ค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นมาทำสถิติมากที่สุดในรอบ 17 เดือนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกของไทย และการส่งออก อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้การส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ในปีนี้ที่ตั้งเป้าการเติบโตที่ 9% ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
จึงหนีไม่พ้นที่เจ้ากระทรวง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะต้องดำเนินมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่ง และล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ก็ได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (จร.) เร่งทำความตกลงด้านการค้าการลงทุน ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์การใช้สิทธิประโยชน์จากข้อตกลงทางการค้าเสรีที่เสร็จสิ้นไปแล้ว ให้นักธุรกิจไทยได้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึก และมีการใช้สิทธิประโยชน์ให้มากขึ้น พร้อมทั้งเตรียมเปิดศูนย์บริการการค้าการลงทุนอย่างครบวงจร เพื่อให้บริการทั้งนักธุรกิจไทยและต่างประเทศที่จะมาลงทุนในไทยและอาเซียน
โดย นางพิรมล เจริญเผ่า อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า สภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของยุโรปและสหรัฐ ส่งผลกระทบต่อการค้า การส่งออก ไปยังตลาดหลักทั้งสอง ล่าสุดกรมเจรจาการค้าได้เร่งออก 6 มาตรการ ประกอบด้วย
มาตรการที่ 1 การส่งเสริมการค้าการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน โดยฟื้นฟูความสัมพันธ์เพื่อลดอุปสรรคทางการค้า และสนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น การประชุม JTC กับ พม่า เวียดนาม สปป.ลาว มาเลเซีย สิงคโปร์ และกัมพูชา รวมทั้งการประชุมไตรภาคีระหว่างไทย-เวียดนาม-สปป.ลาว ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้เพิ่มขึ้น
มาตรการที่ 2 แสวงหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพแทนตลาดหลัก เพื่อให้มีตลาดที่หลากหลายขึ้น โดยอาศัย FTA ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยมุ่งเน้าเป้าหมายตลาดอย่างประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น อินเดีย เปรู รวมถึงตลาดชิลี ซึ่งจะมีผลบังคับใช้กลางปีนี้ด้วย
มาตรการที่ 3 การแสวงหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ จากทั่วโลก (Global Sourcing) เพื่อให้ไทยเกิดความได้เปรียบด้านต้นทุน ราคา และคุณภาพการผลิตสินค้าและบริการ
มาตรการที่ 4 เรื่องการขอสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ซึ่งปัจจุบัน กรมฯ อยู่ระหว่างเตรียมการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโร ปซึ่งจะเป็นการทดแทนหรือชดเชยสินค้าที่ไทยถูกตัดสิทธิ GSP และถือเป็นการได้รับสิทธิภาษีนำเข้าอย่างถาวร
มาตรการที่ 5 ส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรมและชัดเจน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับอินเดีย แคนาดา และในกลุ่มอาเซียน และจะกำหนดแผนการเจรจาด้านการลงทุนในความตกลงไทย-เปรูและไทย-ชิลี ในอีก 2 ปี
มาตรการที่ 6 ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นประตูสู่อาเซียน (ASEAN Gateway) โดยยกระดับการให้บริการศูนย์บริการข้อมูล AEC ให้เป็น “ศูนย์บริการการค้าการลงทุนอย่างครบวงจร”
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ คาดว่าทั้ง 6 มาตรการดังกล่าว จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ สามารถแข่งขันได้ตรงตามเป้าหมาย
ปีนี้ยังถือได้ว่าเป็นปีที่สาหัสของผู้ส่งออกไทย และมีปัจจัยที่ท้าทายมากขึ้น จึงหนีไม่พ้นที่ "ผู้ประกอบการไทย" จะต้องเร่งปรับตัว เพื่อแสวงหาโอกาสและความได้เปรียบในการรักษาการขยายตัวของการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ข่าวเด่น