นับวันการแข่งขันในตลาดชาพร้อมดื่มจะยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น และสามารถเข้าไปกินส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มในกลุ่มอื่นๆ การพัฒนาสูตร และสินค้าใหม่เข้าทำตลาด จึงมีมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มเครื่องดื่มที่ดูเหมือนจะมาแรงในปีนี้น่าจะหนีไม่พ้น “น้ำจับเลี้ยง”
ปัจจุบันผู้ประกอบการในตลาดชาพร้อมดื่ม เริ่มมีการหยิบยกเลือกเครื่องดื่มดังกล่าวเข้ามาเป็นส่วนประกอบในน้ำชาพร้อมดื่ม ด้วยคุณสมบัตรของน้ำจับเลี้ยง ที่เข้ากับกระแสการรักสุขภาพของผู้บริโภค จึงทำให้การแข่งขันในตลาดน้ำจับเลี้ยง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นม้ามืดในตลาดชาพร้อมดื่มเริ่มมีการแข่งขันกันรุนแรงบมากขึ้น
"เพียวริคุ" ถือเป็นรายแรกที่ได้ชิมลางกระโดดลงมาเล่นในตลาดเครื่องดื่มสมุนไพร ด้วยการนำสมุนไพร 6 มารวมตัวกันจนกลายเป็นเครื่องดื่มชาขาวผสมสมุนไพร ภายใต้ชื่อ “เพียวริคุ เฮอร์เบิล ที” เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรักษาสุขภาพ
กลยุทธในการสร้างเซ็กเมนท์ตลาดชาใหม่ในครั้งนี้ของเพียวริคุ นอกจากจะชูในเครื่องของเครื่องดื่มใหม่ “ชาขาวผสมสมุนไพร 6 ชนิด” ภายใต้ชื่อ “เพียวริคุ เฮอร์เบิล ที” แล้วยังใช้แนวคิดการทำตลาดภายใต้คอนเซ็ปต์ “สดชื่น ดับกระหาย คลายร้อน ในวันที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย” หรือ พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นนั่นก็คือ การดื่มน้ำจับเลี้ยง เพื่อแก้กระหาย ซึ่งเหมาะสำหรับกลุ่มคนทำงาน ครอบครัว ผู้ที่ห่วงใยสุขภาพ และผู้ที่นิยมเครื่องดื่มสมุนไพร
ขณะที่ขนาดสินค้าที่เพียวริคุวางไว้จะอยู่ที่ขวดละ 20 บาท ในขนาด 420 มล. วางจำหน่ายตามช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ, ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าทั่วไป ซึ่งในปีแรกของการทำตลาดเพียวริคุ คาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาด “เพียวริคุ เฮอร์เบิล ที” ไม่น้อยกว่า 5% และสร้างการเติบโตให้เพียวริคุโดยรวมไม่น้อยกว่า 20%
หลังจากเพียวริคุ เปิดเกมรุกตลาดชาขาวพร้อมดื่มผสมสมุนไพรได้เพียง 2 เดือน ก็มีค่ายยักษ์อย่าง “อิชิตัน” ขอโดดเข้ามาร่วมชิงส่วนแบ่งการ ซึ่งครั้งนี้อิชิตันขอแตกซับแบรนด์น้องใหม่ภายใต้ชื่อ “เย็นเย็น” ที่มาพร้อมชาเขียวสูตรใหม่ผสมสมุนไพร 7 ชนิดในกลุ่มจับเลี้ยงเข้ามาทำตลาด
แม้ว่าตอนนี้กระบวนการของการเปิดตัวน้ำสมุนไพรผสมชาเขียวยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ แต่แผนการตลาดของเครื่องดื่มสมุนไพรจับเลี้ยงผสมชาเขียวก็แล้วเสร็จเกือบ 100% ไม่ว่าจะเป็นในด้านของช่องทางจำหน่าย การทำกิจกรรมการตลาด โฆษณาประชาสัมพันธ์ หรือราคาขาย ซึ่งอิชิตันวางราคาไว้ที่ 15 บาทในขนาด 420 มล. ถือว่าถูกกว่าคู่แข่งที่วางสินค้าเข้าทำตลาดไปก่อนหน้านี้ 5 บาท
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า แม้ว่า “เย็นเย็น” จะออกมาเปิดตัวหลังคู่แข่ง แต่เชื่อว่ายังพอมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาดอีกมาก เพราะปัจจุบันคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และประเทศไทยก็เป็นเมืองร้อน คนส่วนใหญ่ชอบรับประทานอาหารรสจัด เผ็ดร้อน บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสและพัฒนาสินค้าที่ตรงความต้องการของผู้บริโภคอย่างเครื่อง “เย็นเย็น” เข้ามาทำตลาด
