เป็นไปตามคาดหมาย สำหรับผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) นัดแรกของปีนี้ ที่คณะกรรมการได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ทั้ง 7 ท่าน ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75% โดยให้เหตุผลว่า คณะกรรมการฯ ประเมินว่า นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวจากอุทกภัยและรองรับผลกระทบของเศรษฐกิจโลกได้อย่างน่าพอใจ
ภายใต้ภาวะที่เศรษฐกิจโลก ยังมีความไม่แน่นอนและแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย การคงอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันยังเป็นนโยบายที่เหมาะสมในการสนับสนุนอุปสงค์ในประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
มติดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับนักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด มองว่า คณะกรรมการยังเป็นห่วงเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ เพราะขณะนี้เรื่องปัญหาวิกฤติหนี้ในยุโรปยังไม่จบ ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันถือว่าผ่อนคลายลง เมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ
ส่วน บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย ก็ระบุว่า การประชุม กนง.นัดแรกของปี 56 นี้ จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อเป็นแรงสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจต่อไป ประกอบกับเศรษฐกิจโลก เริ่มมีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหามากขึ้น ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามในระยะต่อไป คือ รายละเอียดการปรับลดรายจ่ายของทางการคลังสหรัฐ รวมถึงการหาทางออกของหนี้สาธารณะที่จะชนเพดาน และติดตามการเลือกตั้งของอิตาลีในเดือน ก.พ.นี้
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี ก็คาดว่า กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งแรกของปีนี้ หลังสหรัฐฯ หลีกเลี่ยงหน้าผาทางการคลังได้อย่างหวุดหวิด ประกอบกับปัจจัยเสริมจากสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักของไทยดีขึ้น การใช้จ่ายของอุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อทรงตัว
ด้านมุมมองจากแวดวงตลาดทุน นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาดบลจ.แอสเซทพลัส กล่าวว่า การประชุมของกนง.ครั้งนี้ คณะกรรมการจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจของประเทศที่ยังมีการขยายตัวจากการบริโภคและลงทุนภายในประเทศ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 3.63% จากเดิมที่คาดว่าอยู่ที่ระดับ 3.40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 1.78% ชะลอลงจาก 1.85% ในเดือนก่อนหน้า
สำหรับการหาผลตอบแทนในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยทรงตัวในระดับปัจจุบัน นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย จำกัด มองว่า แนวโน้มอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ ทั้งพันธบัตรรัฐบาลรวมถึงตราสารหนี้เอกชนระยะสั้น ยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง ไปจนถึงอย่างน้อยกลางปีนี้ ดังนั้นการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดระยะเวลา จึงควรที่จะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อล็อกอัตราผลตอบแทนเอาไว้ก่อนที่อัตราผลตอบแทนในตลาดจะปรับตัวลดลง
ข่าวเด่น