การตลาด
สกู๊ป : "แกรมมี่" สู้ไม่ถอยควักหมื่นล้าน ลุยธุรกิจบรอดคาสติ้ง


เป็นอีก 1 ปี ที่ "แกรมมี่" ออกมาบุกหนักกับการเดินหน้าขยายธุรกิจบอร์ดคาสติ้ง  เนื่องจากความแรงของธุรกิจแซทเทลไลท์ทีวียังคงมาแรง  แม้ว่าปีนี้จะมีกระแสของทีวีดิจิตอลเข้ามากลบกระแสความแรงไปบ้าง  แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาที่ทีวีดิจิตอลจะสร้างกระแสมาแรงแซงทางโค้ง  เนื่องจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ยังไม่เคาะความชัวร์เปิดทางให้ภาคเอกชนเข้าไปยื่นซองประมูลบริหารช่องทีวีดิจิตอล


 
 
แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีความชัดเจนในด้านของทีวีดิจิตอล  แต่แกรมมี่ก็ออกมาประกาศความพร้อม  ด้วยการเตรียมงบเกือบ 10,000 ล้านบาท  เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจทีวีดิจิตอลจำนวน 3 ช่อง ประกอบด้วยช่อง เด็ก ช่องข่าว  และช่องรายการทั่วไป

ส่วนเงินที่จะนำมาลงทุนก็ไม่ได้เป็นเงินก้อนใหม่แต่อย่างใด  เนื่องจากเงินก้อนดังกล่าว คือ ก้อนเดียวกับ การเตรียมไว้สำหรับการเข้าประมูลฟุตบอลพรีเมียร์ลีคอังกฤษ  ซึ่งหลังจากพลาดหวังชัยชนะเป็นของซีทีเอช  แกรมมี่ก็เลยต้องปรับแผนรุก ด้วยการใช้เม็ดเงินก้อนดังกล่าวมาลงทุนในธุรกิจทีวีดิจิตอล  ซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

 
 
 
นายฟ้าใหม่  ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ  กลุ่มงานแพลตฟอร์ม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด  กล่าวว่า  ช่วงต้นของการทำธุรกิจทีวีดิจิตอลบริษัทคงใช้งบลงทุนไม่เยอะมากนัก  เพราะปีแรกที่เกิดทีวีดิจิตอลทุกอย่างยังไม่เข้าที่ยังคงต้องมีการปรับระบบการรับชม  และคอนเทนท์ต่างๆ  เพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย  คาดว่าในอีก 1- 2 ปี ธุรกิจทีวีดิจิตอลจึงจะบูมเหมือนกับแซทเทลไลท์ทีวี  ซึ่งปีนี้ยังเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีของธุรกิจดังกล่าว 

ด้วยเหตุนี้แกรมมี่จึงขอปักธงรุกธุรกิจแซทเทลไลท์ทีวี  ด้วยการใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท  ในการขยายแพลตฟอร์มและพัฒนาคอนเทนท์ต่างๆ ด้วยตัวเอง  รวมไปถึงการซื้อคอนเทนท์จากต่างประเทศเข้ามาให้บริการลูกค้ากล่องรับสัญญาณดาวเทียมของจีเอ็มเอ็ม แซท  ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้าอยู่ประมาณ  1.5  ล้านกล่อง

 
 
 
 
 
สำหรับแผนเชิงรุกของธุรกิจแซทเทลไลท์ทีวีในปีนี้ ในเดือน มี.ค. แกรมมี่ มีแผนที่จะเปิดตัวกล่องรับสัญญาณดาวเทียมระดับพรีเมี่ยม ภายใต้ชื่อ "จีเอ็มเอ็ม แซท เอชดี" เข้าทำตลาด เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมี่ยม  ซึ่งส่วนใหญ่จะมีทีวีในระบบเอชดี  ขณะเดียวเดียวกันยังถือเป็นการรองรับทีวีดิจิตอลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

การที่แกรมมี่หันมาบุกทำตลาดกล่องรับสัญญาณดาวเทียมระดับพรีเมี่ยม  ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการให้การบริการครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย  ซึ่งตลาดดังกล่าวถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ  และมีผู้เล่นในตลาดไม่มากเหมือนกับตลาดระดับกลางและระดับล่าง  ซึ่งจากการสำรวจตลาดกล่องรับสัญญาณในตลาดพรีเมี่ยมในต่างประเทศ  แต่ละประเทศจะมีผู้เล่นรายหลักเพียง  2-3 รายเท่านั้น  ซึ่งในส่วนของประเทศไทยก็มี "ทรู วิชั่นส์" เป็นผู้นำตลาด

