การตลาด
สกู๊ป : ฟิตเนส เฟิรส์ท บุกหนัก เสียบทำเลทองแทนที่แคลิฟอร์เนีย ว้าว


 

 

 

แม้ว่าภาพลักษณ์ของธุรกิจสถาบันออกกำลังกายในประเทศไทยจะดูย่ำแย่ไปมาก โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ภายหลังจากรายใหญ่อย่าง "แคลิฟอร์เนีย ว้าว"  ปิดกิจการลอยแพลูกค้ากว่า 1 แสนราย  ที่มีทั้งรายเดือน รายปี และก็ตลอดชีวิต ด้วยการปิดกิจการทั้งหมด  ซึ่งสาขาสุดท้ายที่ปิดให้บริการ  เพื่อปิดฉากธุรกิจ “แคลิฟอร์เนีย ว้าว" ในประเทศไทย นั่นก็คือ สยามพารากอน


จากทำเลที่ตั้งอยู่กลางยุทธศาสตร์ใจกลางเมืองของพื้นที่ที่แคลิฟอร์เนียว้าวเคยครอบครอง  มาวันนี้ได้เปลี่ยนมือเป็นของสถาบันออกกำลังกาย ภายใต้แบรนด์  “ฟิตเนส เฟิรส์ท” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  หลังจากก่อนหน้านี้ได้ลูกค้าจาก “แคลิฟอร์เนีย ว้าว” เข้าซบอก

 
 
 
 
นายมาร์ค บูคานนท์ กรรมการบริหาร บริษัท ฟิตเนส เฟิรส์ท  (ประเทศไทย)  จำกัด  ผู้ดำเนินธุรกิจสถานบันออกกำลังกายฟิตเนส เฟิรส์ท กล่าวว่า กระแสลบจากการปิดกิจการของคู่แข่ง  ยอมรับว่าทำให้ผู้บริโภคมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการสมัครเป็นสมาชิกของสถาบันออกกำลังกายพอสมควร  ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้เน้นการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้บริโภค  ด้วยการสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับผู้บริโภคว่า สถาบันออกกำลังกายของบริษั ทเป็นธุรกิจที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. และออกกฎหมายคุ้มครองสัญญาให้แก่ผู้บริโภค

สำหรับการเข้ามาเปิดให้บริการสถาบันออกกำลังกายภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน  บนพื้นที่  4,000 ตร.ม. แทนที่ “แคลิฟอร์เนีย ว้าว” ที่ปิดกิจการไปนั้น  ฟิตเนส เฟิรส์ท  ได้ใช้งบลงทุนสูงถึง 250 ล้านบาท ในการเปิดให้บริการภายใต้สโลแกน "เอเชีย แฟลกชิพ คลับ"   ด้วยการนำนวัตกรรมออกกำลังล้ำสมัยที่สุดในเอเชียมาให้บริการ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุง คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริกาในเดือน มิ.ย.นี้  

เบื้องต้นฟิตเนส เฟิรส์ท คาดการณ์ว่า สาขาสยามพารากอนจะสามารถรองรับสมาชิกที่เข้ามาใช้บริการได้ประมาณ 5,000 คนต่อวัน ซึ่งในส่วนลักษณะของคลับจะเป็น 2 ชั้น มีความหรูหรา และมีระดับ  ด้วยเครื่องออกกำลังกายที่ใช้นวัตกรรมล้ำสมัยมากขึ้น 

 
 
 
นอกจากนี้ ยังจะมีพนักงานหรือครูฝึกไว้คอบบริการลูกค้าเกือบ 100 คน ซึ่งหลังจากเปิดให้ ฟิตเนส เฟิรส์ท หมายมั่นปั้นมือไว้ว่า สาขาสยามพารากอน จะเป็นคลับที่หรูที่สุดของภูมิภาคเอเชีย  เพื่อให้เข้ากับสโลแกนที่ว่า “Asia’s Flagship club”

 
 
 
นายมาร์คกล่าวต่อว่า สาขาใหม่แห่งนี้ถือว่าเป็นสาขาที่มีทำเลดีเยี่ยม ดังนั้นบริษัทจะมีการแบ่งส่วนของการออกกำลังกายออกเป็นโซนต่างๆ เช่น ห้อง กรุ๊ป เอ็กซ์เซอไซส์ สตูดิโอ พร้อมโยคะร้อน ,โซนฟรีสไตล์เทรนนิ่ง ซึ่งจะประกอบไปด้วยพื้นที่ โบซุบอล ไวเพอร์ ทีอาร์เอ็กซ์ แล ะเคทเทิลเบล พื้นที่อุปกรณ์ยกน้ำหนักฟรีเวท  พื้นที่เครื่องออกกำลังกายเผาผลาญไขมัน  และพื้นที่มวยไทย

 
 
 
ขณะเดียวกัน ก็มีอุปกรณ์เครื่องเล่นใหม่แกะกล่องที่ใช้นวัตกรรมทันสมั ยอย่าง  จักรยานอิเล็กทรอนิกส์ที่มาพร้อมวิดีโอ  ซึ่งสมาชิกสามารถแข่งขันกันเองได้บนลู่วิ่งที่มีความยาวกว่า 40 เมตร  นอกจากนี้ ยังมีระบบเครื่องเสียงเต็มรูปแบบทั่วคลับ  มีบาร์น้ำผลไม้และอาหารเพื่อสุขภาพไว้คอยบริการสมาชิก

