Special Report : เงินหมื่นเฟส 3 มาแน่ไตรมาส 2 ปี 68 หวังดัน GDP โต 3.5%


 

ยืนยันแล้ว โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงิน 10,000 บาท เฟส 3 จะแจกให้กับประชาชนอายุ 16-60 ปี ภายในไตรมาส 2 ของปี 2568 นี้ โดยคาดว่าจะสามารถเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ 1.5 แสนล้านบาท และมีส่วนผลักดันให้ GDP มีโอกาสเติบโต 3.5% ทั้งนี้ รูปแบบการจ่ายเงินจะเป็นการโอนเข้าสู่ดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ใช่การแจกเงินสดเหมือนเฟสที่แล้ว
 
ล่าสุด นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดของโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 3 ว่า กรอบการดำเนินการเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการเสนอรายละเอียดของโครงการต่อที่ประชุมของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งยอมรับว่าได้มีการปรับลดเงื่อนไขโครงการในบางเรื่อง เพื่อให้กลไกในการหมุนของเม็ดเงินง่ายขึ้น และเพื่อครอบคลุมการเข้าถึงของประชาชนที่จะนำเม็ดเงินไปเปลี่ยนเป็นเงินสด หรือเดินหน้าธุรกิจได้ง่ายขึ้น
 
ทั้งนี้ ด้วยรูปแบบของการจ่ายเงินจะมีความแตกต่างกับช่วง 2 เฟสแรกที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นการแจกเงินสดหรือโอนเข้าสู่บัญชีธนาคารโดยตรง แต่จะโอนให้ประชาชนผ่านดิจิทัลวอลเล็ต (กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์) โดยมีระบบบล็อกเชนในการดูแลเพื่อสร้างความปลอดภัย และเพื่อสร้างความมั่นใจว่าเม็ดเงินโครงการจะไปถึงยังประชาชน และเกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย ซึ่งคาดว่าในเฟส 3 นี้ จะเป็นการเติมเงินในระบบกว่า 1.5 แสนล้านบาท สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 0.37% และหากมีการใช้จ่ายทั้งหมด ก็จะเพิ่มการขยายตัวของเศรษฐกิจได้อีกไม่ต่ำกว่า 0.1%
 
โดยรูปแบบการใช้จ่ายผ่านดิจิทัลวอลเล็ตนั้น จะมีการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันทางรัฐกับระบบการจ่ายเงินของสถาบันการเงินและนอนแบงก์ในรูปแบบ Open Loop ซึ่งจะมีการกำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายได้กับร้านที่มีการลงทะเบียนไว้กับกระทรวงการคลัง และจะต้องอยู่ภายในเขตอำเภอตามบัตรประชาชนของแต่ละคนเท่านั้น โดยตอนนี้อยู่ในระหว่างการทดสอบระบบไม่เกิน 1 เดือน และกำลังอยู่ในช่วงการตรวจสอบคุณสมบัติของประชาชนที่ผ่านเกณฑ์ได้รับสิทธิ
 
เงื่อนไขคุณสมบัติ
 
1. บุคคลสัญชาติไทย อายุระหว่าง 16-60 ปี (16 ปีบริบูรณ์ก่อนวันที่ 16 ก.ย.67)

2. มีที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน

3. ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ และยืนยันตัวตนเป็นที่เรียบร้อย

4. ไม่ได้เป็นบุคคลที่ได้รับเงินในเฟส 1 และ เฟส 2 ไปแล้ว

5. มีรายได้ไม่เกิน 8.4 แสนบาทต่อปี (ปีภาษี 2566)

6. มีเงินฝากในธนาคารจำนวนเงินไม่เกิน 500,000 บาท (ณ วันที่ 31 มี.ค. 2567)

7. ไม่ได้มีรายชื่ออยู่ในสถานสงเคราะห์สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2567

8. ไม่ใช่ผู้ต้องขัง 4 ประเภท ได้แก่ นักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูลของกรมราชทัณฑ์
 
โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงิน 10,000 บาท เฟส 3 นี้ คาดว่าหลังคัดกรองคุณสมบัติเสร็จสิ้นแล้วจะมีประชาชนที่ผ่านเกณฑ์ได้รับเงินอยู่ราว 16 ล้านคน โดย ณ ตอนนี้ เหลือแค่ขั้นตอนการดำเนินการของการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนก.พ. นี้
 
สำหรับในกลุ่มประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนนั้น เบื้องต้นได้มีการแจ้งว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนอย่างแน่นอน แต่ต้องรอความชัดเจนภายหลังการประชุมของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเปิดให้ลงทะเบียนได้ ใกล้เคียงกับช่วงการจ่ายเงิน 10,000 บาทในเฟสที่ 3 ซึ่งอยู่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
 
ในปี 2568 นี้ คาดว่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากถึง 4 แสนล้านบาท ซึ่งการแจกเงิน 10,000 บาท ทั้ง 3 เฟสนี้ คิดเป็นการเติมเงินในระบบทั้งสิ้น 3.27 แสนล้านบาท นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีการเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่น บ้านเพื่อคนไทย มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว การเร่งรัดการลงทุนของภาคเอกชน หลังได้รับการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนของ BOI แล้ว หรือจะเป็นมาตรการลดรายจ่ายให้กับประชาชน ผ่านโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของรัฐบาล ซึ่งหากสามารถทำได้สำเร็จทั้งหมด GDP ของไทยในปี 2568 นี้ จะเติบโตขึ้นสูงสุดที่ 3.5%

 


LastUpdate 09/02/2568 19:39:24 โดย : Admin
กลับหน้าข่าวเด่น
25-02-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ February 25, 2025, 1:06 pm