สถานการณ์ความไม่สงบในฝั่งตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ที่เปิดฉากมาตั้งแต่ 7 ต.ค. 2566 ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยมา จากลักษณะของสงครามตัวแทนได้กลายเป็นสงครามใหญ่ระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ที่อิหร่านได้กระโจนเข้ามาร่วมต่อกรกับทางอิสราเอลด้วยตัวเอง และในขณะที่อิสราเอลได้โจมตีเมืองราฟาห์ จุดรวมผู้อพยพที่อยู่ทางตอนใต้สุดของฉนวนกาซาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดนั้น ความขัดแย้งก็ได้ดำเนินมาถึงความเสี่ยงของการเปิดฉากระหว่างสงครามอิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์ ในแถบเขตพรมแดนระหว่างรอยต่อของอิสราเอลและเลบานอน
จริงอยู่ที่เริ่มแรก ความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาสของปาเลสไตน์ (กลุ่มชาติพันธุ์ที่อิหร่านให้การสนับสนุน) แต่ด้วยการปะทะกันในพื้นที่ตะวันออกกลาง ซึ่งประเทศอื่น ๆ ในพื้นที่นี้ล้วนมีส่วนร่วมกับประวัติศาสตร์ความขัดแย้งมานานระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ทำให้มีการลุกลาม ที่มีผู้เล่นใหม่เข้าสู่สนามรบครั้งนี้ด้วย โดยทางกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ คือองค์กรทางการเมือง สังคม และการทหารของมุสลิมนิกายชีอะห์ มีอิทธิพลอย่างสูงในประเทศเลบานอน และจัดเป็นพันธมิตรของกลุ่มฮามาสและอิหร่าน ซึ่งกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ มีประวัติศาสตร์ความขัดแย้งทางด้านดินแดนกับอิสราเอลมาอย่างยาวนาน และมีการยิงปะทะกับทหารอิสราเอลมาตั้งแต่วันแรกที่อิสราเอลประกาศสงครามกับฮามาสในกาซา จนปัจจุบันความรุนแรงได้เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังอิสราเอลก็ได้เริ่มมีการโจมตีเลบานอน โดยสังหาร 1 ในผู้บัญชาการระดับอาวุโสของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เสียชีวิตเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว
ต้องเท้าความก่อนว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์นั้นอยู่ในพื้นที่ทางตอนใต้ของเลบานอน และกลุ่มนี้เกิดขึ้นมาด้วยความช่วยเหลือของอิหร่าน ในช่วงที่อิสราเอลเข้ายึดครองเลบานอนในต้นทศวรรษ 1980 จนถอนกำลังออกไปในปี 2000 แต่ฮิซบอลเลาะห์ยังคงเสริมสร้างความแข็งแกร่งขององค์กรตนเอง จนก้าวขึ้นมามีอำนาจทางการเมือง โดยปัจจุบันได้กลายมาเป็นผู้มีอำนาจต่อรองในเวทีการเมืองของเลบานอน ทำให้การปะทะที่คุกรุ่นขึ้นครั้งนี้ ด้านรัฐบาลของเลบานอนพยายามที่จะวางตัวเป็นกลางระหว่าง 2 ฝ่าย (เพราะความมั่นคงของเลบานอนส่วนหนึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับทางกลุ่มฮิซบอลเลาะห์)
แต่การสังหารที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ทางฝ่ายฮิซบอลเลาะประกาศว่าพร้อมจะทำสงครามเต็มรูปแบบ และเตรียมจะใช้อาวุธใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อน ซึ่งสามารถโจมตีได้ทั้งอิสราเอล โดยอ้างว่ากลุ่มตนได้มีการขับโดรนสอดส่องไปยังพื้นที่ของอิสราเอล และถ่ายเก็บภาพในเมืองไฮฟา ตลอดจนฐานทัพอากาศ ซึ่งอ้างว่าตอนนี้รู้จุดสำคัญทางการทหารของอิสราเอลหมดว่าอยู่จุดไหนบ้าง
นอกจากนี้ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังมีการประกาศเตือนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ไซปรัส ประเทศที่อยู่บริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ห้ามไม่ให้ทำการช่วยเหลืออิสราเอลในด้านการขนส่ง สนามบิน ตลอดจนใช้เป็นฐานที่มั่นของกองทัพอิสราเอลด้วย เพราะไซปรัสเป็นพื้นที่จุดหลัก หากทำการเลือกข้างก็อาจก่อให้เกิดการรุกล้ำเข้ามายังเลบานอนได้ ซึ่งทางด้านไซปรัสก็มีการย้ำถึงจุดยืนที่จะไม่ช่วยเหลือ และที่ผ่านมาก็เคยเปิดน่านน้ำในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนให้ขนส่งสิ่งของเข้าไปยังฉนวนกาซาไปแล้ว
ส่วนทางด้านอิสราเอลเองนี้ก็ดูท่าจะมีการเตรียมพร้อมรบทุกเมื่อ เพราะตอนนี้กองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือ IDF ได้อนุมัติว่าจะจัดส่งทหารจากอิสราเอลเข้าไปยังเลบานอนแล้ว อีกทั้งผู้นำของอิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮู ได้มีการยุบคณะรัฐมนตรีสงครามไปแล้ว อำนาจการตัดสินใจจึงตกมายังที่ตนเอง ซึ่งทางด้านคณะรัฐมนตรีเนทันยาฮูนั้นมีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องพึ่งพารัฐบาลร่วม เพื่อเรียกคะแนนเสียงให้คณะรัฐบาลดำรงตำแหน่งได้ต่อไป โดยต้องพึ่งพาคะแนนเสียงจากพรรคการเมืองที่มีแนวทางอนุรักษ์นิยมแบบขวาจัด ซึ่งมีแนวคิดอยากจะให้อิสราเอลทำการบุกและยึดพื้นที่ทางตอนใต้ของเลบานอนกลับมา
อย่างไรก็ตามก็มีการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์หลัก ๆ อยู่สองด้านว่า อิสราเอลจะเปิดฉากบุกเลบานอนเพื่อต่อกรกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์อย่างเต็มรูปแบบได้ น่าจะเกิดขึ้นภายหลังจากที่ทำการกวาดล้างกลุ่มฮามาสบริเวณฉนวนกาซาให้ได้เสียก่อน ขณะเดียวกันอิสราเอลก็อาจจะเลือกที่จะเปลี่ยนมาเป็นโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์แทน ซึ่งไม่ว่าอนาคตนี้อิสราเอลจะเลือกเดินเส้นทางอย่างไร แต่การที่อิสราเอลส่งกองกำลังทั้งทางบกและทางทะเลไปยังเมืองราฟาห์ และกำลังไล่พื้นที่เข้ามายังฝั่งตะวันตก ก็เป็นการประกาศกลาย ๆ ว่าแนวโน้มการเกิดสันติภาพระหว่าง 2 ฝ่ายยังคงไร้วี่แวว
ข่าวเด่น