การตลาด
สกู๊ป : "ยูนิลีเวอร์" วางกลยุทธรอบด้าน ขยายฐานธุรกิจไทย


 



 
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในปีที่ผ่านมา  ด้วยการมียอดขายอยู่ที่ประมาณ  40,000 ล้านบาท เติบโต 13%  จากปี 2554  มาปีนี้ "ยูนิลีเวอร์" ขอออกมาประกาศลั่นกลองรบอย่างเต็มกำลัง  ด้วยการออกมาประกาศแผนเชิงรุก  3 กลยุทธหลัก  ประกอบด้วย  1.การทำให้ผู้บริโภคที่ไม่เคยใช้สินค้าของยูนิลีเวอร์มาใช้สินค้า  2.การเพิ่มความถี่ของผู้ใช้สินค้า  และ 3. การพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมใหม่  เพื่อนำเสนอเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค

นอกจากนี้ ยังขอเทงบมากถึง  2,800 ล้านบาท  ในการลงทุนขยายธุรกิจในด้านต่างๆ แบ่งเป็น  การเปิดโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนชนิดน้ำ ภายในพื้นที่โรงงานของยูนิลีเวอร์ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง   800 ล้านบาท และการสร้างศูนย์กระจายสินค้าที่  อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา  อีกประมาณ  2,000 ล้านบาท  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการขนส่งและกระจายสินค้า หรือโลจิสติกส์

กลยุทธดังกล่าว  นอกจากจะทำให้ขยายตลาดในประเทศให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น  จากประเทศที่กำลังพัฒนาสู่ประเทศที่พัฒนาในอนาคตแล้ว  ยังถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธในการขยายธุรกิจจากประเทศไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน   โดยเฉพาะหลังจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ เออีซี  ในปี  2558  ซึ่งจะเกิดการหมุนเวียนทั้งในด้านของประชากร แรงงาน  และสินค้า

 
 
 
นายบาวเค่อ ราวเออร์ส ประธานกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ในประเทศไทย และอินโดไชน่า  กล่าวว่า  ภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศไทยปีนี้  เริ่มมีสินค้าหลานรายการเริ่มอิ่มตัว  เช่น  แชมพู  และสบู่ก้อน   เนื่องจากอัตราการใช้ต่อครัวเรือนมีอัตราส่วนเต็ม 100%  ดังนั้นการที่ตลาดสินค้าดังกล่าวจะขยายตัวได้ ต้องเกิดจากการสร้างสินค้านวัตกรรม หรือนำเสนอสินค้าที่เป็นพรีเมียมเข้ามาทำตลาด   เพื่อกระตุ้นการใช้ของผู้บริโภค  ขณะเดียวกันยังถือเป็นอีกกลยุทธในการขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขื้น  

อย่างไรก็ตาม จากการที่ยูนิลีเวอร์มีสินค้าในเครือหลายกลุ่ม  จึงทำให้ไม่ได้รับผระทบจากปัจจัยลบดังกล่าวมากนัก  ซึ่งสินค้าที่ได้ผลการตอบรับที่ดีในปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน กลุ่มอาหาร และไอศกรีม

 
 
 
กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านเส้นผมภายใต้แบรนด์ “ซันซิล”  ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของยูนิลีเวอร์ในปีทีผ่านมา  เพราะหลังจากออกมากระตุ้นให้ผู้บริโภคใช้ครีมนวดผม  หรือทรีทเม้นต์  หลังการสระผมทุกครั้ง  ควบคู่ไปกับการใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดทั้งด้านการจัดโปรโมชั่น  และการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ส่งผลให้ปีที่ผ่านมามียอดขายจากผลิตภัณฑ์ด้านเส้นผมเติบโตสูงถึง  25%
 
เช่นเดียวกับ ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวสำหรับผู้ชาย ซึ่งปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จสูงมากไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เคลียร์ เมน  หรือวาสลีน เมน  เนื่องจากผู้ชายหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น  ส่งผลให้ภาพรวมตลาดสินค้ากลุ่มผู้ชายในปี 2555 มีอัตราการเติบโตที่  17% เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่เติบโตเพียง 11%

 
 
