ผู้บริหารธุรกิจประกันภัยเลือกศึกษาต่อที่สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ เพื่อเพิ่มศักยภาพและพัฒนาตนเองรับมือการแข่งขันของตลาด นวกิจประกันภัยชี้ผู้บริโภคเห็นความสำคัญของการทำประกันภัยเพิ่มขึ้น เร่งสร้างความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานของบริษัทธรรมาภิบาล ชูจุดเด่นรางวัลบริษัทประกันภัยดีเด่นและอยู่ในตลาดนานถึง 80 ปี
นายอนิญช์ หวั่งหลี รองผู้อำนวยการฝ่ายสินไหมทดแทน บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด ( มหาชน)เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจประกันภัยมีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่ที่สามารถดำเนินธุรกิจได้นานถึง 80 ปี เนื่องจากบริษัทได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินงาน และการบริการที่โปร่งใส ซึ่งเป็นธรรมตามมาตรฐานของบริษัทธรรมาภิบาล ที่สำคัญหัวใจของธุรกิจประกันภัยคือการมีฐานะการเงินที่เข้มแข็ง รวมทั้งมีการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ทำให้ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รางวัลต่าง ๆ ที่ยืนยันถึงคุณภาพและมาตรฐาน เช่น รางวัลบรรษัทภิบาลระดับดีเลิศประจำปี 2548-2553 โดยได้รับผลประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย นอกจากนี้แล้วยังได้รับรางวัลบริษัทประกันภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น 3 ปีซ้อน (2550-2552) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) รวมทั้งยังได้รับตราสัญลักษณ์ Q-Mark ประจำปี 2550-2554 เพื่อรับรองมาตรฐานด้านสินค้าและบริการ จากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย หรือคณะกรรมการร่วม ( กกร. )
นายอนิญช์ กล่าวว่า เมื่อธุรกิจมีการแข่งขันสูงจึงต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของตนเอง ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาต่อที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้มีโอกาสได้สัมผัสมุมมองในการดำเนินธุรกิจได้กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งสามารถเรียนรู้ประสบการณ์จากเพื่อน ๆ ร่วมชั้นเรียน ที่สำคัญอาจารย์ผู้สอนได้มีข้อมูลที่ทันสมัยมาใช้ในห้องเรียน ทำให้สามารถนำไปใช้ในการทำงานและสามารถนำมาใช้ในการต่อยอดความคิดเพื่อพัฒนาบริการให้มีบริการที่แตกต่าง และตรงกับความต้องการของลูกค้า เช่น จัดให้มีบริการรถยนต์ให้ลูกค้าใช้ระหว่างซ่อม รวมทั้งการนำระบบไอทีเข้ามาใช้เพื่อความรวดเร็วในการให้บริการ รวมทั้งเพิ่มสาขาให้บริการถึง 28 สาขาทั่วประเทศ ในขณะที่ข้อมูลการจ่ายค่าสินไหมทดแทนจะออนไลน์ 24 ชั่วโมงเพื่อให้สามารถบริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
“การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะทำให้ธุรกิจต่าง ๆ มีการแข่งขันน่าจะสูง และเชื่อว่าจะมีบริษัทต่างชาติเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสิงคโปร์ที่มีเงินทุนสูงกว่า แต่บริษัทของคนไทยจะได้เปรียบตรงที่มีฐานลูกค้าเดิม ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์การตลาดและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ง่ายกว่า ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านต่าง ๆ เพื่อรับมือกับการแข่งขันของตลาด AEC อยู่แล้ว” นายอนิญช์กล่าวและเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาสามารถพิสูจน์ได้ว่าบริษัทฯ ได้พัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพและพร้อมที่จะให้บริการตลอดเวลา ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เห็นถึงความสำคัญของการทำประกันภัยมากขึ้น เนื่องจากสามารถช่วยเหลือผู้ที่ประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้จริง ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุต่าง ๆ หรืออุบัติภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2554 ซึ่งลูกค้าของบริษัทได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว และบริษัทได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจความเสียหายและให้คำแนะนำกับลูกค้าเพื่อให้สามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้รวดเร็ว ทำให้ลูกค้าให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งพบกว่าร้อยละ 40 เป็นประกันภัยทรัพย์สิน ประกันสุขภาพ และประกันอุบัติเหตุฯลฯ ส่วนร้อยละ 60 จะเป็นประกันภัยรถยนต์
ข่าวเด่น