การตลาด
สกู๊ป : "ซาบีน่า" ยกระดับบรา ดึง "ดารา" ออกแบบคอลเลคชั่นหรู


 

หลังจากประสบความสำเร็จทางด้านยอดขาย จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชุดชั้นใน "คริส คอลเลคชั่น บาย ซาบีน่า" เข้าทำตลาด ซึ่งคอลลเคชั่นดังกล่าวได้นักแสดงชื่อดังอย่าง "คริส หอวัง" มาเป็นดีไซเนอร์ผู้ออกแบบชุดชั้นใน จนสร้าง   ความแปลกใหม่ด้านการออกแบบที่แตกต่างจากคอลเลคชั่นชุดชั้นในซาบีน่าในช่วงที่ผ่านมา 

 
 
 
นอกจากนี้ สินค้าคอลเลคชั่นดังกล่า วยังช่วยให้ซาบีน่าขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นที่อย่างดี  รวมไปถึงยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าของซาบีน่า ซึ่ง ‘คริส คอลเลคชั่น บาย ซาบีน่า’ เป็นสินค้าคอลเลคชั่นชุดชั้นในบราแฟชั่นระดับพรีเมี่ยม และเพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จดังกล่าว ซาบีน่าได้ออกมาเปิดตัวชุดชั้นในคอลเลคชั่นที่ 2 ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของ “คริส หอวัง” ภายใต้ชื่อ “คริส คอลเลคชั่น กิลตี้”  เข้าทำตลาด

จุดเด่นของชุดชั้นใน “คริส คอลเลคชั่น กิลตี้” ที่นำเข้ามาทำตลาดในครั้งนี้  จะเน้นไปที่กลุยุทธการสะท้อนและบ่งบอกความเป็นตัวตนของดีไซเนอร์ที่ชัดเจนมากขึ้น  ด้วยการนำแรงบันดาลใจด้านการออกแบบจากตัว “คริส  หอวัง” เองที่ชื่นชอบเครื่องประดับ  หยิบยกคริสตัลมาประดับตกแต่งเพิ่มลวดลายที่สวยงามให้กับชุดชั้นในคอลเลคชั่นนี้

นอกจากนี้ ยังแฝงความเท่ห์ด้วยเส้นสาย และการตัดเย็บที่เน้นทรวดทรงแต่สวมใส่สบาย โดยเน้นโทนสีดำผสมผสานกับสีอื่นๆ เช่น สีนู้ด สีชมพู สีน้ำเงิน และสีส้ม เพื่อเพิ่มสีสันดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้กับสินค้าคอลเลคชั่นนี้  ซึ่งจะมีให้เลือกด้วยกัน 6 เซ็ท แบ่งเป็นเสื้อใน 13 แบบ พร้อมกางเกงชั้นในเข้าชุด

สำหรับกลยุทธที่ซาบีน่า นำมาทำการตลาดสินค้า “คริส คอลเลคชั่น กิลตี้” นี้  จะเน้นเจาะกลุ่มเปาหมายเฉพาะกลุ่มและเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง  รักการแต่งตัวและชื่นชอบบราแฟชั่น  เนื่องจากสินค้าคอลเลคชั่นนี้ได้คัดเลือกวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยม นำมาตัดเย็บด้วยคุณภาพที่ซับซ้อนจากลวดลายการออกแบบ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้เป็นสินค้าชุดชั้นในบราแฟชั่นระดับอินเตอร์  ซึ่งหลังจากเปิดตัวเข้าทำตลาดคาดว่าจะมียอดขายจากคอลเลคชั่นดังกล่าวไม่ต่ำกว่า  50 ล้านบาท

 
 
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า บริษัทจะสร้างแบรนด์  “คริส คอลเลคชั่น” ให้มีความชัดเจนมากขึ้น  ด้วยการยกระดับคอลเลคชั่นสินค้าสู่การเป็นซับแบรนด์ของบริษัท ซึ่งถือเป็นแบรนด์ชุดชั้นในแบรนด์ที่ 3 ของกลุ่มชุดชั้นใน “ซาบีน่า” ต่อจากชุดชั้นในซาบีน่า และชุดชั้นในซาบีนี่  
 
โดยบริษัทจะวางตำแหน่งสินค้า  “คริส คอลเลคชั่น”  ให้เป็นชุดชั้นในบราแฟชั่นระดับอินเตอร์ เพื่อสื่อสารการตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย พร้อมทั้งสร้างตราสินค้า “คริส คอลเลคชั่น” ให้ก้าวไปสู่การเป็นบราแฟชั่นระดับอินเตอร์แบรนด์ รองรับการรุกขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น

