เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สินทรัพย์คริปโตโดยรวมเกิดการร่วงลงอย่างหนักจน Bitcoin หลุดระดับหลัก 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ และไปแตะแนวรับที่ระดับ 49,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -7.12% ซึ่งนับเป็นการลงมาทำระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ทำให้ตลาดตกอยู่ในสภาวะตื่นกลัวสุดขีด ก่อนจะค่อย ๆ ทรงตัวกลับมายืนเหนือจุดเดิมอีกครั้งในสัปดาห์เดียวกัน โดยมีแรงส่งจากตลาดสินทรัพย์เสี่ยงที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และสัญญาณบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้ความเชื่อมั่นกลับมา อีกทั้งยังมีโอกาสที่ Bitcoin จะพุ่งสู่ระดับหลัก 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ปลายปีนี้
ในวันจันทร์ที่ 5 ส.ค. 2567 ตลาดคริปโตเกิดการร่วงลงครั้งใหญ่ จน Bitcoin ไปแตะระดับที่ต่ำสุดครั้งแรก นับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2567 มูลค่าตลาดรวมลดลงอย่างรวดเร็วถึง 3.6 แสนล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมง โดยเหตุผลเบื้องหลังของเหตุการณ์ครั้งนี้ มีที่มาจากช่วงก่อนหน้านั้น กองทุน Bitcoin มีเงินทุนไหลออกรวมมูลค่ากว่า 400 ดอลลาร์สหรัฐ จากความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเพิ่มมากขึ้น ทั้งหนี้สหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีประเด็นช่วงการเลือกตั้ง ที่การเมืองในประเทศที่ยังไม่แน่นอน และปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น หลังจาก อิสมาอิล ฮานิเยห์ หนึ่งในผู้นำทางการเมืองสูงสุดของฮามาส ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยทางการอิหร่านแถลงว่าเป็นการกระทำโดยรัฐบาลอิสราเอล และยังกล่าวหาว่าสหรัฐ เป็นผู้สนับสนุนในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม อ้างอิงจากการวิเคราะห์จาก The Block ได้เปิดเผยว่า Bitcoin Dominance หรือมูลค่าตลาดรวมของ Bitcoin เมื่อเทียบเงินทุนทั้งหมดในอุตสาหกรรมคริปโตมีสัดส่วนเกือบ 60% เป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นสวนทางกลับมูลค่าที่ลดลงดังกล่าว สัญญาณตรงนี้เอง ทำให้การเทขายด้วยความแพนิคของตลาด อาจกลับเป็นโอกาสของเจ้ามือรายใหญ่ หรือวาฬ ที่ทำการช้อนซื้อ Bitcoin ในจังหวะที่มีราคาปรับลดลง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทั้งบริษัท iShares Bitcoin Trust หนึ่งในผู้ออก ETF ชั้นนำ บริษัทจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลยักษ์ใหญ่อย่าง Grayscale และบริษัท MicroStrategy ที่ลงทุนใน Bitcoin รายใหญ่เป็นอันดับสามในช่วงปลายเดือน ก.ค. อีกทั้งยังมีการสนับสนุนเล็กน้อย จากการช้อนซื้อของบริษัท Tesla ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของอีลอน มัสก์ Block Inc บริษัทที่พัฒนาโซลูชันสำหรับการประมวลผลการชำระเงิน และ Coinbase ผู้ให้บริการกระดานเทรดเหรียญคลิปโตรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอีกด้วย
Crypto Fear & Greed Index
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งช่วงวันพฤหัสบดีที่ 8 ส.ค. 2567 โดยดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นดีที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี และดัชนี Nasdaq 100 ที่เน้นหุ้นเทคโนโลยีก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.1% เนื่องจากข้อมูลการขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ดีเกินคาดได้ช่วยคลายความกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่ได้ใกล้เข้ามาอย่างที่กลัวในตอนแรก อีกทั้งด้านของธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BOJ ได้กล่าวว่าธนาคารจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน พร้อมจะยังช่วยให้ความต้องการในสินทรัพย์เสี่ยงดีขึ้น หลังจากมีความกังวลที่ BOJ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและระบุการปรับขึ้นเพิ่มเติมก่อนหน้านี้ ส่งผลดีต่อการฟื้นตัวในหุ้นกลุ่มเอเชีย ซึ่งเมื่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้น ก็ทำให้ตลาดคริปโตโดยรวมปรับขึ้นตามไปด้วยจน Bitcoin พุ่งไปแตะ 62,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนลดความร้อนแรงลงมาในช่วงวันศุกร์ แต่ก็ยังสามารถรักษาระดับที่ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐอีกครั้งได้ในปัจจุบัน ส่วนด้านดัชนี Crypto Fear & Greed เข้าสู่ระดับ Fear ที่ 39 คะแนน เพิ่มขึ้น 19 คะแนน จากที่ลงไปแตะในระดับ Extreme Fear กลัวสุดขีดช่วงต้นสัปดาห์
ทั้งนี้ Bull-Bear Cycle Indicator ของ Bitcoin ที่ติดตามสภาวะของตลาด ได้ส่งสัญญาณขาขึ้นอีกครั้ง โดยตลาดขาขึ้นจะยังคงดำเนินต่อไปตาม Cycle ของเหรียญในรอบ 4 ปี ซึ่งนักลงทุนในตลาด ต่างวิเคราะห์ว่าการร่วงของราคาตั้งแต่ Bitcoin Halving ในปีนี้นั้น คล้ายกับการ Halving ของรอบตลาดกระทิงในปี 2558 - 2560 ซึ่งจะมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ Bitcoin อาจตามมา และราคาอาจไปแตะ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐในปลายปี 2567 นี้
ข่าวเด่น