เอสเอ็มอี
มิสวอฟเฟิล (Miss Waffle) จากความชอบสู่ธุรกิจแบรนด์ใหม่




การจะเริ่มต้นทำธุรกิจอะไรสักอย่างไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากก็คือการรักษาธุรกิจนั้นให้คงอยู่และเป็นที่รู้จักในตลาดธุรกิจ สิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำธุรกิจ คือ การไม่หยุดพัฒนา ไม่หยุดแข่งขัน และไม่หยุดค้นหาสิ่งแปลกใหม่ให้กับธุรกิจที่ทำอยู่ สาวคนนี้ก็เช่นเดียวกัน เธอผันตัวจากพนักงานบัญชี มาทำธุรกิจส่วนตัว เธอเคยเป็นคนที่ซื้อธุรกิจจากคนอื่นมาทำ และรู้สึกว่าธุรกิจนั้นไม่มีการพัฒนา เธอจึงคิดดัดแปลงและพัฒนารูปแบบธุรกิจที่ทำอยู่จนกลายเป็นธุรกิจที่มีแบรนด์และเอกลักษณ์เป็นของตัวเองจนประสบความสำเร็จ กลายเป็นเจ้าของเฟรนไชน์กว่า 60 สาขา ทั่วประเทศ  

สาวนักบัญชีที่ผันตัวมาทำธุรกิจส่วนตัวคนนี้คือ คุณยู้ - สุนีย์ หมั่นประกอบสุข เจ้าของเฟรนไชน์ มิสวอฟเฟิล (Miss Waffle) ซึ่งมีเอกลักษณ์อยู่ที่โลโก้ของร้านเป็นเด็กผู้หญิงมัดแกละ แก้มยุ้ยหน้าตาน่ารัก เหมือนเด็กญี่ปุ่น ดูแปลกไม่เหมือนใคร และเป็นที่จดจำ ซึ่งพรีเซ็นเตอร์ตัวน้อยนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน น้องมีมี่ ลูกสาวคนเดียวของคุณยู้นั่นเอง

จุดเริ่มต้นของการทำ มิสวอฟเฟิล (Miss Waffle) คุณยู้ บอกว่า “จุดเริ่มต้นเลยก็คือคิดที่อยากจะมีธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี และวันหนึ่งก็ได้ไปกินขนมวอฟเฟิล รู้สึกว่ามันอร่อยและเราก็ชอบ ซึ่งตอนนั้นขนมวอฟเฟิล หรือ วาฟเฟิลเนี่ยเพิ่งจะเริ่มเข้ามาในประเทศไทย และเราอยากทำตอนแรกก็เลยตัดสินใจไปซื้อเฟรนไชน์มาเปิดขาย ซึ่งช่วงแรกขายดีมาก แต่เพราะเราซื้อเฟรนไชน์ก็เลยต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ของเขา ซึ่งเขาเองก็ไม่มีการพัฒนาตัวสินค้าเลย ทำมา 2 ปี จากที่เคยรายได้หมุนเวียนก็กลายเป็นเป็นหยุดนิ่ง เพราะลูกค้าเริ่มถามหาอะไรใหม่ๆ ซึ่งเราไม่สามารถทำอะไรได้เพราะต้องทำตามกฎของเขา ปรับเปลี่ยนอะไรไม่ได้ลูกค้าเลยเริ่มถอยหนี มันก็จึงทำให้เราเกิดความคิดว่าทำไมเราไม่ทำวอฟเฟิลในสูตรของเราเองเลย”

“พอเริ่มคิดอยากจะทำเป็นของตัวเองแล้ว เราก็เริ่มไปศึกษาเกี่ยวกับวอฟเฟิลก่อน และก็ลองทำแป้งวอฟเฟิลเอง เพราะตอนเราทำแฟรนไชส์เขาก็จะขายแป้งที่เป็นสูตรของเขา และให้เราทำตามรูปแบบที่เขาตั้งไว้ คิดค้นลองผิดลองถูกอยู่ปีกว่า จนได้แป้งวอฟเฟิลในสูตรของมิสวอฟเฟิล ในปัจจุบัน”

“ทำไมถึงเป็นมิสวอฟเฟิล ก็คิดง่ายๆ เลยค่ะ คือตัวเราเป็นผู้หญิง คือ มิส (Miss)  และเราก็ขายวอฟเฟิล ก็เลยตั้งว่ามิสวอฟเฟิล (Miss Waffle) ทีแรกเราก็ใช้รูปผู้หญิงที่เป็นกราฟิกจากคอมพิวเตอร์มาเป็นโลโก้ คือใช้ให้ดูเป็นมิสวอฟเฟิล แต่พอได้ลูกสาว ก็ด้วยความน่ารักและก็เป็นผู้หญิง ก็เลยใช้รูปลูกสาวตัวเองเป็นโลโก้ร้านแทน ซึ่งมันก็ดูแปลกและแตกต่าง สามารถเป็นจุดเด่น และเป็นที่สนใจ ทำให้จำได้ง่ายขึ้น”

