Special Report : ธุรกิจไทยในกัมพูชา เสี่ยงรับผลกระทบหนัก จากปมความขัดแย้งพื้นที่ชายแดน


 

สถานการณ์ระหว่างไทยและกัมพูชาในตอนนี้ ได้ยกระดับความรุนแรงมาถึงจุดที่ใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ปะทะกัน อีกทั้งยังลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ธุรกิจไทยในกัมพูชาตกอยู่ในสถานะที่ “ไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง” เพราะมีโอกาสที่จะซ้ำรอยเหตุการณ์ในอดีต ที่เคยสร้างความเสียหายต่อธุรกิจและนักลงทุนไทยมาแล้ว
 
การปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชา เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงวันที่ 24 ก.ค.2568 จากการที่กัมพูชาเปิดฉากยิงบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ และลุกลามไปหลายจุดตามแนวชายแดน แต่การที่กัมพูชาใช้อาวุธจรวดยิงเข้ามาในพื้นที่ชุมชนอันส่งผลให้มีประชาชนชาวไทยเสียชีวิต ทำให้ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศรุนแรงขึ้นถึงขนาดที่รัฐบาลไทยเรียกเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ และเจ้าหน้าที่ทูตทุกคนออกจากกัมพูชา ส่วนทางกัมพูชาก็ได้ประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยในระดับต่ำสุดโต้กลับเช่นกัน
 
ในเมื่อความสัมพันธ์ทางการทูตที่จะช่วยดูแลคนไทยในกัมพูชาไม่มีแล้ว ทั้งคนไทยที่ทำงานที่กัมพูชา ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงนักธุรกิจ นักลงทุนชาวไทย ก็ต้องอพยพออกไปตั้งหลักที่ประเทศบ้านเกิดของตัวเองก่อน เพราะมีตัวอย่างให้เห็นจากเหตุการณ์ในอดีตเมื่อปี 2546 ที่มีเฟคนิวส์ประเด็นทางวัฒนธรรม ที่ปลุกระดมให้คนกัมพูชาโกรธเคืองดาราไทย มีการประกาศแบนสื่อไทยทุกชนิด ลุกลามไปจนถึงเกิดเหตุการณ์ที่คนกัมพูชาออกมาเผาสถานทูตไทย บุกทำลายทรัพย์สิน ตามร้านค้า และธุรกิจที่เป็นของคนไทย จนรัฐบาลไทยต้องส่งเครื่องบินอพยพคนไทยออกมาในตอนนั้น
 
แต่ ณ ตอนนี้ ด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีที่ทำให้การสื่อสารเข้าถึงกันและกันได้มากขึ้น การกระทบกระทั่งระหว่างไทยกับกัมพูชาในประเด็นวัฒนธรรมก็ปูทางความขัดแย้งกันมาแรมปีอยู่แล้วในโซเชียลมีเดีย และยิ่งตอนนี้ความขัดแย้งก็ได้เข้าสู่จุดที่มีการใช้อาวุธสู้รบกันจริง ๆ ซึ่งด้วย Propaganda ของรัฐบาลกัมพูชาที่ปลุกความรักชาติ และความชอบธรรมในการยึดคืนดินแดน “ที่เชื่อว่าเป็นของตัวเอง” ทำให้เกิดความเสี่ยงสูงว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยอดีตในระดับที่รุนแรงกว่า ซึ่งกระทบกับธุรกิจไทยที่มีอยู่ในกัมพูชาเป็นจำนวนมาก
 
