หุ้นทอง
หุ้นไทยกระทิงดุ! ดัชนีพุ่งทะยานเฉียด 1,500 จุด ทำลายสถิติในรอบ 17 ปี



 
ตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 เดือนแรกของปี  ได้ทำสถิติปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสิ้นปี 2555 ที่ระดับ 1,392 จุด  จนล่าสุดดัชนีปรับขึ้นมาอยู่ที่  1,499.22 จุด หรือเกือบ 1,500 จุด ทุบสถิติสูงสุดใหม่รอบ 17 ปี  ซึ่งการพุ่งขึ้นของดัชนีตลาดหุ้น   ปัจจัยหลักมาจากกระแสเงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้ามาหาผลตอบแทนในภูมิภาคเอเชีย  รวมถึงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย

 

ความร้อนแรงของตลาดหุ้นไทย ได้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้น และได้มีคำเตือนจากหน่วยงานต่างๆ โดย นายจรัมพร โชติกเสถียร  กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยอมรับว่า ปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยเฉลี่ยต่อวัน เพิ่มขึ้นจากระดับ 3 หมื่นล้านบาทเป็นกว่า 5 หมื่นล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นถึง 71% โดยหลายบริษัทหลักทรัพย์มีการซื้อขายในลักษณะการเก็งกำไรสูงมาก จึงเตือนให้ผู้ลงทุนศึกษาและติดตามข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด และควรใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมีการเก็งกำไร เนื่องจากสภาพการซื้อขายในหลักทรัพย์ดังกล่าว อาจไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท

นอกจากนี้ หุ้นเก็งกำไรที่ยังคงปรับขึ้นต่อเนื่องยังเห็นได้จากจำนวนหุ้นที่ติดบัญชีซื้อขายเงินสด (แคชบาลานซ์) ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งยอมรับว่าหุ้นบางตัวได้เข้าสู่ภาวะฟองสบู่เล็กๆแล้ว  เช่น หุ้นที่มีพีอีสูงเกิน 40 เท่า โดยไร้ปัจจัยพื้นฐานรองรับที่มีอยู่กว่า 60 ตัว

ด้าน สำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นอีกหนึ่งหน่วยงาน ที่ออกมาเตือนให้ระมัดระวังความร้อนแรงของตลาดหุ้น และได้เรียกประชุมสมาคมหลักทรัพย์ไทย

 
โดย นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวภายหลังการประชุมว่า การซื้อขายหุ้นช่วงที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ก.ล.ต.จึงได้หารือร่วมกับสมาคมฯและได้ข้อสรุปให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เข้มงวดและระมัดระวังในการทำความรู้จักลูกค้า ทั้งในส่วนฐานะทางการเงิน แหล่งรายได้ และทรัพย์สินที่ลูกค้าได้แสดงไว้ รวมทั้งการพิจารณาให้วงเงินซื้อขายหลักทรัพย์แก่ลูกค้ อย่างเหมาะสมกับฐานะปัจจุบัน เพื่อให้มีความรัดกุมและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะกรณีลูกค้าที่ซื้อขายหลักทรัพย์ที่เข้าเกณฑ์ ต้องวางเงินสดไว้ล่วงหน้าเต็มจำนวน (Cash Balance) หรือลูกค้าที่มีการโอนหลักทรัพย์ในมูลค่าสูง เพื่อเพิ่มวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ และต่อมาได้โอนหลักทรัพย์ดังกล่าวออกไป เพื่อให้สอดคล้องกับฐานะการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ที่แท้จริงของลูกค้า ซึ่งจะทำให้การบริหารความเสี่ยงของบริษัทหลักทรัพย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาความเชื่อมั่นต่อระบบโดยรวม รวมถึงให้สมาคมพิจารณากำหนดแนวทางที่เหมาะสมเกี่ยวกับการโอนหลักทรัพย์ระหว่างลูกค้า เพื่อป้องกันการกระทำที่ไม่เหมาะสมหรือทุจริต


ขณะที่ นางสาวอริยา ติรณะประกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ยอมรับว่า  ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2556 นักลงทุนต่างชาตินำเงินเข้าลงทุนตลาดตราสารหนี้ของไทย โดยซื้อสุทธิเป็นเดือนที่ 16 ติดต่อกัน  มูลค่าการถือครองสุทธิ 7.8 แสนล้านบาท โดยในเดือนม.ค.ซื้อสุทธิ 7.3 หมื่นล้านบาท ส่วนเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ต่างชาติซื้อสุทธิเข้ามาอีก 5.5 พันล้านบาท

และปีนี้มีการเก็งกำไรตราสารหนี้ระยะสั้นมากกว่าปีก่อน จากเดิมลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 60% ตราสารหนี้ระยะยาว 40% ปีนี้ เพิ่มเป็นตราสารหนี้ระยะสั้น 70% ตราสารหนี้ระยะยาว 30% ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของไทยที่ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ

 

         
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 03 ก.พ. 2556 เวลา : 03:23:25
22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 5:25 am