จากแนวโน้มของธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบคอนวีเนียนสโต หรือที่รู้จักกันดีในนามของร้านสะดวกซื้อ มีอัตราการขยายตัวที่ดีอย่างต่อเนื่องในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งธุรกิจคอนวีเนียนสโตร์มีอัตราการเติบโตสูงถึง 19.9% และเติบโตต่อเนื่องมาในปี 2553 ที่ประมาณ 19.3%
แม้ว่าในช่วงในปี 2554 ธุรกิจคอนวีเนียนสโตร์ของไทยจะมีอัตราการเติบโตที่ชะลอเหลือเพียง 6.1% เพราะได้รับปัจจัยลบในด้านของความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปี ขณะที่ปลายปีก็ต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ส่งผลให้หลายธุรกิจรวมไปถึงร้านคอนวีเนียนสโตร์ทั้งหลายได้รับผลกระทบ แต่พอทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ธุรกิจคอนวีเนียนสโตร์ก็กลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปี 2555 ด้วยอัตราการเติบโตที่ประมาณ 18% และในปีนี้มีแนวโน้มว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจคอนวีเนียนสโตร์ กลายเป็นมือมืดมาวินของธุรกิจค้าปลีกที่มีการขยายตัวดีที่สุด เพราะมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาทำตลาด จะเห็นได้ว่าช่วงตลอดระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กซี ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ออกมาลุย "มินิ บิ๊กซี" หรือเทสโก้ โลตัส ที่ออกมารุก "โลตัส เอ็กซ์เพรส"ตลอดจนซูเปอร์มาร์เก็ตแบรนด์ ท็อปส์ ของเซ็นทรัลฟู้ด รีเทล ที่โดดลงมาร่วมชิงแชร์เปิดตัว ท็อปส์เดลี่ เข้าทำตลาดตามแหล่งชุมชนต่างๆ
นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคขอลงมาร่วมชิงแชร์ ไม่ว่าจะเป็น ร้านจิฟฟี่ ของ ปตท. ร้านซีพีเฟรชมาร์ท ของซีพี หรือร้าน 108 ช็อปของสหพัฒน์
ส่วนร้านแฟมิลี่มาร์ท ภายหลังจากได้บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่นเข้ามาถือหุ้นใหญ่ ในปีที่ผ่านมา คาดว่าปีนี้น่าจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้นของร้านแฟมิลี่มาร์ทที่จะเปิดเกมรุกในการทำการตลาดและขยายสาขาเพิ่ม จากปัจจุบันร้านแฟมิลี่มาร์ทมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการเพียง 620 สาขาเท่านั้น ขณะที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น คู่รักคู่แค้นชิงทำเลขยายสาขานำลิ่วไปแล้วที่ 6,773 สาขาทั่วประเทศ
แม้ว่าจะปูพรมขยายสาขาเกินครึ่งหมื่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น แต่ความแรงในการขยายสาขาก็ไม่ได้ลดลง บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดูแลธุรกิจดังกล่าวยังคงประกาศแผนเปรี้ยงในการขยายสาขาใหม่แต่ละปีไม่ต่ำกว่า 500 สาขา
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้ได้เตรียมงบลงทุนประมาณ 6,000-6,500 ล้านบาท ในการขยายสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม ซึ่งในส่วนของสาขาใหม่ปีนี้จะขยายเพิ่มที่ 500-550 สาขา ขณะที่สาขาเดิมจะทำการปรับปรุงที่ 600-700 สาขา โดยสิ้นปีคาดว่าจะมีสาขารวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 7,370 สาขา ซึ่งภายในปี 2561 คาดว่าจะมีร้านเซเว่นฯครบ 1 หมื่นสาขา
นอกจากนี้ ซีพีออลล์ ได้เตรียมงบประมาณอีกส่วนหนึ่ง ที่จะใช้ไปกับการลงทุนด้านไอที และการสร้างคลังสินค้าใหม่เพิ่มอีก 2 แห่ง คือ ชลบุรี และ สมุทรสาคร
