เป็นการสร้างความหวังให้กับบรรดานักลงทุนอีกครั้ง สำหรับนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed ที่ตลาดต่างมองว่าจะสานต่อในช่วงปี 2569 ด้วยการดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่มากกว่าและรวดเร็วกว่าจากที่เคยประเมินเอาไว้ หลังจากมีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าคาด และยังต่ำสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งเพิ่มโอกาสการตัดสินใจที่ส่งผลดีต่อตลาดดังกล่าว
กระทรวงแรงงานสหรัฐ มีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ CPI ที่เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐในรอบเดือน พ.ย. 2568 โดยพบว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (รวมหมวดอาหารและพลังงาน) ปรับตัวขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.1% และยังมีทิศทางลดลงจาก 3.0% ในรอบเดือน ก.ย. เช่นเดียวกับดัชนีพื้นฐาน CPI หรือ Core CPI (ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน) ปรับตัวขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 3.0% และต่ำลงกว่ารอบเดือน ก.ย. ที่ 3.0%
แต่จากรายงานครั้งนี้ จะสังเกตเห็นได้ว่า ดัชนี CPI ประจำเดือน ต.ค. 2568 ได้หายไป ซึ่งมีสาเหตุส่วนหนึ่งจากการปิดทำการของรัฐบาลกลาง หรือ Government Shutdown ที่เกิดขึ้นยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 43 วัน ทำให้รายงาน CPI รอบเดือนดังกล่าวถูกยกเลิก และทำให้ข้อมูลเดือน พ.ย. ที่ออกมารายงานล่าสุดนี้ ไม่มีการเปรียบเทียบแบบเดือนต่อเดือน ดังนั้นในมุมมองหนึ่งก็เป็นประเด็นความกังวลถึงเรื่องของความแม่นยำ ที่นักเศรษฐศาสตร์บางกลุ่มตั้งข้อสังเกตว่าข้อมูลนี้มีการบิดเบือนหรือเปล่า ดังนั้นอาจต้องรอข้อมูลดัชนี CPI ในรอบเดือน ธ.ค. เพื่อยืนยันว่าการเป็นการลดลงของเงินเฟ้อจริงหรือเป็นความผิดพลาดในเชิงสถิติ
แต่อย่างไรก็ดี ตัวเลขเงินเฟ้อที่ลดลงตามการรายงานล่าสุดนี้ ก็ช่วยหนุนมุมมองว่า สถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐมีการคลี่คลายแล้ว ซึ่งเอื้อให้ Fed มีพื้นที่ในการพิจารณาปรับอัตราลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปี 2569 (หากตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่น ๆ สนับสนุนแนวโน้มดังกล่าว) โดยมุมมองของนักลงทุน อ้างอิงจาก FedWatch Tool ของ CMEGroup ที่ชี้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่เทน้ำหนักว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปี 2569 ในการประชุมของเดือนมี.ค. ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในเดือน เม.ย. นอกจากนี้ตลาดยังคาดการณ์ต่ออีกว่า Fed จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในการประชุมเดือน ก.ค. ซึ่งก็เร็วกว่าการคาดการณ์เดิมว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ก.ย. และมีโอกาสลดดอกเบี้ยรวม 1.00% ในปีดังกล่าว
โดยจากการรายงานตัวเลข CPI ในวันที่ 19 ธ.ค. 2568 ที่สอดรับกับมุมมองของตลาดที่เชื่อว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อ ก็ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 เปิดตลาดในแดนบวก ปรับตัวขึ้น 0.5% ทันที โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ส่วนตลาดหุ้นเอเชียก็เปิดตัวในแดนบวกเช่นกันเกือบทั่วทุกภูมิภาค โดยดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 49,387.71 จุด เพิ่มขึ้น 386.21 จุด (0.79%) ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงเปิดที่ระดับ 25,634.22 จุด เพิ่มขึ้น 136.09 จุด (0.53%) ส่วนดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้บวก 0.68% ส่วนสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin จากที่ผันผวนก่อนการประกาศ CPI ก็พุ่งขึ้นสูงทันทีไปถึงบริเวณ 88,500 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่จะสามารถทรงตัวอยู่ที่ระดับเหนือแนวรับเชิงจิตวิทยาสำคัญที่ 88,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ ณ ปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดได้สำเร็จ
แต่ทั้งนี้ก็ยังมีความไม่แน่นอนของข้อมูลเงินเฟ้อตามที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งต้องรอการคอนเฟิร์มทางตัวเลขเศรษฐกิจในรอบเดือน ธ.ค.อีกที รวมถึงยังต้องจับตาผลกระทบของราคาพลังงาน ต้นทุนที่อยู่อาศัยและภาษีนำเข้า ซึ่งอาจกดดันทิศทางของดอกเบี้ยได้ในระยะต่อไป
ข่าวเด่น