Special Report : หุ้นไทยไตรมาส 4 ปี 67 มีทิศทางสดใส จากแรงจับจ่ายใช้สอยในประเทศขยายตัว ชี้กลุ่มท่องเที่ยว-ค้าปลีก โดดเด่น


 

สำหรับสภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี หรือในช่วงไตรมาส 4/2567 นี้ บรรยากาศของการลงทุนมีทิศทางที่สดใสมากขึ้น เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High Season ที่ตรงกับวันหยุดยาวหลายเทศกาล ทำให้การอุปโภคบริโภค จากทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลเชิงบวกต่อกลุ่มหุ้นไทย โดยเฉพาะกลุ่มการท่องเที่ยว โรงแรม และค้าปลีก
 
ด้านสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ปรับเพิ่มแนวโน้มเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2567 ไปอยู่ที่ 2.6% จากการเพิ่มขึ้นของการส่งออก ท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐ สอดคล้องกับการอัพเดทสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค- 8 ธ.ค. 2567 ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่เปิดเผยว่า ได้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเที่ยวไทยทะลุ 32 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อย เป็นตัวเลขที่เป็นไปตามคาดการณ์ว่า แนวโน้มปี 2567 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยจำนวน 35.99 ล้านคน เพิ่มขึ้น 28% จากปีที่แล้ว โดยสถานการณ์ตลาดท่องเที่ยวในไทยช่วง 4 เดือนสุดท้ายที่คาบเกี่ยวกับไตรมาส 4/2567 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็ได้วิเคราะห์ว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวเพิ่มขึ้น 20% สร้างรายได้ 652,826 ล้านบาท คิดเป็นเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้น 29% เทียบช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งการปรับเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว อาจได้แรงสนับสนุนมาจากการมีมาตรการ Ease of traveling ของรัฐบาล ที่ช่วยเพิ่มการอํานวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย การยกเว้นบัตร ตม.6 ในด่านทางบก รวมถึงการกระตุ้นและส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มจํานวนเที่ยวบินมากยิ่งขึ้น
 
ทั้งนี้ ด้วยนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปี 2568 ของภาครัฐ ที่สอดคล้องกับช่วงเวลา High Season ของไตรมาสสุดท้าย ทำให้เกิดการกระตุ้นให้ภาคการบริโภคปรับตัวดีขึ้น โดยหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว โรงแรม รวมถึงกลุ่มค้าปลีก จะได้รับอานิสงส์เป็นพิเศษ ตรงตามการวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ที่คาดว่าดัชนีหุ้นไทย หรือ SET Index เดือนธ.ค.อาจปรับขึ้นรับเศรษฐกิจไทยเร่งตัว จากตัวเลขการส่งออกเดือนตุลาคมที่ปรับตัวขึ้น สะท้อนว่าอุปสงค์ประเทศคู่ค้าหลักกำลังฟื้นตัวดีกว่าคาด ที่เป็นผลจากความเสี่ยงของนโยบายการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ทำให้ผู้ประกอบการอาจยังเร่งสั่งสินค้าเพื่อตุนเอาไว้ก่อนที่สหรัฐฯ จะเริ่มใช้นโยบายการค้าของสหรัฐฯดังกล่าว นอกจากนี้ บล.ทิสโก้ ยังคาดว่า จะมีเม็ดเงินใหม่ไหลเข้าหุ้นไทยมากขึ้นจากกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) ประมาณ 2 หมื่นล้านบาทในช่วงปลายปีนี้ 
 
ดังนั้น ดัชนี SET Index คาดว่าแนวรับสำคัญของเดือนธ.ค.นี้ จะอยู่ที่ 1,400-1,410 จุด แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,450 จุด 1,470 จุด และ 1,490 จุด ตามลำดับ ใกล้เคียงกับทางด้านบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ประเมินกรอบดัชนี SET Index ไว้ที่แนวรับ 1,440 จุด และแนวต้านที่ระดับ 1,480 จุด ขณะที่ปี 2568 ประเมินกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยไว้ที่แนวรับระดับ 1,450 จุด และแนวต้านที่ 1,585 จุด
 
และนอกจากกลุ่มหุ้นท่องเที่ยวและค้าปลีกจะปรับตัวดีขึ้นแล้ว ในส่วนของกลุ่มหุ้นธนาคารและไฟแนนซ์ ช่วงไตรมาส 4 นี้ก็ยังตอบรับเชิงบวกขึ้นด้วย เนื่องจากไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองในระดับที่สูงเหมือนช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา จากคุณภาพหนี้ที่ปรับตัวดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนของนโยบายทางการเมืองสหรัฐฯ ที่อาจกระทบต่อการค้าและเศรษฐกิจโลกในช่วงต้นปีหน้า (หลังจากโดนัล ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค. 2568) โดยเฉพาะความเสี่ยงที่จะทำให้ไทยเกินการขาดดุลทางการค้ากับจีน หลังจากที่ทิศทางสินค้าจีนไหลทะลักเข้ามาในฝั่งเอเชียมากขึ้น ก็อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยได้ในช่วงปีหน้านี้

LastUpdate 15/12/2567 20:33:30 โดย : Admin
กลับหน้าข่าวเด่น
23-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 23, 2024, 10:13 am