Scoop : ทรัมป์เตรียมจัดตั้ง "กองทุนสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์" แต่ทำไมกลับทำให้ราคาเหรียญผันผวน-นักลงทุนผิดหวัง


 

สำหรับการประกาศจุดยืนนับตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งหาเสียงของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน ที่หมายมั่นว่าจะสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับ Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น อันเป็นเหตุให้สาวกชาวคริปโตสัญชาติอเมริกัน ได้เทคะแนนให้กับทรัมป์จนเขาได้กลายเป็นผู้นำสหรัฐ และทำให้ทิศทางของราคา Bitcoin เคลื่อนสู่ระดับ All Time High หลัก 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. ในปีที่ผ่านมา แต่ทำไมในตอนนี้ ที่ทรัมป์ได้ไฟเขียวเริ่มดำเนินการจัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์ กลับไม่ได้เป็นการหนุนราคาของเหรียญให้เพิ่มสูงขึ้นเหมือนช่วงที่มีการประกาศในระยะแรก แต่กลับทำให้ราคาผันผวน อีกทั้งยังสร้างความไม่พอใจให้กับนักลงทุนด้วย

พิจารณาจาก Bitcoin Fear & Greed Index หรือดัชนีวัดความกลัวและความโลภในสินทรัพย์ Bitcoin ยังสะท้อนว่าอารมณ์ของนักลงทุนยังอยู่ในสภาวะ Fear ที่ยังกลัวที่จะเข้าซื้ออยู่ ส่งผลให้ราคามีความผันผวน และอยู่ในช่วงขาลงระยะสั้นที่ราคามีการปรับลดจากระดับ All Time High หลัก 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ลงมาสู่ราคาปัจจุบันในช่วง 84,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจัยเบื้องหลังของทิศทางกราฟราคาที่ยังคงผันผวนและยังไม่เลือกข้างนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่ทรัมป์ ได้ทำการลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารให้จัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์ (Strategic Bitcoin Reserve) รวมถึงเปิดเผยแนวทางปฏิบัติของกองทุนสำรองที่ไม่เป็นไปตามคาดหวังของบรรดานักลงทุน

กล่าวคือ กองทุนสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์ ที่จัดตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี สร้างความน่าเชื่อถือให้กับ Bitcoin มากขึ้น และทำให้สหรัฐกลายเป็นเมืองหลวงด้านคริปโทเคอร์เรนซีของโลก แต่แผนของกองทุนดังกล่าวที่ทรัมป์ได้ประกาศนั้น ล่าสุดจะยังไม่มีการซื้อ Bitcoin เพิ่ม แต่จะใช้ทุนสนับสนุนจาก Bitcoin ที่รัฐยึดได้จากคดีอาญาและคดีแพ่งเท่านั้น รัฐบาลจะไม่ใช้เงินภาษีของประชาชนมาสนับสนุน กองทุน อีกทั้งจะรวมเหรียญ ETH, XRP, SOL และ ADA รวมอยู่ในการจัดตั้งกองทุนนี้ด้วย

ซึ่งก็เป็นการสร้างความไม่พอใจให้กับนักลงทุน เพราะส่วนใหญ่มีความคาดหวังว่ารัฐบาลควรจะต้องซื้อ Bitcoin จำนวน 100,000-200,000 เหรียญทันทีที่มีการจัดตั้งกองทุน และยังผิดหวังที่มีการรวมเหรียญคริปโตอื่น ๆ นอกจาก Bitcoin เข้ามาในกองทุนด้วย เนื่องด้วยสาเหตุที่ว่าเหรียญอื่น ๆ ยังมีความผันผวนของราคามากกว่าเหรียญแม่อย่าง Bitcoin

นอกจากนี้ ด้วยความเสี่ยงของสงครามทางการค้าโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น จากนโยบายการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดตกอยู่ในสภาวะความกลัว ไม่กล้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่ง React ของตลาด ก็ยังคงเลือกที่จะกักเก็บความมั่งคั่งเอาไว้ที่แหล่งเก็บมูลค่าที่แท้จริงอย่างทองคำ แทนที่จะเป็น Bitcoin แม้จะมีการขนานนามว่าเป็น Digital Gold ก็ตาม นำสะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของ Bitcoin ในแง่ของการกักเก็บมูลค่าท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยง ยังคงเดินอยู่ในเส้นทางที่ต้องพิสูจน์ตัวตนจวบจนกว่าที่ประเทศพี่ใหญ่อย่างสหรัฐ ที่ตั้งต้นเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีจะมีการผลักดันนโยบายอะไรที่เป็นมิตรกับคริปโต และสร้าง Use Case ที่เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ เดวิด แซคส์ (David Sacks) หัวหน้าในการกำหนดนโยบายด้านคริปโตและปัญญาประดิษฐ์ของทำเนียบขาว กล่าวว่า สหรัฐ จะมองหากลยุทธ์ด้านงบประมาณสำหรับการซื้อ Bitcoin เพิ่มเติมในอนาคต ส่วนราคาที่ลดลงนั้น จะเป็นสถานการณ์ในระยะสั้น ก่อนจะฟื้นตัวโดยเข้าสู่ช่วงขาขึ้นในไม่ช้านี้

LastUpdate 16/03/2568 22:11:02 โดย : Admin
กลับหน้าข่าวเด่น
02-04-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 2, 2025, 7:03 am