ก.ล.ต. กล่าวโทษ นางสาวโศภนา เจนบวร อดีตผู้จัดการกองทุน ซึ่งเคยเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด (“บลจ. กสิกรไทย”) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด (“บลจ. ไทยพาณิชย์”) รวมทั้งเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของกองทุนรวมตราสารทุนที่บริหารจัดการโดย บลจ.ทั้งสองแห่งดังกล่าว กรณีพบหลักฐานน่าเชื่อว่านางสาวโศภนากระทำการทุจริตต่อหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่น อันเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 311 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (“พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ”) พร้อมทั้งกล่าวโทษพระสุเทพ อาภสฺสโร (แป้นไผ่) และนางวัจฉละ พิสิฏฐ์ศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการกระทำผิดของนางสาวโศภนา
สืบเนื่องจาก ก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าบริษัทหลักทรัพย์หลายราย ซึ่งมีพฤติกรรมการซื้อขายที่น่าสงสัยว่า อาจรู้เห็นกับบุคลากรที่ปฏิบัติงานใน บลจ. ทำการซื้อหลักทรัพย์ดักหน้าการซื้อของกองทุนรวม
จากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบพยานหลักฐานน่าเชื่อว่า ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2552 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2553 ซึ่งขณะนั้นนางสาวโศภนา ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ. กสิกรไทย และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ถึงเดือนมีนาคม 2554 นางสาวโศภนาได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการ บลจ. ไทยพาณิชย์ โดยทั้งสองช่วงเวลาดังกล่าว นางสาวโศภนาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้จัดการกองทุนและกำกับดูแลกองทุนรวมส่วนตราสารทุนของทั้งสอง บลจ. ได้กระทำการทุจริตต่อหน้าที่โดยอาศัยประโยชน์จากการเข้าถึงข้อมูลแผนการลงทุนของกองทุนรวมที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ. ดำเนินการให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะดักหน้าการซื้อของกองทุนรวม เพื่อแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยใช้บัญชีของบุคคล 2 ราย ซึ่งได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนจากพระสุเทพ และนางวัจฉละ
นอกจากนี้ขณะกระทำผิดนางสาวโศภนาเป็นบุคคลที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้จัดการกองทุนซึ่งปัจจุบันแม้นางสาวโศภนาจะมิได้ปฏิบัติงานที่ บลจ. แห่งใดแล้ว แต่การถูกกล่าวโทษในครั้งนี้ทำให้นางสาวโศภนามีลักษณะต้องห้ามในการปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรในตลาดทุน ก.ล.ต. จึงเพิกถอนการขึ้นทะเบียนเป็นผู้จัดการกองทุนของนางสาวโศภนาด้วย
อนึ่ง ก.ล.ต. สั่งการให้ บลจ. กสิกรไทย และ บลจ.ไทยพาณิชย์ รวมทั้งบลจ. ทุกแห่งเพิ่มมาตรการควบคุมรักษาข้อมูลการดำเนินการภายในของกองทุนที่ไม่เปิดเผยเป็นการทั่วไป เช่น การตัดสินใจลงทุนเพื่อกองทุนการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อกองทุน เป็นต้น เพื่อป้องกันการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์เพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น และ บลจ. ทุกแห่งได้ดำเนินการเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าวแล้ว
นายวสันต์ เทียนหอม รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ธุรกิจจัดการลงทุนเป็นธุรกิจที่รับบริหารจัดการเงินให้แก่บุคคลหรือประชาชนทั่วไป ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความไว้วางใจและเชื่อถือจากลูกค้าหรือผู้ลงทุน ดังนั้น บุคลากรของ บลจ. ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการดำเนินงานของกองทุนจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและรักษาผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ รวมทั้งจะต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพในการบริหารจัดการเงินลงทุนแทนผู้ลงทุน โดยไม่กระทำการใด ๆ อันเป็นการเอาเปรียบลูกค้าหรือผู้ลงทุนด้วย”
ข่าวเด่น