เทศกาลวันปีใหม่ของชาวเชื้อสายจีนหรือ “ตรุษจีน” กลับมาอีกครั้ง ในโอกาสนี้นายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แนะ 6 เทคนิคการบริโภคอย่างถูกหลักเพื่อสุขภาพที่ดี เลี่ยง 5 โรคถามหา
นายแพทย์กฤษดา เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลตรุษจีน คือ ช่วงเวลาแห่งความสุข เทศกาลแห่งการกินเลี้ยงและอะไรที่มากเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ จึงอยากให้หลักอายุรวัฒน์ปฏิบัติง่าย ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงโรคสำคัญที่จะมาพร้อมช่วงเทศกาลนี้
โรคที่ต้องระมัดระวัง 5 โรคสำคัญที่อาจถามหาช่วงตรุษจีน คือ
1.มันจุกตับ-โรคอ้วน ซึ่งมักพ่วงมาด้วยกัน ทั้งนี้สถิติโรคอ้วนในไทยเริ่มพุ่งสูงขึ้นกว่า 1 ใน5 ของประชากรแล้ว กล่าวคือ ถ้าจับคนอ้วนในประเทศมารวมอยู่ในที่เดียวกัน จะได้เป็น 1 ภาคใน 5 ภาคของไทย การใช้ชีวิตแบบกินดีอยู่ดี โดยเน้น “แป้งกับน้ำตาล” คือ ความเสี่ยงหลัก ทั้งข้าวสวย,ก๋วยเตี๋ยว,ขนมจีน,ขนมปัง,ซาละเปา,ขนมเค้ก,ขนมสาลี่ และน้ำหวานทั้งปวงล้วนทำให้อ้วน
2.ไขมันพุ่ง เรื่องยุ่งๆที่เกิดตามมาของการกินของมันๆและเนื้อหมู,เป็ด,ไก่มากจนเกินไป คือ “ไขมันถามหา” ไขมันที่อยู่ในเลือดชนิด“โคเลสเตอรอล” อาจพุ่งขึ้นมา ข้อเสียของไขมันที่สูง คือ อาจเกิดความเสี่ยงอุดตันหลอดเลือดได้และตัวอณูไขมัน จะไปทำให้ผิวชั้นในของหลอดเลือดอักเสบเสื่อมลงง่ายขึ้น เป็นต้นเหตุนำไปสู่เรื่องของ“โรคอ้วนลงพุงมฤตยู (Metabolic syndrome)” , “ความดันโลหิตสูง”, “โรคหลอดเลือดหัวใจ” และ “อัมพฤกษ์-อัมพาต” ได้
3.น้ำตาลในเลือดสูง ภาวะน้ำตาลขึ้นในกระแสเลือดมาจากทั้งอาหารแป้งและ“ผลไม้” บางอย่างได้ เพราะน้ำตาลผลไม้ หรือ“ฟรุกโตส” คือ ตัวร้ายที่ทำให้อายุสั้นลง ซึ่งจะมีมากในผลไม้สุกงอมและน้ำผลไม้ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้วจำเป็นต้องระวังให้ดี เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลพุ่งถึงขั้น “ช็อก” ได้ ในอาหารหวานที่รับประทานอร่อยแค่ชั่วครั้งชั่วคราว อาจทำให้เกิด “เบาหวานขึ้นตา” และ“เบาหวานตัดแขนตัดขา” ได้ในภายหลัง
4.ความดันขึ้น ความดันโลหิตอาจพุ่งพรวดขึ้นมาอย่างฉับพลันได้จากความเหนื่อยในการเตรียมงาน,นอนดึก,ตื่นเช้าและที่สำคัญ คือ เรื่อง“อาหารการกิน” โดยเฉพาะหากแตะอาหาร “เค็ม” ซึ่งจะไปกระตุ้นความดันเลือดให้พุ่งสูงขึ้นได้ถึงขั้น “แตก” และกลายเป็น “อัมพาต” แต่เรื่องนี้ทุกคนสามารถป้องกันได้ โดยลดการปรุงและเติมรสเค็มในอาหาร
5.สุดท้าย คือ กรดไหลย้อน เมื่อไรที่ “กินมาก” และ “กินมัน” กรดไหลย้อนจะมาถามหาได้ ผู้ที่เสี่ยงต่อโรคนี้เกี่ยวข้องกับ “รูปร่าง” ที่อวบอ้วนขึ้นมาด้วย โดยผู้ที่มีรูปร่างอ้วนใหญ่จะบีบให้กรดในกระเพาะ “กระฉอก”ขึ้นไปข้างบนได้ง่ายขึ้น จนทำให้แสบร้อนอกจุกแน่นท้อง ขอให้ลองใช้เทคนิค “กินพอดี”, “ลดมัน” และที่สำคัญคือ “ลดอ้วน” ลงมาบ้าง
