ภายหลังกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรืออินฟราสตรักเจอร์ฟันด์ มีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งรูปแบบและเงื่อนไขของการระดมทุน ล่าสุด ในภาคเอกชน ต่างแสดงความพร้อมในการจัดตั้งกองทุนออกมาบ้างแล้ว ซึ่งในฝั่งของโบรกเกอร์เอง ก็มองว่า การจัดตั้งอินฟราสตรักเจอร์ฟันด์ จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้นของบริษัทที่เป็นโอเปอเรเตอร์
บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG ผู้ผลิตไฟฟ้าจากโซล่าฟาร์ม ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียน ที่อยู่ระหว่างการยื่นขอจัดตั้งกองทุน เปิดเผยข่าวล่าสุดว่า โรงไฟฟ้าโซล่าฟาร์มจำนวน 7 โครงการของบริษัท ได้เริ่มดำเนินการเชื่อมต่อกับระบบ และเริ่มขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. แล้ว โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ ตั้งเดือนเดือนมกราคมนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ โซล่าฟาร์มทั้ง 7 โครงการนั้น มีกำลังการผลิตโครงการละ 6 เมกะวัตต์ ซึ่งหากรวมกับโครงการที่จำหน่ายไฟฟ้าไปก่อนหน้านี้แล้ว จะทำผลให้ผู้ผลิตโซล่ฟาร์มรายนี้ มีโครงการโซล่าฟาร์มที่จำหน่ายไฟฟ้าให้ กฟภ. แล้วรวมทั้งสิ้น 16 โครงการ รวมกำลังการผลิต 102 เมกะวัตต์
ข่าวดีในครั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง จึงแนะนำการลงทุนสำหรับหุ้น SPCG เป็น "ถือ" โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 18.54 บาท
ทั้งนี้ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มองว่า การจำหน่ายไฟฟ้าจากโซล่าฟาร์มทั้ง 7 โครงการในครั้งนี้ จะเป็นปัจจัยบวกต่อการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานของ SPCG เพราะจะทำให้กำลังการผลิตติดตั้งรวมเพิ่มขึ้น 94% จาก 55 เมกะวัตต์ เป็น 107 เมกะวัตต์ และจะทำให้ฐานการสร้างรายได้ของ SPCG เพิ่มขึ้นเท่าตัวในไตรมาสแรกของปีนี้ ก่อนจะรับรู้เต็มที่ในช่วงไตรมาสที่ 2
และหากสามารถจัดตั้งกองทุนได้ ก็จะปัจจัยบวกต่อหุ้น SPCG ด้วย เพราะจะนำมาซึ่งการลดต้นทุนดอกเบี้ยจ่าย และโอกาสในการพัฒนาโครงการอื่นๆ
ทั้งนี้ SPCG ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 20 โครงการตามแผนการลงทุนเ ซึ่งขณะนี้ได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงิน จากสถาบันการเงินครบถ้วนแล้ว โดย SPCG คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและจำหน่ายไฟฟ้าได้ตามกำหนดในปี 2556
lsd
ด้าน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ซึ่งคาดว่าจะเป็นเอกชนรายแรก ที่จะสามารถเสนอขายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานได้เป็นกองทุนแรก โดยนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC เปิดเผยว่า จะเสนอขายกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือ BTSGIF ได้ประมาณช่วงกลางหรือปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยคาดว่ามูลค่าการระดมทุนจะสูงถึง 6 หมื่นล้านบาท จากที่คณะกรรมการอนุมัติมูลค่ากองทุนไว้ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท
การระดมทุนของกองทุน BTSGIF นั้น บีทีเอสมีแผนนำไปลงทุนเดินรถไฟฟ้า สำหรับส่วนต่อขยายบีทีเอสใหม่ 2 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต วงเงิน 30,000 ล้านบาท และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ วงเงิน 10,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 10,000-20,000 ล้านบาท จะนำมาเป็นทุนสำรองสำหรับลงทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) หรือสายอื่น ๆ ต่อไป
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ "ซื้อ" สำหรับหุ้น BTS โดยให้ราคาพื้นฐาน 8.30 บาท
สำหรับสิ่งที่น่าสนใจที่สุดของ BTS ในขณะนี้ ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ระบุว่า คือ การประสบความสำเร็จในการขายรายได้สุทธิเข้าสู่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เพราะจะนำมาซึ่งเงินปันผลพิเศษเป็นจำนวนมาก อีกทั้งจะมีเงินก้อนใหญ่ในการไปตักตวงโอกาสในธุรกิจบริหารงานเดินรถที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงต่อไปในอนาคต โดยสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่ และแบริ่ง-สมุทรปราการนั้น มีโอกาสจะได้มากที่สุด เพราะเป็นการเชื่อมกับสถานีเดินรถในปัจจุบันที่สะดวกและประหยัดต้นทุนได้ดี
ทั้งนี้ หาก BTS สามารถระดมทุนได้ถึง 6 หมื่นล้านบาท จะถือเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญมาก เพราะอยู่ในช่วงสูง (High Range) จากขั้นต่ำที่ยอมรับได้คือ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งตามสมมุติฐานเดิม หากขายได้ถึง 6 หมื่นล้านบาท ได้กำไรเพิ่มเป็น 1.18 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 6.8 เท่าตัวจากกำไรหลักงวดปี 2555-2556 โดยกำไรต่อหุ้นจะเพิ่มเป็น 1.05 บาท และเงินปันผลพิเศษที่ payout ratio 60% เป็น 0.63 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 8.5% ต่างหากจากเงินปันผลปกติ+กำไรขายหุ้นงวดปีนี้
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ ง(ประเทศไทย) ให้คำแนะนำ "ทยอยสะสม" ในหุ้น BTS โดยให้ราคาเหมาะสมเบื้องต้นที่ 8.00 บาท
โดยเมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) มองว่า การจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) จะทำให้ BTS จะมีเงินสดคงเหลือราว 3.6 – 4 หมื่นล้านบาท หลังหักการถือครองสัดส่วน 1 ใน 3 ของกองทุน ดังนั้นจึงมีความพร้อมสูงสุด ในการลงทุนรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายอีก 2 เส้นทางที่จะเปิดประมูลในปีนี้ ได้แก่ หมอชิต – สะพานใหม่ และ แบริ่ง – สมุทรปราการ
นอกจากนั้น ราคาหุ้นยังมีปัจจัยบวกรออยู่ จากการคาดการณ์ว่า BTS จะสามารถจ่ายเงินปันผลพิเศษราว 0.80 – 1.00 บาทต่อหุ้น หลังเสร็จสิ้นการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งคิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 10-13%
ข่าวเด่น