 
ด้วยเหตุนี้ ยูนิลีเวอร์ จะขอเปิดเกมรุกบุกเข้ามาทำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ผู้ชายเพิ่มขึ้นทุกช่องทาง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เคลียร์ เมน สามารถเพิ่มการใช้ผลิตภัณฑ์จากเดิม 7% ในปี 2554 เป็น 9.9% ในปี 2555 ในขณะที่ผลิตภัณฑ์วาสลีน เมน ก็สามารถเพิ่มอัตราการใช้จาก 3.3% เป็น 3.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน ส่งผลให้ยอดขายรวมของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เพิ่มขึ้นถึง 25% ในปี 2555

 
 
 
 
นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจอาหาร ไอศกรีม และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน ก็เป็นอีกกลุ่มสินค้าที่มาแรงในปีที่ผ่านมา  โดยในส่วนของผลิตภัณฑ์โจ๊กคนอร์  ปีที่ผ่านมามียอดขายเติบโตสูงถึง  49%  เนื่องจากสามารถเพิ่มอัตราการบริโภคโจ๊กของคนไทยจาก 30% ในปี 2553 เป็น 35% ได้ในปี 2555

ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน มีการพัฒนานวัตกรรมขั้นสูงในกลุ่มทำความสะอาดเสื้อผ้า พร้อมทั้งการกระตุ้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ผงซักฟอกแบบธรรมดา เป็นแบบเข้มข้น (Concentrate) ทำให้ผลิตภัณฑ์บรีส มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 25% ในปีที่ผ่านมา

 
 
 
ที่จะอดกล่าวถึงไม่ได้กับผลตอบรับที่ดีเกินคาด สำหรับการกลับมาของไอศกรีมแม็กนั่ม หลังจากมีการปรับสูตรใหม่พร้อมกับการเปลี่ยนมาใช้ช็อกโกแลตเบลเยี่ยม ทำให้ไอศกรีมแม็กนั่มกลายเป็นที่นิยมสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ใหญ่ซึ่งเดิมมีการบริโภคไอศกรีมน้อย  เพราะหลังจากเปิดตัวไอศกรีมแม็กนั่มอย่างเป็นทางการ  ก็สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว  ส่งผลให้มียอดขายเติบโตสูงถึง 400% โดยในเดือนที่ขายดีที่สุด

หลังจากออกมาประกาศกลยุทธเชิงรุก ยูนิลีเวอร์คาดว่าสิ้นปีนี้จะมียอดขายเติบโตเป็นตัวเลข  2 หลัก หรือมียอดขายมากกว่า  40,000  ล้านบาท  ซึ่งประเทศไทยถือเป็นประเทศที่สำคัญอีกหนึ่งประเทศที่จะผลักดันให้ยอดขายรวมของยูนิลีเวอร์ทั่วโลกในปี  2563  มียอดขายทะลุ  80,000 ล้านยูโร  เพิ่มขึ้นจากปี  2553  ที่มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 40,000 ล้านบาทยูโร 

 
 
 

 
ปัจจุบัน ยูนิลิเวอร์ เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย 80 ปีแล้ว ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแบรนด์ชั้นนำมากมาย ได้แก่ บริส โอโม ออลล์ ซันไลท์ คอมฟอร์ท ลักส์ วาสลีน ซิตร้า ซันซิล เคลียร์ โทนี่แอนด์กาย เทรซาเม่ พอนดส์ โดฟ แอ็กซ์ เรโซนา โคลสอัพ คนอร์ วอลล์ เบสท์ฟู้ดส์ ลิปตัน และ อาวียองส์
 
ส่วนสินค้ายอดนิยมของยูนิลีเวอร์ทั่วโลกมี  12 แบรนด์ คนอร์ โดฟ ลิปตัน บีเซล ,พลอร่า บลูแบนด์,รามา ,คันทรีครอค  วอลล์ส,โอแอลเอ ,แลงนีส  เฮลแมนน์ส  คาลเว ยูน็อกซ์  พอนด์ส  ลักส์ แอกซ์  ,ลิงซ์  ซันซิล  วาสลีน เรโซนา  ,ชัวร์  โอโม  เซิร์ฟ  ซิฟ  ซิกนัล และ กลอริกซ์  โดเมสทอส

LastUpdate 17/02/2556 16:43:54 โดย : Admin
24-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 24, 2024, 12:11 am