10 ตัน (เพิ่มขึ้นจาก 794.63 ตัน ของช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว) โดยมีการเก็บไว้ในอินเดีย 408.31 ตัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ส่งผลกับทิศทางของราคาทองคำในตลาดที่เพิ่มขึ้น
ข่าวเด่น