Special Report : เปิดฉากเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ที่ทรัมป์ได้แต้มต่อ-ไบเดนโดนกระแสตีกลับ


 

สำหรับวันที่ 28 มิ.ย. 2024 ที่ผ่านมา นับเป็นการเปิดฉากการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ กับการดีเบตประชันวิสัยทัศน์เพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ระหว่าง “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน และ “โดนัลด์ ทรัมป์” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจบไปด้วยทรัมป์ได้ถือแต้มต่อนำไบเดน จากผลสำรวจความคิดเห็นผู้ชมของ CNN ที่ให้คะแนนทรัมป์สูงถึงร้อยละ 67 ขณะที่ไบเดนถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในการออกตัวดีเบตครั้งนี้ ถึงขนาดที่ว่ามีเสียงเรียกร้องจากในพรรคเดโมแครตบางส่วนให้ไบเดนพิจารณาถอนตัวและเลือกแคนดิเดตคนใหม่ที่มีความพร้อมมากกว่า
 
การดีเบตครั้งนี้จัดขึ้นที่ในสตูดิโอของ CNN เมืองแอตแลนตา สหรัฐอเมริกา โดยมีการตั้งกฎเกณฑ์เพื่อป้องกันการขัดจังหวะ เช่น การปิดไมโครโฟนเมื่อไม่ใช่ตาของผู้สมัครพูด ห้ามใช้อุปกรณ์เสริมและโน้ตล่วงหน้า และไม่มีผู้ชมอยู่ภายในห้องส่ง รวมถึงการใช้อุปกรณ์ประกอบฉาก ฉะนั้นสิ่งที่เป็นใจความหลักของการดีเบตครั้งนี้ คือ ฝีมือการอภิปรายและการโต้แย้งของสองฝ่ายล้วนๆ ซึ่งทั้ง 2 ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันในประเด็นสำคัญภายในประเทศ เช่น เรื่องของสิทธิในการทำแท้ง การย้ายถิ่นฐาน โครงการดูแลเด็ก สภาพเศรษฐกิจสหรัฐในวาระที่กำลังดำรงตำแหน่ง ลามไปจนถึงการที่แต่ละฝ่ายนำเรื่องส่วนตัวที่เกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมาย การผิดศีลธรรมมาโจมตีกัน และการท้าทายกันในทักษะด้านความรู้ความเข้าใจ (Cognitive Test)
 
โดยการดีเบตครั้งแรกนี้ ดูเหมือนว่าทางฝั่งไบเดน จะเสียเปรียบให้กับทรัมป์อยู่ไม่น้อย เพราะระหว่างการโต้เถียงกัน หลายคนสังเกตว่าเขามีปัญหาด้านการอธิบายและดูไม่มั่นใจนัก จากอาการพูดติดขัด การหยุดชะงักกลางอากาศ รวมถึงอาการไอระหว่างอภิปรายอยู่หลายครั้ง (เป็นปัญหาสุขภาพเดิมของไบเดน) ซึ่งทางทรัมป์ได้ใช้โอกาสนี้ในการโจมตี รวมถึงกล่าวว่าไบเดนไม่ได้รับความเคารพจากบรรดาผู้นำประเทศศัตรูของสหรัฐ อย่าง สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน, คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ และ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย จึงจัดได้ว่าไบเดนเป็นประธานาธิบดีที่ไร้ความสามารถมากที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่กลับยังเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด
 
ขณะเดียวกัน แม้การอภิปรายของทรัมป์จะมีประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่ เช่น ตอนที่ทรัมป์พูดคำว่า “Black Jobs” ที่เข้าข่ายเป็นคำพูดเชิง Offensive กับกลุ่มคนผิวสีในประเทศ แต่อย่างไรก็ตามเขากลับสามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของตัวเองได้ดีกว่าการดีเบตในสมัยก่อนเมื่อปี 2020 อีกทั้งยังสามารถใช้ประโยชน์จากความผิดพลาดของไบเดนเพื่อแสดงความเหนือกว่าของตนเอง ทำให้หลังจากการดีเบตนี้จบไป ทรัมป์ได้รับชัยชนะจากการประชันวิสัยทัศน์กับไบเดนไปถึงร้อยละ 67 จากผลสำรวจของผู้ชมทางบ้านที่เก็บรวบรวมโดย CNN จากที่ช่วงก่อนการดีเบต คะแนนของทั้งคู่นั้นสูสีกัน (ก่อนดีเบต ผู้ชมร้อยละ 55 คิดว่าทรัมป์น่าจะเป็นผู้ชนะ)
 
โดยหลังจากการเพลี่ยงพล้ำของไบเดนครั้งนี้ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากทั้งประชาชนเอง และจากในพรรคเดโมแครตของตัวเองบางส่วน ที่มีความกังวลว่าไบเดนอาจไม่พร้อมในการบริหารประเทศในสมัยหน้า หากชนะการเลือกตั้ง ด้วยเรื่องของอายุที่มากขึ้น และศักยภาพการอภิปรายที่ไบเดนไม่สามารถนำเสนอนโยบายของพรรคได้ดีเท่าที่ควร พร้อมเรียกร้องให้ไบเดนพิจารณาถอนตัวและเลือกแคนดิเดตคนใหม่ที่มีความพร้อมมากกว่า แม้แต่ทาง คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี ก็ยังยอมรับว่าไบเดนออกเปิดฉากการหาเสียงได้ไม่ดีเท่าไหร่ในการดีเบตครั้งนี้
 
ทำให้ในตอนนี้เอง ฝั่งทีมหาเสียงของพรรคเดโมแครตต้องเร่งในการแก้ไขภาพลักษณ์เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมายังไบเดน ทั้งจากที่ไบเดนเอง ได้ขึ้นเวทีหาเสียงในรัฐนอร์ทแคโรไลนา เพื่อแก้ตัวหลังจากการดีเบตกับทรัมป์ โดยยอมรับว่าตัวเองอายุมากแล้ว ไม่ได้พูดคล่องเหมือนแต่ก่อน ไม่ได้ดีเบตได้ดีอย่างที่เคยทำได้ แต่ก็พูดแต่ความจริง และรู้ว่าต้องดำรงตำแหน่งนี้อย่างไร พร้อมกล่าวโจมตีทรัมป์ที่หยิบยกข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับเรื่องผู้อพยพไปจนถึงเรื่องเศรษฐกิจในการดีเบต
 
นอกจากนี้โฆษกทีมรณรงค์หาเสียงของไบเดน ยังประกาศถึงเงินระดมทุน ที่ตอนนี้สามารถระดมทุนได้ถึง 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริจาคทางการเงิน และต่อจากนี้ เราอาจจะได้เห็นกลยุทธ์การหาเสียงจากทั้ง 2 ฝ่ายออกมาอีกเรื่อย ๆ เพราะยังต้องมีการปะทะกันทั้งรอบของการประชุมพรรคและเวทีดีเบตรอบ 2 ในเดือนก.ย.นี้ ก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย. 2024

LastUpdate 30/06/2567 19:38:44 โดย : Admin
กลับหน้าข่าวเด่น
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 11:13 am