ปัจจุบัน มีบ้านที่ถูกยึดเข้ากรมบังคับคดีเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทยเลย เนื่องจากพิษเศรษฐกิจที่รุมเร้าจนหลาย ๆ ครอบครัวที่เป็นเจ้าของเดิม ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดจนโดนยึดทรัพย์ และเข้าสู่กระบวนการขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ที่คงค้างอยู่ ซึ่งสำหรับใครที่ประสบกับเหตุการณ์ที่น่าตกใจนี้อยู่ ขอบอกว่ายังมีวิธีการแก้ไข ตามระยะเวลาของกระบวนการ ที่เจ้าของเดิมยังมีสิทธิ์ที่จะอยู่ในบ้านได้จนกว่าจะมีเจ้าของใหม่มาซื้อ
เมื่อบ้านเข้าสู่ขั้นตอนบังคับคดีและเริ่มขายทอดตลาด มันมีความหมายว่า เจ้าหนี้ได้รับคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ของเรา “เพื่อนำออกขายเพื่อชำระหนี้” ซึ่งมองง่าย ๆ ตามตรรกะพื้นฐานแล้ว สิ่งที่เจ้าหนี้อยากได้ก็คือ “เงิน” ไม่ใช่ “บ้าน” ดังนั้นการร้องขัดทรัพย์ หรือ กระบวนการที่บุคคลที่สามยื่นคำร้องต่อศาลว่า บ้านที่ถูกขายทอดตลาดเป็นของตนเอง ไม่ใช่ของลูกหนี้ ไม่สามารถทำให้เราได้บ้านคืนมา แต่มันเป็นเพียงการยืดเวลาบนชั้นศาลเพียงไม่กี่เดือน แถมยังมีค่าใช้จ่ายสูงในการจ้างทนาย ตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ที่สุดท้ายแล้วบ้านก็ยังถูกขายทอดตลาดอยู่ดี
สิ่งแรกสุดที่ควรทำ คือ การเข้าไปเจรจากับธนาคารหรือเจ้าหนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อของดกระบวนการขายทอดตลาดไปก่อน ด้วยวิธีการที่ตกลงกับอีกฝ่ายในการวางเงินก้อนชำระหนี้ไปบางส่วน หรือปรับเงื่อนไขการชดชดใช้หนี้อื่น ๆ ซึ่งโดยปกติจะสามารถเจรจาประนีประนอมได้ประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี แต่ถ้าไม่สามารถตกลงกับเจ้าหนี้ได้ และกรมบังคับคดีประกาศขายทรัพย์สินให้กับผู้ที่สนใจประมูลไปแล้ว สิ่งที่ทำได้ คือ การเข้าร่วมประมูลเพื่อซื้อบ้านคืน (ตามกฎหมาย ลูกหนี้ที่โดนยึดมีสิทธิ์เข้าร่วมประมูลได้) หรือให้ญาติไม่ก็บุคคลใกล้ชิดเข้าประมูลซื้อบ้านคืน แล้วค่อยทำสัญญาให้เราผ่อนต่อภายหลังได้ เพราะหากบ้านถูกนำเข้าสู่กระบวนการขายทอดตลาด แล้วเจ้าของเดิมไม่เข้าร่วมประมูล บ้านที่ถูกขายต่ำกว่าราคาตลาด 30-50% ในกระบวนการนี้ จะถูกนำไปชำระหนี้ก่อน ซึ่งไม่พอชำระหนี้ทั้งหมด จะทำให้เราเสียทั้งบ้าน และยังต้องรับผิดชอบส่วนต่างที่เหลืออีกด้วย
ดังนั้น หนทางเดียว คือ การประมูลซื้อบ้าน ซึ่งก็ต้องประมูลให้ชนะเท่านั้นเพื่อให้บ้านกลับคืนมา จากนั้นทางกรมบังคับคดีจะมีระยะเวลา 15 วันให้เราจ่ายเงินชำระ แต่ทั้งนี้สามารถเขียนคำร้องขอขยายเวลาไปอีก 90 วัน ซึ่งจะสามารถยืดเวลาไปได้ประมาณ 3 เดือนในการหาเงิน แต่หากพ้นเวลาดังกล่าวแล้วยังไม่มีความสามารถที่จะชำระได้ ทางออกต่อมาก็คือ การทิ้งประมูล ซึ่งทางกรมบังคับคดีอาจมีการหักหลักประกันที่เคยวางไว้ แต่ก็ไม่ใช่การเสียเงินแบบสูญเปล่าเสียทีเดียว เพราะเงินที่โดนหักนั้นจะเอาไปหักในยอดเงินตามคำพิพากษาภายหลัง ส่วนภายหลังจากการทิ้งประมูลไปแล้ว บ้านนั้นจะมีการวนกลับมาขายใหม่ ที่จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี - 1 ปี 6 เดือน ทำให้เรามีเวลาในการหาเงินมาชำระหนี้ได้มากขึ้น แต่ถ้าไม่มีอีก ก็มักจะมีการเวียนกระบวนการกลับไปช่วงของการประมูลขายทอดตลาดใหม่ (ทั้งหมด 6 ครั้ง) ซึ่งลูกหนี้ก็สามารถเข้าร่วมได้อีก แต่ต้องวางเงินประกันใหม่เช่นกัน
โดยการที่บ้านจะโดนยึดขายทอดตลาดได้นั้น จะเริ่มจากการที่เจ้าหนี้ไปฟ้องศาลก่อน เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ชดใช้เงินพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งจะทิ้งระยะเวลาประมาณ 6 เดือน - 1 ปี หรือถึง 2 ปี แล้วแต่กรณีก่อนในขั้นแรก ถ้าลูกหนี้ไม่มีการชำระหนี้เลย เจ้าหนี้จะนำเอาคำสั่งบังคับศาลไปทำการสืบทรัพย์ ว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินอื่น ๆ หรือไม่ ซึ่งถ้ามีบ้านเป็นชื่อของลูกหนี้ ไม่ว่าจะผ่อนหมดแล้ว ก็จะโดนบังคับขายแบบปลอดภาระผูกพัน หรือถ้าบ้านยังผ่อนไม่หมด ก็จะเป็นการบังคับขายแบบติดจำนอง โดยจะมีการออกหมายนัดขายที่ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ก่อนเข้าสู่กระบวนการขายทอดตลาด
ข่าวเด่น