มิสวอฟเฟิลเปิดรับเฟรนไชน์ด้วยใช่ไหมคะ “ .ใช่ค่ะ ตอนนี้มี 60 สาขาแล้วค่ะ ซึ่งการทำเฟรนไชน์แน่นอนต้องมีกฎของมันอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ได้กำหนดกฎอะไรมาก เราอยากให้มันมีอะไรใหม่ๆ มีการพัฒนาได้ ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นรูปแบบเดิมๆ ตลอด เราให้คนซื้อเฟรนไชน์เรา สามารถคิดและเพิ่มท็อปปิ้งต่างๆได้ โดยที่เราไม่ได้กำหนดว่าจะต้องขายแบบไหน และเราก็คอยช่วยและแนะนำในเรื่องต่างๆ ด้วย และใครที่อยากจะซื้อเฟรนไชน์เรา ก็มีแนะนำ 2 แบบ คือแบบชุดใหญ่ ราคา 40,000 บาท สำหรับคนที่จะเปิดร้านแบบครบชุดพร้อมขาย จะมีคีออส(เคาเตอร์ร้าน) มีป้ายร้าน เตาไฟฟ้า ลิ้นชักวางแป้งปั้น เสื้อยูนิฟอร์ม ผ้ากันเปื้อน มีวัตถุดิบ(แป้งวอฟเฟิลและท็อปปิ้ง) และอุปกรณ์พร้อมขาย เช่น ถาดหน้าร้าน ตะแกรงรองขนม ที่หนีบ ถุงใส่ขนม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการอบรมการทำขนมขายและการเก็บรักษาวัตถุดิบด้วย ส่วนอีกแบบหนึ่งคือแบบชุดเล็ก ราคา 28,000 บาท สำหรับคนที่อยากจะนำวอฟเฟิลไปขายคู่กับอย่างอื่น เช่น ขายในร้านกาแฟ เป็นต้น จะไม่มีหน้าร้านแต่จะเป็นตู้อุ่น สำหรับอุ่นวอฟเฟิลให้ร้อน สนใจและสอบถามรายละเอียดได้ที่ 087-699-6944 หรือเข้าไปดูข้อมูลได้ที่ www.miss-waffle.com ลูกค้าที่ซื้อเฟรนไชน์ไปเราคอยแนะนำและให้คำปรึกษาทุกราย ไม่ใช่ว่าเราหาแต่คนมาซื้อเฟรนไชน์รายใหม่อย่างเดียว แต่เราก็ให้ความสำคัญ และคอยช่วยเหลือลูกค้ารายเก่าด้วย สิ่งนี้เราคิดว่ามันสำคัญ มันเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจของเราไปได้แบบยั่งยืน 

“อย่างตอนทำมิสวอฟเฟิลช่วงแรกก็ขายเหมือนกับที่เราเคยซื้อเฟรนไชน์เขามา คือ ชิ้นละ 15 บาท 3 ชิ้น 39 บาท แต่ดูแล้วคนที่จะซื้อกิน 3 ชิ้นน่ะมีน้อย ส่วนใหญ่เขาอยากกินก็จะซื้อแค่ชิ้นเดียว เราก็เลยลองมาคิดคำนวนปริมาณของวอฟเฟิลกับราคา และลองย่อลงมาให้เหลือชิ้น 10 บาท”

“พอเหลือชิ้นละ 10 บาท ผลตอบรับก็ออกมาดี คนซื้อเขาก็ดูว่ามันไม่แพงเขาก็ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น คนซื้อแฟรนไชส์เราไปเขาก็ขายได้มากขึ้น พอเริ่มมีการตอบรับที่ดีลูกค้าก็เริ่มที่จะถามหารสชาติใหม่ๆ เพราะแรกเริ่มเลยมีแค่ 3 รสชาติ คือ นมเนย (Butter Milk), ช็อคโกแลต (Chocolate) และ รัม – เรซิ่น (Rum - rasin) และก็มีลูกค้าเรียกร้องรสชาติอื่นๆ มา เราก็ลองมาทำว่ามันโอเคไหม เหมือนกับเราก็ดูการตอบสนองของลูกค้าและค่อยๆ คิดค้นรสชาติที่ลูกค้าเสนอมา จนตอนนี้มีรสชาติใหม่ อาทิเช่น นมเนย - ผลไม้รวม (Butter Milk Mix Fruit), วานิลา (Vanilla), กาแฟ (Coffee), สตรอเบอรี่ (Strawberry), บลูเบอรี่ (Blueberry), ใบเตย (Pandanus), กล้วยหอม (Banana) ให้ลูกค้าได้เลือกทานรวม 10 รสชาติ นอกจากในช่วงเทศกาลกินเจเรายังได้คิดค้นวอฟเฟิลเจ เพื่อเป็นตัวเลือกอีก 1 ทางของคนที่ทานเจด้วย แต่ก็จะมีขายแค่ช่วงเทศกาลกินเจเท่านั้น”

เห็นไหมค่ะ ว่าการจะทำธุรกิจอะไรซักอย่างเนี่ย จะต้องไม่หยุดที่จะพัฒนาและหาอะไรแปลกใหม่ให้กับธุรกิจ อย่าหยุดนิ่งคิดว่ามันเป็นอะไรที่อยู่ตัวแล้ว เพราะการทำธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่มันเป็นการแข่งขันทั้งนั้น ใครที่กำลังคิดที่จะเริ่มทำธุรกิจก็อย่าหยุดที่จะคิดและพัฒนาให้ธุรกิจของคนก้าวไปอย่างยั่งยืน ถึงจะเป็นการก้าวเล็กๆ แต่มันอาจจะเป็นก้าวที่มั่นคงในอนาคต

 


LastUpdate 16/01/2556 21:29:32 โดย : Admin
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 7:46 pm