หุ้นทอง
แนวโน้มราคา 28 ม.ค.-1 ก.พ.จาก YLG


 

 

สรุปการเคลื่อนไหวในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

     หลังจากที่ราคาทองคำได้มีความพยายามในการยืนเหนือบริเวณ 1,695 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้นั้น ส่งผลให้เกิดแรงเทขายทำกำไรอย่างหนักในตลาดทองคำ ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานทางสหรัฐฯได้ฉุดรั้งราคาทองคำลงมาด้วย เมื่อทางสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯที่ทางพรรครีพับลิกันได้มีการครองเสียงข้างมากนั้นได้มีการผ่านร่างในการแก้ปัญหาเพดานหนี้สาธารณะในระยะสั้นได้ ทำให้สถานการณ์ของปัญหาทางการคลังได้ผ่อนคลายลง นอกจากนี้ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ได้มีออกมาดีเกินกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ ครั้นแล้วราคาทองคำได้มีการปรับลดลงมาบริเวณแนวรับประจำสัปดาห์ และโดยรวมนั้นราคาทองคำได้มีการปรับลงประมาณ 26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากที่ราคาทองคำได้มีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องมา 3 สัปดาห์ติดต่อกัน 

 

ประเมินสถานการณ์และทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้

ราคาทองคำ : แนวรับ     1,650(23,350)     1,620(22,900)     1,600(22,650)  

                   แนวต้าน   1,690(23,900)     1,720(23,350)      1,750(24,800)  

ช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้มีการเปิดเผยผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ในเดือนธันวาคม 2555 ซึ่งได้บ่งบอกว่าทางคณะกรรมการเฟดเริ่มมีแนวคิดที่จะสิ้นสุดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ภายในสิ้นปีนี้ และได้เป็นแรงกดดันสำหรับราคาทองคำด้วย โดยในสัปดาห์นี้ก็จะมีการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำเดือนมกราคาคมด้วย ดังนั้นแล้วนักลงทุนอาจจำเป็นที่จะต้องติดตามการประชุมดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพราะหากทางเฟดยังคงมีความเห็นในการจบอายุมาตรการภายในสิ้นปีนี้ ก็จะส่งผลลบต่อราคาทองคำอีกครั้งได้

นอกจากนี้ปัจจัยทางสหรัฐฯ ที่สำคัญ ยังมีการประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ ทั้งการประมาณการณ์ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP สำหรับไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว และตัวเลขในตลาดแรงงาน อาทิ การจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมที่สำรวจโดย ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานประจำสัปดาห์, การจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของทางหน่วยงานภาครัฐ (Non-Farm Payrolls) และอัตราการว่างงานประจำเดือน ซึ่งจากอดีตที่ผ่านมาจะพบว่า ตัวเลขในตลาดแรงงานได้มีอิทธิพลต่อการแกว่งตัวของราคาทองคำค่อนข้างมาก เนื่องจากว่าทางเฟดได้มีการใช้ตัวเลขในตลาดแรงงานเป็นตัววัดที่สำคัญของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงในการออกมาตรการกระตุ้นทางการเงินต่างๆด้วย ครั้นแล้วหากตัวเลขที่ประกาศออกมาได้สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ดีขึ้น ก็จะทำให้ราคาทองคำได้รับแรงกดดันอย่างหนักลงมาบริเวณแนวรับสำคัญได้

ขณะที่ปัจจัยทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯได้เป็นตัวแปรที่สำคัญในการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก แต่สำหรับราคาทองคำในประเทศไทยก็ยังได้รับอิทธิพลจากปัจจัยดังกล่าวผ่านทางค่าเงินบาทด้วย โดยเริ่มตั้งแต่ต้นปีที่ค่าเงินบาทได้มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นผลจากการที่มีเงินทุนเข้ามาในตลาดทุนและตราสารหนี้ระยะสั้นมากขึ้น ส่งผลให้การปรับขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกไม่สามารถทำให้ราคาทองคำในประเทศปรับขึ้นตามไปได้ ดังนั้นแล้วนักลงทุนอาจจำเป็นที่จะต้องพิจารณาถึงแนวโน้มค่าเงินบาทด้วยว่าจะเป็นเช่นไร หากยังมีแนวโน้มที่แข็งค่าขึ้น ก็ย่อมทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลดลงสวนทางราคาทองคำในตลาดโลกได้

กลยุทธ์การลงทุน ราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้จึงมีแรงขายทำกำไรลงมา อย่างไรก็ตาม การที่ราคาทองคำปรับตัวลงมาค่อนข้างมากและต่อเนื่องเช่นนี้ ทำให้ระยะสั้นจะเริ่มมีการดีดตัวกลับในลักษณะ technical rebound ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนควรใข้วิธีซื้อเก็งกำไรระยะสั้นไปก่อน โดยมีกรอบแนวรับ - แนวต้านดังนี้ 1,650 - 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์และแนวต้านที่ 1,690 - 1,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

การประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์หน้า

 

* ที่มา Bisnews และ foexfactory.com ข้อมูลวันที่ 25 มกราคม 2556 ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลังได้
 
 

LastUpdate 29/01/2556 00:03:29 โดย : Admin
22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 6:09 am