หลังจากประเด็นเรื่องหนี้ครัวเรือนที่ขยายตัวสูงขึ้นมากจนเป็นที่กังวลให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาส่งสัญญาณเกี่ยวกับนี้เรื่่องในช่วงที่ผ่านมาทำให้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งก็ต้องระมัดระวังเรื่องนี้เช่นกัน
ล่าสุด นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาขน) ได้ประกาศถึงแผนธุรกิจปี 2556 ที่ตั้งเป้าหมายว่าสินเชื่อรวมจะขยายตัว 19% ชะลอตัวลงจากปีที่แล้วที่สินเชื่อขยายตัวมากถึง 24.5% เนื่องจากประเมินให้สอดคล้องกับวัฏจักรสินเชื่อบุคคลที่มองว่าปีนี้น่าจะชะลอตัวลงบ้าง หลังจากปีที่ผ่านมาถูกเร่งด้วยปัจจัยโครงการรถคันแรก จนทำให้ตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ขยายตัวอย่างมากแล้ว
สถานการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยที่ธนาคารต้องระมัดระวังและมาคุมเรื่องความเสี่ยงมากขึ้นในตลาดสินเชื่อรายย่อยและเช่าซื้อรถยนต์ จึงตั้งเป้าหมายว่าจะขยายตัวประมาณ 16% แต่พอร์ตนี้ก็มีสัดส่วนถึง 76% ของพอร์ตสินเชื่อรวม จึงเป็นแรงกดดันที่ทำให้เป้าหมายสินเชื่อรวมจึงขยายตัวต่ำกว่าปี 2555
อย่างไรก็ตาม แผนของธนาคารเกียรตินาคินจะหันมารุกตลาดลูกค้าธุรกิจเพิ่มมากขึ้น โดยวางเป้าหมายเติบโตถึง 34% แต่จะสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นด้วยการเน้น "สินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน" (Advisory-linked financing) ซึ่งจะอาศัยจุดแข็งทั้งความแข็งแกร่งของเครือธนาคารเกียรตินาคินที่มีทั้งธุรกิจหลักทรัพย์ และจัดการกองทุน ร่วมกับบริษัท ทุนภัทร ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจหลักทรัพย์
"การผนึกความร่วมมือทั้งสองกลุ่มดังกล่าวจะทำให้เรามีศักยภาพที่จะบริการทางการเงินได้อย่างครบวงจร ทั้งธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนสำหรับลูกค้าบุคคลรายใหญ่ และลูกค้าสถาบัน ธุรกิจวานิชธนกิจ และธุรกิจด้านการลงทุน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นให้แก่ธนาคารได้ในระยะยาว"
นายอภินันท์กล่าวอีกว่า ภายใต้ความร่วมมือระหว่างธนาคารและทุนภัทร ได้เริ่มเปิดให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับลูกค้าที่มีศักยภาพเงินฝากและลงทุนกับธนาคารตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป นอกจากจะมีทีมดูแลลูกค้าเป็นพิเศษแล้ว ธนาคารยังได้เพิ่มทีม FC (Financial Consulting) ซึ่งเป็นทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจากภัทร เข้ามาเสริมในบริการแนะนำการลงทุน ตลอดจนติดตามข้อมูลปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน เพื่อช่วยให้ลูกค้าจัดสรรพอร์ตการลงทุนได้อย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ตอบโจทย์เป้าหมายผลตอบแทนการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม
ขณะที่ผลประกอบการในปี 2555 ธนาคารมีกำไรสุทธิรวม 3,391 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.2% ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นกำไรของ บมจ.ทุนภัทร และบล.ภัทร 403 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์รวมอยู่ที่ 2.33 แสนล้านบาท ขยายตัว 22.6% รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 27.9% และรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น 60.7%
ข่าวเด่น