Special Report : "อินเดีย" ตลาดเกิดใหม่ เศรษฐกิจโตแกร่ง-ดึงดูดเงินลงทุนทั่วโลก


“อินเดีย” จัดได้ว่าเป็นประเทศที่มีความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และถือเป็นตลาดที่น่าสนใจอย่างมากบนเวทีโลก เนื่องด้วยทั้งการโค่นอังกฤษและก้าวเข้ามาเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 5 ของโลก รองจากสหรัฐฯ จีน เยอรมัน และ ญี่ปุ่น มีฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ ที่คาดการณ์ว่าประชากรอินเดียที่มีรายได้ระดับปานกลางจะมีจำนวนถึง 547 ล้านคนในปี 2569 รวมถึงการเติบโตทาง GDP เฉลี่ย 7% ซึ่งเป็นการเติบโตเร็วที่สุดในโลก อินเดีย จึงเป็นประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่มีความเนื้อหอมมากเป็นพิเศษ และมักจะเป็นปลายทางยอดนิยม ที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากทั่วโลก โดยเฉพาะการไหลของกระแสเงินทุนที่กำลังจะเกิดขึ้น ภายหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในเร็ว ๆ นี้
 
อินเดียนั้นถือว่าเป็นประเทศเดียวที่มีการปรับขึ้นของ GDP รายไตรมาส จากสภาวะเศรษฐกิจที่ช่วงต้นปีที่ GDP ของอินเดียเติบโต 7% แต่ปัจจุบันมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 7.8% ตามการคาดการณ์ ส่วนทางตลาดหุ้นอินเดีย ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 นี้ ก็ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 10% ด้านกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS) ในตลาดหุ้นอินเดีย ทางด้าน บลจ.อีสท์สปริง มีการประเมินว่าจะเติบโตได้อีก 8-9% ในช่วงสิ้นปีนี้ และมีโอกาสโต 14% ในปี 2568 ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจของอินเดียมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงทศวรรษนี้นั้น ประกอบด้วยปัจจัยบวกที่ส่งเสริมรอบด้าน โดยเฉพาะความมั่นคงของสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความคล่องตัวในการดำเนินนโยบาย ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีอินเดียมีความต้องการพัฒนาประเทศให้ทันสมัย จึงมีการสนับสนุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ส่งเสริมธุรกิจและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ผ่านการปฏิรูประบบราชการ และกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัล การสนับสนุนของภาครัฐดังกล่าวจึงเอื้ออำนวยให้เกิดการลงทุนและการเติบโตของธุรกิจ
 
นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของการบริโภคในประเทศ จากการก้าวมาเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก และทาง National Council of Applied Economic Research ก็ประเมินว่า ประชากรอินเดียที่มีรายได้ระดับปานกลางจะมีจำนวนถึง 547 ล้านคนในปี 2569 ผนวกกับนโยบายของรัฐบาลอินเดียสนับสนุนให้ครัวเรือนสะสมเงินออมสำหรับวัยเกษียณ ซึ่งเป็นแผนการลงทุนที่ช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับการลดหย่อนภาษี พร้อมทั้งมีระบบการลงทุนแบบประจำทุกเดือน ปัจจัยทั้งหมดนี้ ทำให้ตลาดหุ้นอินเดีย กลายเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก (อ้างอิงข้อมูลล่าสุดจาก Bloomberg ปัจจุบันตลาดหุ้นอินเดียมีมูลค่าตลาดกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี) มีเงินทุนในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ นับเป็นการช่วยส่งเสริมความมั่นคงให้กับตลาดหุ้น ซึ่งดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาในระยะยาว
 
และเนื่องด้วยอินเดีย จัดเป็นประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ Emerging Market ที่มีจุดเด่นด้านอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าตลาดในประเทศที่พัฒนาแล้ว มีหนี้สาธารณะในระดับต่ำ ในขณะที่เงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง อีกทั้งอินเดียยังเป็นดาวเด่นจากบรรดาประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ ที่มีความแข็งแกร่งจากภาคส่งออก ที่ปัจจุบันอยู่ในสัดส่วนที่ต่ำกว่า 20% ของ GDP ทำให้ประเทศไม่มีความเสี่ยงจากการที่ความต้องการทั่วโลกชะลอตัวลง นอกจากนี้ยังช่วยให้การส่งออกของอินเดีย (ไม่รวมสินค้าเครื่องประดับ) มีสัดส่วนของสินค้าฟุ่มเฟือยที่น้อยลง ขณะที่สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ยาและบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกำลังขยายตัวขึ้นถึงสองเท่าเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตในอดีต และสินค้ากลุ่มนี้ คาดว่าจะไม่เผชิญกับความต้องการที่ลดลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย ทำให้อินเดียกลายเป็นตลาดที่ดึงดูดนักลงทุนมากเป็นพิเศษ เทียบกับตลาดในกลุ่มเดียวกัน สะท้อนได้จากปัจจุบัน อ้างอิงข้อมูลจาก Bloomberg บ่งชี้ว่าหุ้นอินเดียและไต้หวันต่างมีน้ำหนักมากกว่า 19% ในดัชนี MSCI EM Index (ซึ่งเป็นดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ของ MSCI) ต่างจากน้ำหนักของหุ้นจีนในดัชนีเดียวกันที่ระดับ 22.8% ซึ่งลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นผลจากนักลงทุนกำลังมองหาการจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักที่มากเกินไปของหุ้นจีนในตลาดเกิดใหม่ ด้วยการกระจายการลงทุนไปยังตลาดที่มีศักยภาพ เช่นความโดดเด่นของเศรษฐกิจดิจิทัลของอินเดีย ทำให้หุ้นของอินเดียเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการลงทุน
 
ในขณะเดียวกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed ในอนาคต ที่ตลาดมองว่าจะเริ่มปรับลด 1-2 ครั้งในปี 2567 นี้ คาดการณ์ว่าเม็ดเงินลงทุนจะหลั่งไหลไปยังตลาดเกิดใหม่อย่างอินเดียมากขึ้น เนื่องจากกลไกของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้กระแสเงินทุนจะกระจายไปพักตัวยังตลาดที่มีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนที่ดี ด้วยสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยการเข้ามาของเงินทุนต่างประเทศจากภาครัฐบาลที่ดำเนินนโยบายสนับสนุนเชิงรุก อินเดียจึงกลายเป็นจุดแวะพักแห่งใหม่ของนักลงทุน เป็นพื้นที่แห่งโอกาส ที่จะสร้างผลตอบแทนที่เติบโตตามทิศทางของเศรษฐกิจอินเดียที่พุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด

LastUpdate 14/07/2567 21:46:31 โดย : Admin
กลับหน้าข่าวเด่น
08-09-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ September 8, 2024, 6:45 am