ทั้งนี้ นอกจากจะเดินหน้าขยายธุรกิจในประเทศอย่างต่อเนื่องแล้ว ในส่วนของตลาดต่างประเทศ ซีพีออลล์ ก็ให้ความสนใจในการเข้าไปขยายธุรกิจอีกเช่นกัน ซึ่งหลังจากได้ยื่นขอไลน์เซนส์เข้าไปเปิดร้านเซเว่นฯ ในประเทศจีน ปีนี้แว่วๆมาว่ามีสัญญาณที่ดีว่าอาจได้รับไลเซนส์ จากอีเลฟเว่น อิงค์ สหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เปิดร้านเซเว่นฯ ในประเทศจีนจำนวน 1 โซน จากทั้งหมด 10 โซน ซึ่งแต่ละโซนจะครอบคลุมประชากร 120 ล้านคน และเป็นโซนที่อยู่ใกล้เซี่ยงไฮ้ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มลงทุนได้ในปีหน้า หลังจากนั้นจะคืนทุนใน 3 ปี
ปัจจุบันประเทศจีน มีร้านเซเว่น อีเลฟเว่นเข้าไปเปิดให้บริการแล้วจำนวน 4 โซน ประกอบด้วย ปักกิ่ง และเฉิงตู ผู้ประกอบการในประเทศญี่ปุ่นได้รับสิทธิ์ไป ขณะที่เซี่ยงไฮ้ ผู้ประกอบการจากไต้หวันเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ และกวางเจาเป็นของผู้ประกอบการจากฮ่องกง ได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปขยายสาขา
นอกจากนี้ ซีพีออลล์ ยังมีแผนที่จะขอไลเซนส์เข้าไปขยายร้านเซเว่นฯ ในประเทศพม่า ลาว และกัมพูชา เพื่อเตรียมความพร้อมการก้าวเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 ส่วนประเทศเวียดนาม ซึ่งก่อนหน้านี้ ซีพี ออลล์ ให้ความสนใจที่จะเข้าไปขอไลเซนส์ ตอนนี้ขอยุติการดำเนินการในประเทศดังกล่าวออกไปก่อน เนื่องเวียดนามยังมีปัญหาเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อสูง
นายปิยะวัฒน์ กล่าวว่า การเร่งขยายสาขาร้านเซเว่นฯ ในครั้งนี้ไม่ได้มีการแข่งขันกับใคร แต่เป็นการแข่งขันกับตัวเองและการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันมีการเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว และเพื่อให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค จึงต้องมีการปรับตัวในด้านของการทำงาน ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ผสมผสานในการบริหารจัดการร้าน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
จากการขยายตัวอย่างรวดเร็จของร้านเซเว่นฯ ในประเทศไทย ส่งผลให้ไทยกลายเป็นประเทศที่มีจำนวนสาขาร้านเซเว่นฯ อยู่ในอันดับที่ 3 ของโลก จากสาขารวมทั่วโลกประมาณ 48,097 สาขา ณ เดือน ก.ย. 2555 ซึ่งประเทศที่มีจำนวนสาขาของร้านเซเว่นฯมากที่สุดยังคงเป็นประเทศญี่ปุ่น มีสาขาสูงสุดที่ 14,579 สาขา ตามด้วยสหรัฐอเมริกา 7,558 สาขา และ ไทย 6,773 สาขา ส่วนอันดับที่ 4 เป็นของประเทศเกาหลีใต้ มีจำนวนสาขาที่ 6,621 สาขา อันดับ 5 เป็นของประเทศไต้หวัน 4,830 สาขา และประเทศจีน 1,881 สาขา
แต่หากมองในด้านของจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการต่อร้านต่อวัน ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 1 ในปีที่ผ่านมา ด้วยการมีจำนวนลูกค้าเข้าใช้บริการเฉลี่ยที่ 1,426 คน สูงกว่าประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ 1 ในด้านของจำนวนสาขามีลูกค้าเข้าใช้บริการเฉลี่ยต่อร้านต่อวันอยู่ที่ประมาณ 1,052 คน และสหรัฐอเมริกามีลูกค้าเข้าใช้บริการต่อร้านต่อวันอยู่ที่ 920 คน
นอกจากนี้ หากมองในด้านการเติบโตของยอดขายประเทศไทยก็มีการเติบโตสูงเป็นอันดับหนึ่งเช่นเดียวกัน ซึ่งในปีนี้มีการคาดการณ์ว่ายอดขายของร้านเซเว่นฯจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 14-15%
ข่าวเด่น