จากกระแสการรักสุขภาพที่กำลังมาแรง ประกอบกับมองเห็นเทรนด์เครื่องดื่มน้ำจับเลี้ยงในประเทศจีน ที่มีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องจนมียอดขายแซงหน้าเครื่องดื่มน้ำอัดลมอย่างโค้ก ที่เป็นเจ้าตลาดน้ำอัดลมในประเทศจีน ส่งผลให้ปัจจุบันยอดขายน้ำจับเลี้ยงในประเทศจีน มีมูลค่าตลาดสูงถึง 90,000 ล้านบาท จึงทำให้อิชิตันมีความมั่นใจในการเปิดตัวเครื่องดื่มสมุนไพรน้ำจับเลี้ยง “เย็นเย็น” เข้ามาทำตลาด
โดยหลังจากเปิดตัว “เย็นเย็น” เข้าทำตลาดในวันที่ 21 ก.พ.นี้ อิชิตันได้เตรียมงบ 100 ล้านบาท เพื่อใช้ทำการตลาดเครื่องดื่มเย็นๆ ตลอดทั้งปี ซึ่งกลยุทธหลักของการทำตลาดจะเน้นไปที่การสื่อสารกับกลุ่มนักศึกษาและคนทำงานรุ่นใหม่ที่มีอายุ 18-35 ปี เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวเป็นกลุ่มที่พร้อมจะเปิดรับสินค้าใหม่ๆ เพื่อสุขภาพและไลฟ์สไตล์ของตัวเอง โดยภายในเดือนมี.ค.นี้ คาดว่าจะกระจายสินค้าได้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ
สำหรับเป้าหมายของการทำตลาดเครื่องดื่ม “เย็นเย็น” ในปีแรกนั้น อิชิตันคาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาทในปี 2557 ซึ่งจากเป้าหมายและแนวทางการการทำตลาดดังกล่าว อิชิตันคาดว่าจะผลักดันให้ภาพรวมยอดขายชาเขียวในสิ้นปีนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 4,500 ล้านบาท และเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งถือว่าเร็วว่าแผนการดำเนินงานเดิมที่วางไว้ว่าจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2557
แม้ว่า “อิชิตัน” จะทำตลาดชาเขียวมาได้เพียง 2 ปี ซึ่งปีแรกนายตัน บอกว่ามีผลประกอบการขาดทุน แต่หลังจากปีแรกผ่านไปก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 ก็เริ่มเห็นผลกำไร ซึ่งจากผลประกอบการในปี 2555 ที่ผ่านมา ชาเขียวอิชิตันมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท มีกำไร 300 ล้านบาทเป็นครั้งแรก และจากเป้าหมายที่วางไว้ว่าสิ้นปีนี้จะมียอดขายรวมอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท คาดว่าจะมีกำไรไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท
ปัจจุบันชาเขียวอิชิตันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 27% เป็นอันดับ 2 ในตลาดรวมชาเขียวพร้อมดื่มมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่อันดับ 1 เป็นของโออิชิครอง ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 44% และอันดับ 3 เป็นของเพียวริคุ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 14% ซึ่งในส่วนของสิ้นปีนี้ อิชิตันคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 35% ตีตื้นโออิชิ แบบลดต้นคอ
หลังจากผู้ประกอบการในตลาดชาพร้อมดื่มออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่ และออกมาทำกิจกรรมทางการตลาดมากขึ้น คาดว่าสิ้นปีนี้ตลาดรวมชาพร้อมดื่ม น่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งอีกหนึ่งแรงกระตุ้นที่จะทำให้ตลาดชาพร้อมดื่มในปีนี้เติบโตสูง นั่นก็คือ การกระโดดเข้ามาทำตลาดชาผสมสมุนไพรพร้อมดื่ม เพราะตอนนี้แว่วๆมาว่าจะมีอีกหลายแบรนด์กระโดดเข้ามาทำตลาด.
ข่าวเด่น