ในส่วนของราคาขายกล่องรับสัญญาณจีเอ็มเอ็ม แซท เอชดี ที่จะเปิดตัวในเดือน มี.ค.นี้  ทางแกรมมี่ยังไม่ได้มีการกำหนดราคาขาย  เนื่องจากอยู่ระหว่างการวางแผน  แต่คาดว่าจะสรุปการตั้งราคาขายได้ในเดือนหน้า พร้อมกับเปิดตัวกล่องดังกล่าวอย่างเป็นทางการ  ซึ่งหลังจากเปิดตัวแกรมมี่ก็มั่นใจว่าจะได้ผลการตอบรับที่ดี  หรือมียอดขายกล่องรับสัญญาณใน 3 ระดับ  คือ บน  กลาง  ล่าง เพิ่มขึ้นอีก 1.5 ล้านกล่อง  รวมเป็น 3 ล้านกล่อง  หรือเติบโต  100% ในสิ้นปีนี้

ปัจจุบันกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียมจีเอ็มเอ็ม แซท  มีจำหน่ายอยู่ 2 ระดับ คือ กล่องจีเอ็มเอ็ม สมาร์ท เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง และกล่องจีเอ็มเอ็มแซท มินิ ซึ่งหลังจากเปิดตัวจีเอ็มเอ็ม แซท เอชดี  จะทำให้กล่องรับสัญญาณดาวเทียมจีเอ็มเอ็ม แซท  ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น  และจะส่งผลให้สิ้นปีนีมีสัดส่วนยอดขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท มินิอยู่ที่ประมาณ   30%  จีเอ็มเอ็ม แซท สมาร์ท 60% และจีเอ็มเอ็ม แซท เอชดี 10%  ปรับเปลี่ยนจากปี  2555 ที่ยอดขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซทจะมาจากกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท สมาร์ท  70% และกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท  มินิ 30%

นายฟ้าใหม่ กล่าวว่า  ในอนาคตคาดว่ากลุ่มที่ยังใช้เสาก้างปลา จะหันมาใช้บริการกล่องรับสัญญาณ จีเอ็มเอ็ม แซท มินิ มากขึ้น เนื่องจากราคาไม่แพงและสามารถรับช่องรายการต่างๆของแซทเทลไลท์ทีวีได้  ขณะที่กลุ่มลูกค้าที่ใช้กล่องจีเอ็มเอ็ม แซท มินิก็น่าจะปรับเปลี่ยนพฤติหันมาใช้กล่องจีเอ็มเอ็ม แซท สมาร์ทมากขึ้น  เพราะชมรายการได้หลากหลายกว่า และกลุ่มลูกค้าที่ใช้กล่องจีเอ็มเอ็ม แซท  สมาร์ท ก็น่าจะหันมาใช้กล่องจีเอ็มเอ็ม แซท เอชดี  เนื่องจากมีภาพที่คมชัดและรัชชมรายการเฉพาะได้มากขึ้น   

 
 
 
นอกจากนี้ แกรมมี่ยังจะหันมารุกธุรกิจเพย์ทีวีมากขึ้น  ภายใต้คอนเซ็ปต์การทำตลาด “ไม่แพง ดูแค่ไหน จ่ายแค่นั้น บันเทิงฮิต กีฬาฮอต ระดับโลก” ซึ่งจะมีบริการให้ชมถึง 8 ช่องผ่าน 4 แพ็คเกจทางเลือก  ประกอบด้วย  1. แพ็คเกจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์  ลูกค้าสามารถชม 4 ช่องบันเทิงเฉพาะได้ในราคา 200 บาท นาน 30 วัน  2. แพ็คเกจสปอร์ต 4 ลูกค้าสามารถรับชมช่องกีฬาเฉพาะได้ในราคา 300 บาท นาน 30 วัน   

3. แพ็คเกจคอมโบ 4 ลูกค้าสามารถรับชมช่องบันเทิงและ 4 ช่องกีฬาเฉพาะได้ใน ราคา 400 บาท นาน 30 วัน  และ 4.แพ็คเกจซูเปอร์คอมโบ ลูกค้าสามารถชม  4 ช่องบันเทิง 4 ช่องกีฬาเฉพาะ ได้ใน ราคา  3,600  บาท นาน 1 ปี  ซึ่งแพ็คเกจดังกล่าวลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการได้ผ่านบัตรเติมช่องได้ทั้ง 4 แพ็คเกจ  

หลังจากเดินหน้าขายธุรกิจแซทเทลไลท์ทีวีอย่างต่อเนื่อง  แกรมมี่คาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้ครอบลุมเม็ดเงินที่ลงทุนไปในปีนี้ที่ประมาณ  3,000 ล้านบาท  ขณะที่รายได้ที่จะมาจากทีวีดิจิตอลคาดวาจะยังไม่เห็นแน่ชัดในปีนี้  เนื่องจากอยู่ในช่วงของการเริ่มต้นธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม จากการที่ธุรกิจบรอดคาสติ้งของแกรมมี่มีการขยายธุรกิจไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง จึงมีการตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้ที่จะมาจากธุรกิจดังกล่าวในอีก 3-5 ปีนับจากนี้  น่าจะมีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50%  เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ  20%  เนื่องจากปีนี้แว่วๆมาว่าจะมีการเพิ่มช่องเพย์ทีวีจาก 8 ช่อง  เป็น 11 ช่องในสิ้นปีนี้  เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า.
 

LastUpdate 17/02/2556 14:24:28 โดย : Admin
23-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 23, 2024, 11:56 pm