สำหรับภาพรวมการแข่งขันของตลาดชุดชั้นในปีนี้  นายบุญชัยมองว่า  ตลาดยังคงมีการแข่งขันที่รุนแรง สังเกตได้จากการที่แต่ละแบรนด์ออกมาเปิดตัวสินค้าคอลเล็กชั่นใหม่เข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่จากความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ผู้ประกอบการในตลาดจึงต้องมีการปรับแผนการพัฒนาสินค้าชุดชั้นในให้มีความเป็นแฟชั่นไปพร้อมๆ กับฟังก์ชั่น ที่นึกถึงความสวยงามและการใช้ประโยชน์เป็นหลัก

 
 
 
สำหรับในส่วนของซาบีน่า นอกจากจะมีการเปิดตัวสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องแล้ว  ยังมีการนำเสนอกิจกรรมใหม่ ๆ ที่แตกต่าง  และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าในยุคปัจจุบัน เป็นกลุยุทธหลักในการทำตลาด เพื่อผลักดันให้แต่ละปีมียอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20% แบ่งเป็นยอดขายแบรนด์ซาบีน่า 80% (รวมต่างประเทศ) และธุรกิจรับจ้างผลิตหรือโออีเอ็ม 20%

นอกจากจะเดินหน้าขยายธุรกิจตลาดในประเทศจนเติบโตเป็นที่น่าพอใจแล้ว ซาบีน่ายังได้วางแผนขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากเดิมเน้นทำตลาดหลักในประเทศพม่า เวียดนาม สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ มาในปีนี้มีแผนที่จะขยายตลาดไปยังประเทศอินโดนีเซีย  โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาและคัดเลือกตัวแทนจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเร็วๆนี้น่าจะได้ข้อสรุป

ขณะที่การแข่งขันในตลาดชุดชั้นในยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้องปรับตัวรับมือการแข่งขัน ในด้านของปัจจัยต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งในด้านของวัตถุดิบ และค่าแรงก็เป็นอีกหนี่งปัจจัยที่ทำให้ทุกผู้ประกอบการต้องปรับตัว และซาบีน่าก็เป็นอีกหนึ่งรายที่ต้องปรับตัว เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้น 300 บาท ซึ่งจะกระทบเพิ่มขึ้นนั้บตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ปี 2556 ที่ประกาศปรับขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ    

ปัจจุบัน ซาบีน่า มีพนักงานกว่า 4,300 คน ใน 5 โรงงาน ซึ่งปีที่ผ่านมา ซาบีน่า ได้รับผลกระทบจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นในโรงงาน 2 แห่ง คือ กรุงเทพฯ และ นครปฐม ขณะที่ปีนี้จะได้รับผลกระทบอีก 3 แห่ง คือ บุรีรัมย์ ยโสธร และ ชัยนาท

จากผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ซาบีน่าต้องปรับระบบการทำงาน ด้วยการหันมาใช้หลักการของ "โตโยต้า เวย์" (Toyota Way) เพื่อเป็นการลดต้นทุน ย่นระยะเวลาการทำงาน และเพิ่มผลผลิต  ยกตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนให้พนักงานจากนั่งเย็บมาเป็นการยืนเย็บ ซึ่งจะสามารถเพิ่มการผลิตได้มากขึ้น  

 
 
การเปลี่ยนระบบการทำงานจากนั่งเย็บมาเป็นการยืนเย็บ นายบุญชัย กล่าวว่า จะถามความสมัครใจของพนักงาน ซึ่งพนักงานคนไหนหันมาปรับการทำงานในรูปแบบดังกล่าวเอง ชิ้นของงานก็จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยหลังจากปรับระบบการทำงานมาเป็นรูปแบบดังกล่าว พนักงานส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี  เนื่องจากทำให้พนักงานมีรายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย 

จากการที่ "ซาบีน่า" ออกมาปรับทั้งกระบวนการทำงานและสินค้าแบบนี้ ทำให้เป้าหมายที่วางไว้ว่าจะต้องเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 15% คงทำได้ไม่ยาก ยิ่งมีสินค้าใหม่เข้ามาเสริมทัพ เป้าหมายที่วางไว้ข้างต้นอาจน้อยไปด้วยซ้ำ  



 
 
 
 
 

LastUpdate 01/02/2556 17:07:40 โดย : Admin
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 11:55 am