สงครามค่าเงิน เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น เมื่อธนาคารกลางญี่ปุ่น ประกาศจะ ซื้อสินทรัพย์เดือนละ 13 ล้านล้านเยน ประมาณ 145,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 4.35 ล้านล้านบาท ตั้งแต่เดือน มกราคม2557 เป็นต้นไปอย่างไม่มีกำหนด เหมือนกับการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นล่าสุด ได้สร้างความกังวลให้กับประเทศต่างๆในเอเชียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมาตรการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศออกมาล่าสุด จะส่งผลให้สภาพคล่องและการไหลเวียนของเงินทุน ในประเทศต่างๆ มีมากขึ้น และในที่สุดก็จะส่งผลกระทบต่อค่าเงินของประเทศนั้นๆ
โดยนายอี้ กัง รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ยอมรับว่า จีนต้องจับตาดูผลกระทบจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินขนานใหญ่ที่เพิ่งประกาศใช้ของญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อตลาดเกิดใหม่
“นอกจากญี่ปุ่นแล้ว ทั้งสหรัฐและธนาคารกลางยุโรปต่างก็ใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ ซึ่งจะทำให้ทั่วโลกมีสภาพคล่องและเงินทุนไหลเวียนระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นกระแสเงินไหลเข้าหรือไหลออก ซึ่งมีความไม่แน่นอน" เขากล่าว นอกจากนี้ นโยบายใหม่ของญี่ปุ่นจะมีความเสี่ยงในการกระตุ้นการแข่งขันกันระหว่างประเทศต่างๆ เพื่อปรับลดค่าเงินของประเทศตนเองลง สำนักข่าวซินหัวรายงาน
ด้านนายฮา ซุงเคิน (Ha Sung-keun) สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินประจำธนาคารกลางเกาหลีใต้ ก็เตือนว่า กระแสเงินทุนน่าจะไหลเข้าประเทศมากขึ้น บรรยากาศของการกีดกันกำลังขยายวง และเกาหลีใต้ต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะมาตรการที่มีอยู่ของเกาหลีใต้ในการรับมือกระแสเงินทุนนั้น แม้ดีกว่าในอดีต แต่ยังถือว่าไม่เพียงพอ
ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของนายคิม ชุงซู (Kim Choong-soo) ผู้ว่าการธนาคารกลาง ที่ระบุว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินของญี่ปุ่น อาจก่อให้เกิดปัญหาต่อเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ประเด็นเกี่ยวกับสงครามค่าเงิน ถือเป็นหัวข้อหลักในการประชุมที่ดาวอส ซึ่งผู้ว่าการธนาคารกลางและผู้บริหารธุรกิจจำนวนมากตั้งคำถามเกี่ยวกับการเดินหน้าดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
ส่วนผลกระทบต่อไทยก็เห็นได้ชัดเจน จากกระแสเงินทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ตลาดเงิน และตลาดตราสารหนี้ของไทย อย่างรวดเร็วและถล่มทลาย จนสร้างความผันผวนต่อค่าเงินบาท และราคาสินทรัพย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก จนธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยอมรับว่า กำลังเฝ้าระวังสถานการณ์เงินไหลเข้าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเงินที่ลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์
ข่าวเด่น