บลจ.กรุงศรี เสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M54 (KFFIX6M54) อายุประมาณ 6 เดือน เสนอขายระหว่างวันที่ 5 – 11 ก.พ. 56 ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท จ่ายผลตอบแทนประมาณ 3.05% ต่อปี
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี)เปิดเผยว่า “บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M54 (KFFIX6M54) อายุประมาณ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดย ธ.ธนชาต จก. มหาชน สัดส่วนการลงทุน 15% ตั๋วแลกเงินออกโดย บ. อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จก. (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 15% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Banco Bredesco S.A (บราซิล) สัดส่วนการลงทุน 13% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Banco Itau Unibanco S.A (บราซิล) สัดส่วนการลงทุน 13% เงินฝากธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 22% และเงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์) สัดส่วนการลงทุน 22%
โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.05% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป”
“กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M54(KFFIX6M54) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับ นักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน”
สำหรับภาวะตลาดโลกในส่วนของยุโรป นักลงทุนกลับมามีความเชื่อมั่นต่อธนาคารในยุโรปหลังธนาคารกลางยุโรประบุว่าธนาคารในยุโรปจะจ่ายคืนเงินกู้มากกว่าที่คาด และผลสำรวจบ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นในเดือนมกราคม ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯหดตัวร้อยละ 0.1 ในไตรมาส 4/55 โดยเป็นผลจากการลดลงของการใช้จ่ายภาครัฐและการเพิ่มสต็อก ในขณะที่การลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนยังคงแข็งแกร่ง ตัวเลขยอดขายบ้านเดือนธันวาคมออกมาต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อยในขณะที่ราคาบ้านยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี ถึงแม้ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมามีทั้งดีและไม่ดี และเฟดคงท่าทีที่จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายต่อไป แต่เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯกลับชันมากขึ้นโดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารอายุ10 ปีอยู่ที่ร้อยละ 2
"ในส่วนของตลาดภายในประเทศได้มีแรงไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอัตราดอกเบี้ยของไทยเป็นสิ่งที่ดึงดูดเงินทุนไหลเข้า ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าอาจจะมีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจไม่ช่วยสกัดเงินทุนไหลเข้าได้มากนักเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ดึงดูดเงินทุน ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ปิดลดลงร้อยละ 0.0-1 – 0.03 โดยข้อมูลเศรษฐกิจในส่วนของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 3.1 จากเดือนก่อนหน้าในเดือนธันวาคม และปริมาณการใช้กำลังการผลิตลดลงสู่ร้อยละ 63.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมแสดงถึงการอ่อนตัวในทุกหมวดและสอดคล้องกับยอดส่งออกที่ลดลง ทางด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.39 และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นร้อยละ1.59 ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาด” นายฉัตรพี กล่าว
ข่าวเด่น