สำหรับแผนการขยายสาขาในปีนี้นั้น ฟิตเนส เฟิรส์ท มีแผนที่จะเพิ่มสาขาใหม่อีกประมาณ 4 - 5 สาขา ซึ่งแต่ละสาขาคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 500  ล้านบาท โดยในส่วนของทำเลหลักที่จะยึดเป็นหัวหอกในการขยายสาขายังคงเป็นทำเลดีใจกลางกรุง  เนื่องจากคนกรุงเทพฯยังเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่นิยมออกกำลังกายในสถาบันออกกำลังกายเมื่อเทียบกับคนต่างจังหวัด 

ขณะเดียวกันก็จะใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท ในการปรับปรุงสาขาเก่าประมาณ 5 สาขา  เพื่อให้มีความทันสมัยและรองรับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆที่จะเข้ามาใช้บริการ  โดยหลังจากออกมาขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ฟิตเนส เฟิรส์ท คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากก่อนหน้าที่มีรายได้ 1,900 ล้านบาท มีสมาชิกเพิ่มจาก 60,000 คน เป็นกว่า 65,000 คน และมีผู้มาใช้บริการต่อวันเพิ่มจาก 15,000 คนมาเป็น 16,000  คน

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจระยะยาว 5 ปี ตั้งแต่ปี 2556-2560 นั้น  ฟิตเนส เฟิรส์ท ได้วางแผนไว้ว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ  4,700 ล้านบาท  ในการขยายฟิตเนส เฟิรส์ท ไปทั่วโลก จากปัจจุบันมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการอยู่ประมาณ 330 สาขา  ซึ่งภูมิภาคที่จะให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจเป็นพิเศษ คือ ภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากยังมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาดอีกมาก 

ดังนั้นงบประมาณส่วนหนึ่งหรือคิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 60% จากงบรวม  หรือประมาณ 2,820  ล้านบาท จะใช้ไปกับการขยายสาขาในภูมิภาคเอเชีย  ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการอยู่ที่ประมาณ 83 สาขา  โดยประเทศหลักที่จะเข้าไปทำตลาด  ด้วยการขยายสาขาจะมีด้วยกัน 6 ประเทศ  ประกอบด้วย ไทย  สิงคโปร์ มาเลเซีย  ฟิลิปปินส์ และฮ่องกง

นอกจากนี้  ฟิตเนส เฟิรส์  ยังอยู่ระหว่างการศึกษาทำตลาดในประเทศใหม่ๆ เช่น  เกาหลี และจีน   เพื่อนำธุรกิจเข้าไปเปิดให้บริการ  ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปไประมาณเดือน ก.ค.-ส.ค.นี้  โดยหลังจากเดินหน้าขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียมากขึ้นคาดว่าอีก  5 ปีข้างหน้า  บริษัทแม่จะมีรายได้รวมมาจากภูมิภาคเอเชียคิดเป็นอัตราส่วนที่ประมาณ   50%

นายมาร์คกล่าวว่า  การที่หันมาให้ความสนใจตลาดในภูมิภาคเอเชียมากกว่าภูมิภาคอื่นๆ เพราะว่าแนวโน้มธุรกิจสถานบันออกกำลังกายในเอเชียยังอัตราการเติบโตที่ดี  เนื่องจากพฤติกรรมของคนเอเชียมีการออกกำลังกายน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว  ซึ่งในส่วนของประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งประเทศในภูมิภาคเอเชียที่บริษัทมีแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจที่ดี

 
 
ปัจจุบันตลาดรวมสถาบันออกกำลังกายในประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท  มีผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ดำเนินธุรกิจอยู่ประมาณ  480 แห่งทั่วประเทศ  ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้สนใจเข้าเป็นสมาชิกสถาบันออกกำลังกายต่างๆ ทั่วประเทศรวม  200,000 ราย  ซึ่งจากการเปิดใหม่ของสถาบันออกกำลังกายทั้งรายเล็กและรายใหญ่ที่เพิ่มขึ้นทุกปี  ทำให้ตลาดรวมสถาบันออกกำลังกายในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 10-20%

ทั้งนี้  ในจำนวนของผู้ประกอบการทั้งหมด  ฟิตเนส เฟิร์ส  เป็นผู้นำตลาดทั้งในด้านของรายได้และสัดส่วนของจำนวนสมาชิก  เนื่องจากปัจจุบันฟิตเนส เฟิรส์ท  มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการอยู่ที่ 22 สาขา และกำลังจะเพิ่มเป็น 23 สาขา ภายหลังจากเปิดให้บริการสาขาสยามพารากอน

จากการดำเนินธุรกิจตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา ฟิตเนส เฟิรส์ท มีพนักงานใน 22 สาขาทั่วประเทศที่กว่า 1,200 คน มีสมาชิกเข้ามาใช้บริการตลอดทั้งปีมากกว่า 5 ล้านครั้ง  มีการออกกำลังกายรวมกว่า 125,000 คลาสต่อปี  โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นคลาสโยคะ 25,000 คลาส  ซึ่งจากจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นและบริการที่มากขึ้น เชื่อว่า ฟิตเนส เฟิรส์ ทจะสามารถตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดสถาบันออกกำลังกายได้อีกหลายปี  หากไม่มีม้ามืดทุ่มทุนก้อนใหญ่ปูพรมบี้ตลาด.
 

LastUpdate 12/02/2556 20:16:46 โดย : Admin
23-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 23, 2024, 11:51 pm