นายอัครนันท์ ฐิตสิริวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า กลยุทธ์การรุกตลาดในปีนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย แผนการขยายไปสู่ตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถปิกอัพเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากตลาดรถเก๋งซึ่งปัจจุบันทำได้ค่อนข้างครอบคลุมดีอยู่แล้ว
ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่ายังเป็นกลุ่มรถที่มีศักยภาพเติบโตได้ตามเศรษฐกิจ เพราะเป็นส่วนสำคัญในการใช้ประกอบธุรกิจ รวมถึงที่ผ่านมาบริษัทยังมีพอร์ตรถกลุ่มนี้ค่อนข้างน้อย คิดเป็นสัดส่วนเพียง 19% ของยอดสินเชื่อรวม ดังนั้น ในปีนี้จึงตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนให้มีรถกระบะเพิ่มขึ้นเป็น 40% ซึ่งใกล้เคียงกับโครงสร้างตลาดที่มีรถกระบะและรถเก๋งอย่างประมาณ 50%
ส่วนที่สอง เป็นการขยายไปสู่ตลาดกลุ่มใหม่ๆ อย่างรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบก์ (ขนาดเครื่องยนต์ 250-750 ซีีซี) และกลุ่มซูเปอร์ไบก์ (ขนาดเครื่องยนต์ 750 ซีซี ขึ้นไป) ซึ่งเป็นตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งบริษัทสนใจเข้ามารุกตลาดนี้อย่างจริงจังในปีนี้หลังจากได้ประเมินทิศทางและโอกาสการทำตลาดมาเกือบ 1 ปี
กลยุทธ์ที่สาม เป็นการเจาะอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างครบวงจร ที่จะเข้าไปจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้เพื่อให้บริการทางการอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตรถยนต์ ดีลเลอร์รถยนต์ และผู้บริโภค กลยุทธ์ส่วนนี้จะเป็นการประสานกับธนาคารกสิกรไทย ซึ่งจะมีลูกค้าธุรกิจกลุ่มดังกล่าวอยู่แล้ว ฉะนั้น บริษัทก็จะเข้าไปตอบโจทย์ความครบถ้วนในบริการทางการเงิน
ยกตัวอย่าง ธุรกิจผู้ผลิตรถยนต์ก็ต้องการเงินทุนทั้งการลงทุน และเงินทุนหมุนเวียน ตลอดจนระบบการบริหารกระแสเงินต่างๆ ซึ่งใช้บริการกับธนาคารกสิกรไทยอยู่แล้ว ในการขายรถยนต์ออกไปนั้น ดีลเลอร์ก็ต้องการเงินสินเชื่อสำหรับจัดซื้อรถยนต์เข้าไปประจำโชว์รูม บริษัทก็จะมีสินเชื่อเข้ามาบริการส่วนนี้ และเมื่อลูกค้ามาซื้อรถยนต์ก็จะมีบริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ไว้ตอบโจทย์ขั้นสุดท้ายด้วย
"การทำงานร่วมกันของลีสซิ่งกสิกรไทยและคู่ค้า จะเห็นในลักษณะพันธมิตรทางธุรกิจมากขึ้น เช่นปีนี้อาจจะมีแคมเปญดอกเบี้ยพิเศษร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์บางค่าย หรือการดีลเข้าไปให้บริการทางการเงินอื่นๆ หรือการจัดซื้อรถยนต์สำหรับบริษัทชั้นนำต่างๆ ที่ต้องการเข้าไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ ก็จะต้องดีลระหว่างกันมากขึ้นแน่นอน"
นายอัครนันท์กล่าวอีกว่า ด้วยกลยุทธ์ทั้ง 3 ส่วนดังกล่าวจะนำไปสู่การขยายตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในปีนี้ที่บริษัทตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ 9.1 หมื่นล้านบาท และมั่นใจว่าภายในปลายปีนี้พอร์ตสินเชื่อคงค้างจะเติบโตขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 9.7 หมื่นล้านบาท เติบโตประมาณ 17% ขณะเดียวกันก็จะพยายามคุมหนี้เสียเอาไว้ไม่ให้เกิน 0.86%
ขณะที่ภาพรวมตลาดรถยนต์ปีนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า น่าจะมีรถยนต์ใหม่เกิดขึ้นในปีนี้อีกกว่า 1.34-1.41 ล้านคัน ลดลงเล็กน้อยจากปีที่แล้วอยู่ที่ 1.44 ล้านคัน ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนนต์ก็จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 27-33% หรือเป็นมูลค่าพอร์ตสินเชื่อคงค้างประมาณ 1.05-1.13 ล้านล้านบาท ถือเป็นครั้งแรกที่สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีมูลค่าพอร์ตแตะล้านล้านบาท
ข่าวเด่น