ทั้งนี้นายแพทย์กฤษดา แนะ 6 เทคนิคกินตรุษจีนตามสบายสไตล์อายุรวัฒน์ ดังนี้ คือ
1.ลดกินลดเสี่ยง ยิ่งกินมากก็เสี่ยงมาก เนื่องจากอาหารตรุษจีนทุกปี ที่มักจะหนักที่หมู,เป็ด,ไก่ และไขมันอิ่มตัวทั้งหลาย แต่หากลดลงไปจะช่วยให้ไม่เกิดการอักเสบตามร่างกาย ไม่มีมีคราบไขมันเกาะที่ตับจน “มันจุกตับ” และที่สำคัญคือ การกินแบบ “ลดแป้ง” กับ “น้ำตาล” ลงได้มาก จะช่วยให้ร่างกายกระฉับกระเฉง สร้างโกรว์ธฮอร์โมนได้ดีกว่า
2.จิบชาล้างไขมัน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาล้ำลึกของคนจีนสมัยเก่าแก่ เมื่อไหว้ตรุษจีนด้วยของไหว้อัน ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ 3 อย่าง หรือ 5 อย่างสุดแล้วแต่ฐานะแล้ว จากนั้นถ้าจะรับประทานอาหารที่อาจมีไขมันสูงกันจะมี “ชาจีน” ร้อนๆไว้ให้จิบ เมื่อกินของมัน ๆ แล้วได้“เจียะเต๊” ร้อนๆจะได้ “ฟลูออไรด์” ช่วยรักษาฟันแล้วยังมีซุปเปอร์วิตามินชื่อ “โพลีฟีนอล” และสารช่วยปกป้องลำไส้คือ “แทนนิน” การจิบชาที่ดี มีเทคนิคอยู่ที่ “อย่าให้ร้อนจัด” เกินไปจนลวกปากคอและหลอดอาหาร ที่อาจทำให้เสี่ยงเกิด “มะเร็งหลอดอาหาร” ได้อีก
3.กินไก่ ลดกินเป็ด สัตว์ปีกทั้ง 2 ชนิดนี้มีปริมาณ “ไขมัน” ต่างกัน โดย “เนื้อเป็ดมีไขมันมากกว่าเนื้อไก่” หลายเท่าตัว ดังนั้นผู้ที่ชอบกินเป็ด เน้นให้กินแบบ “ลดมัน” ลง เช่น เป็ดย่างแบบรีดน้ำมันหรือใช้เทคนิค “ลอกคราบ” อย่างเป็ดพะโล้ ให้ลอกหนังออกบ้างจะช่วยให้เป็ดปีนี้ดีต่อสุขภาพมากขึ้น
4.กินเห็ด ลดทานหมู ผู้ที่ระวังเรื่องไขมันและเน้นเรื่องสุขภาพเป็นสำคัญนั้น “เห็ด” จะคำตอบให้ได้เป็นอย่างดี เพราะเห็ดเป็นอาหารสุขภาพที่รวมวิตามินหลายชนิดไว้ เคี้ยวเข้าไปได้ ความรู้สึกหนึบหนับไม่ต่างกับเนื้อสัตว์ ที่สำคัญคือ มีวิตามินบีและเคมีเสริมภูมิคุ้มกันอย่าง “เบตากลูแคน” ที่ช่วยไล่ความแก่และโรคหลายๆชนิดออกไปได้ และให้เน้นเห็ดหลายชนิดรวมกันอย่าง เห็ดหอม,เห็ดหูหนู,เห็ดเข็มทอง,เห็ดฟาง,เห็ดนางฟ้า ฯลฯ จะได้สารอาหารหลากหลาย
5.เพิ่มปลา ลดทานขนม เครื่องไหว้อย่างหนึ่งที่แนะให้ใส่เข้าไปด้วยก็คือ “ปลา” ผู้ที่รักสุขภาพอาจจัดเป็นเครื่องไหว้ชุด “ปลา”ที่ประกอบด้วยปลาเนื้อมันอย่างปลาอินทรีย์,ปลาทู,ปลากุเลา หรือ“ลูกชิ้นปลา” เพราะการเพิ่มปลาหรือกุ้งเข้าไปจะช่วยรบกับ “สนิมแก่”ได้เป็นอย่างดี
6.สุดท้ายคือ เลี่ยงถนอมอาหารโดยใส่เกลือมาก เรื่องความเค็มเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องจับตาดูให้ดี เพราะในของไหว้มี “ของเค็ม” อยู่หลายสิ่ง อาทิ ขนมเทียนไส้เค็ม,ของรวนอย่างหมู-เป็ด-ไก่ หรือแม้แต่แป้งซาละเปาและขนมถ้วยฟูที่เป็นของหวานใช้ไหว้ ก็มีส่วนของธาตุเค็มอย่าง “โซเดียม” ได้ ในส่วนของอาหารเนื้อสัตว์นั้น หากต้องการเก็บไว้นานให้ใช้วิธี “รวน” โดยใส่เกลือและซีอิ๊วน้อยจะปลอดภัยต่อสุขภาพมากกว่า
ข่าวเด่น