ในบริบท 10 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจไทยในกัมพูชามีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เริ่มตั้งแต่ธุรกิจ Large Scale อย่างโรงพยาบาล โรงแรม ธุรกิจน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า และบริการทางการเงิน และนับตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา มูลค่าการเติบโตของธุรกิจไทยในกัมพูชาก็เติบโตอย่างเห็นได้ชัดอย่างต่อเนื่อง โดย Council for the Development of Cambodia (CDC) รายงานว่า การลงทุนของผู้ประกอบการไทยในกัมพูชา มีมูลค่าสะสมถึงปัจจุบัน 3,785 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนทางสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา รายงานว่ามีผู้ประกอบการไทยในกัมพูชา คิดเป็นเงินลงทุนรวมกว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ก็มีธุรกิจไทยทุกขนาดเข้าไปลงทุนในกัมพูชา ทั้งร้านอาหาร สปา คลินิกความงาม และสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ นับไม่ถ้วนที่แทรกซึมชีวิตประจำวันของคนกัมพูชาไปแล้ว
 
แล้วทำไมธุรกิจไทยถึงไปลงทุนในกัมพูชาเยอะขนาดนี้?
 
กัมพูชาเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการขยายธุรกิจสูง โดยทางรัฐบาลกัมพูชาเปิดประตูต้อนรับให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน (ส่งเสริมสิทธิพิเศษด้านภาษีและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ) ทั้งในรูปแบบการร่วมทุน Joint Venture กับคนกัมพูชา และลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศแบบ 100% ทำให้กัมพูชามีการลงทุนกับต่างชาติค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะจีนที่มีการสร้าง Infrastructure โครงการขนาดใหญ่ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งไปกระตุ้นให้ GDP ประเทศมีการเติบโต และรายได้ต่อหัวของกัมพูชาก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยโดยอัตโนมัติ ซึ่งแม้กัมพูชาจะเป็นประเทศที่มีประชากร ณ ปัจจุบันอยู่แค่ 17 ล้านกว่าคน แต่อัตราการเกิดของประชากรมีสูงมาก เนื่องด้วยรูปแบบครอบครัว Young Family ที่มีจำนวนเฉลี่ย 4-5 คนต่อหนึ่งครอบครัว
 
และที่สำคัญกัมพูชาถือเป็นประเทศที่อยู่ใกล้ชิดกับไทย มีวัฒนธรรมใกล้เคียงกันจนเรียกว่าทับซ้อนเลยก็ว่าได้ ซึ่ง Soft Power ของสื่อไทย หนัง ละคร ดาราไทย เข้าไปอยู่ในใจคนกัมพูชามานานแล้ว จึงเป็นโอกาสของธุรกิจไทยที่มีความสามารถในการแข่งขันที่ดีกว่าประเทศอื่น เพราะทุกวันนี้อาหาร เครื่องปรุงต่าง ๆ เขาก็คุ้นเคยกับของไทย (มาม่าเป็นผู้นำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในกัมพูชา โดยครองส่วนแบ่งตลาดถึง 80%) เครื่องสำอาง เทรนด์ความงาม ก็ได้รับอิทธิพลจากสื่อไทย ขนาดเติมน้ำมันรถ ทำธุรกรรมทางการเงิน ก็ยังใช้บริการธุรกิจของไทยในกัมพูชา เรียกได้ว่ากัมพูชาเป็นตลาดแห่งโอกาสสำหรับทุนไทยเป็นอย่างยิ่ง
 
แต่ความสัมพันธ์ของไทยกับกัมพูชาที่เกินเลยคำว่าแตกหักไปแล้ว จากประเด็นการอ้างสิทธิทางพื้นที่ และสิทธิทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ด้วยความชาตินิยมของคนกัมพูชาที่ถูกปลุกปั่นจากรัฐบาลตัวเอง ทำให้การบอยคอตสินค้าไทย หรืออะไรก็ตามที่มาจากไทย เสี่ยงที่จะรุนแรงกว่านี้อีกมาก ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจไทยในกัมพูชาที่อยู่มามากกว่า10 - 20 ปี อาจจะต้องกลับมาตั้งหลักและเตรียมหาตลาดใหม่แทนที่ตั้งแต่ตอนนี้

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 ก.ค. 2568 เวลา : 19:08:02
กลับหน้าข่าวเด่น
25-08-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ August 25, 2025, 6:16 am