Special Report : คาด Fed ปรับลดดอกเบี้ยอีกสิ้นปี 2568 ดันราคาหุ้น-สินทรัพย์เสี่ยง ขึ้นรับปีใหม่


เข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้ว สำหรับการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 9-10 ธ.ค.นี้ กับความคาดหวังของบรรดานักลงทุนที่เชื่อมั่นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed จะมีการลดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% สู่ระดับ 3.50–3.75% ส่งท้ายปี 2568 ส่งผลให้ทิศทางของตลาดการเงินมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงค่าเงินบาทไทยก็มีการตอบรับเช่นกัน
 
ในช่วงที่สหรัฐเกิดสถานการณ์ Government Shutdown หรือการปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาลครั้งประวัติศาสตร์ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมานั้น นอกจากรัฐบาลจะไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งกระทบกับข้าราชการจำนวนมากที่ไม่ได้รับเงินเดือนตามปกติแล้ว ในภาคบริการของรัฐหลายอย่างก็ยังถูกระงับชั่วคราว เช่นเดียวกับการรายงานข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจ อย่างการรายงานตัวเลขจ้างงานสหรัฐประจำเดือนก.ย. ที่ความล่าช้าไป อันส่งผลโดยตรงกับการประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยากขึ้นสำหรับทาง Fed และนักลงทุนในตลาด
 
ด้วยการที่ภาครัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ล่าช้านี้ ประกอบกับถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่สำคัญของ Fed อย่างจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ สาขานิวยอร์ก ที่สื่อว่าจะใช้เครื่องมือเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด จากที่มูลค่าหุ้นอยู่ในระดับตึงตัว (โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีที่ย่อตัวลงไป) ซึ่งเสมือนเป็นท่าทีว่า Fed อาจลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ได้ทำให้ทาง J.P. Morgan ปรับคาดการณ์ใหม่ว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ หลังจากที่เคยคาดการณ์ก่อนหน้าว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้จนถึงเดือนม.ค.ปี 2569

 
ส่วนทาง Goldman Sachs ก็ยังมองไปทิศทางเดียวกันว่าการประชุมสิ้นปีนี้ของ Fed น่าจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เนื่องจากไม่มีข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอื่น ๆ มาพิจารณาเพิ่มเติม (จากการชัตดาวน์ของรัฐบาลนาน 43 วัน) ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับการคาดการณ์ของบรรดานักลงทุน อ้างอิงจาก Fedwatch ของ CMEGroup ที่เปิดเผยว่า ตลาดส่วนใหญ่ 86.4% มองว่ามีโอกาสที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50–3.75% ในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้
 
โดยจากทิศทางส่วนใหญ่ที่มีความคาดหวังกับการลดดอกเบี้ยที่จะถึงนี้ ส่งผลให้ตลาดเปิดรับความเสี่ยงได้มากขึ้น โดยตลาดวอลล์สตรีทมีการปรับตัวขึ้น 4 วันติดต่อกัน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี เช่นเดียวกับตลาดหุ้นยุโรปและตลาดหุ้นเอเชียที่บวกขึ้นไปตาม ๆ กัน ส่วนสินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่าง Bitcoin ก็ได้ทะยานทะลุ 90,000 ดอลลาร์สหรัฐเป็นที่เรียบร้อยและยังคงสู่ระดับดังกล่าวในปัจจุบัน
 
ส่วนการที่นักลงทุนมีการขายพันธบัตรสหรัฐออกไปบางส่วน ก็ทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งมีผลต่อค่าเงินบาทที่มีการปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยทางธนาคารกสิกรไทยคาดการณ์ว่า กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทจะอยู่ที่ 32.00-32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่ SET Index มีโอกาสแกว่งขึ้นในกรอบ 1,250 – 1,270 จุด

LastUpdate 30/11/2568 22:33:50 โดย : Admin
กลับหน้าข่าวเด่น
03-12-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 3, 2025, 4:35 am