ภาพยนตร์โรมาเนีย อาจไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสำหรับชาวไทยมากนัก เพราะปกติภาพยนตร์ที่ฉายในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นภาพยนตร์จากฮอลลีวู้ด และภาพยนตร์ไทย และก็จะมีภาพยนตร์เกาหลี จีน และญี่ปุ่น มาบ้างเป็นบางครั้ง ส่วนภาพยนตร์จากประเทศอื่นๆนั้นน้อยมาก นานๆจะมีมาสักเรื่อง อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์โรมาเนีย เริ่มจะได้รับการจับตาจากชาวโลกมากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ภาพยนตร์โรมาเนียเรื่อง "Child’s Pose " ประกาศศักดาคว้ารางวัลหมีทองคำหรือ Golden Bear อันเป็นรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่มจากเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน
Child’s Pose เป็นผลงานการกำกับของ คาลิน ปีเตอร์ เนตเซอร์ บอกเล่าเรื่องราวของ คอร์นีเลีย คุณแม่ที่ทำทุกวิถีทางที่จะไม่ให้ลูกชายติดคุก หลังจากลูกชายของเธอขับรถชนเด็กผู้ชายคนหนึ่งเสียชีวิต ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่ถูกตาต้องใจของนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ และเป็นความหวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีส่วนทำให้ภาพยนตร์โรมาเนียได้เป็นที่รู้จักและยอมรับในเวทีระดับนานาชาติเพิ่มมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ก่อนหน้านี้ โรมาเนีย ก็เป็นประเทศหนึ่งที่ค่อนข้างเข้มงวดในการสร้างภาพยนตร์เหมือนกัน แต่หลังจากที่จอมเผด็จการคอมมิวนิสต์อย่าง นิโคไล เชาเชสคู เสียชีวิตลง เมื่อปี 1989 ก็ทำให้ผู้คนมีเสรีภาพมากขึ้น รวมทั้งเรื่องของการสร้างภาพยนตร์
ภาพยนตร์โรมาเนีย เริ่มเป็นที่พูดถึงของชาวโลกในปี 2005 เมื่อภาพยนตร์เรื่อง The Death Of Mr.Lazarescu ได้รับการฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์เมื่อปี 2005 ก่อนที่อีกสองปีต่อมาภาพยนตร์เรื่อง 4 Months 3 Weeks and 2 Days คว้ารางวัลปาล์มทองคำ หรือ Palme d’Or หรือรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์
“ ผมคิดว่าภาพยนตร์โรมาเนียในช่วงระยะหลังค่อนข้างมีคุณภาพ และทีแนวโน้มที่ดีว่าภาพยนตร์โรมาเนียน่าจะดีขึ้นและเป็นที่รู้จักมากขึ้น” เนตเซอร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ภาพยนตร์โรมาเนียแต่ละเรื่องจะแตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่มักจะสะท้อนออกมาในภาพยนตร์โรมาเนียคือการสะท้อนสังคมโรมาเนียออกมาได้อย่างลุ่มลึก
.jpg)
สำหรับ Child’s Pose นั้น เนตเซอร์ เปิกเผยว่าไม่ใช่ภาพยนตร์วิพากษ์วิจารณ์สังคม แต่เอาเข้าจริงๆ เรื่องนี้ก็กล่าวถึงสังคมอยู่ดีเพราะสะท้อนถึงเรื่องการคอรัปชั่นในหมู่คนรวย ซึ่งก็คล้ายกับสังคมไทยที่เคยมีนักการเมืองคนหนึ่งพูดว่าตัวเองรวยแล้วไม่โกง แต่จริงๆก็มีหลักฐานให้เห็นและเป็นข่าวว่าคนพูดโกงมหาศาล
การประสบความสำเร็จในเทศกาลภาพยนตร์เมืองเบอร์ลิน ทำให้หลายคนมองว่าเป็นผลดีต่อวงการภาพยนตร์โรมาเนีย เพราะเชื่อว่าจะมีคนผลิตภาพยนตร์ดีๆออกมาอีกมาก หลังเห็นตัวอย่างของ
.jpg)
นอกเหนือจาก Child’s Pose แล้ว มีภาพยนตร์อีกเรื่องที่คนกล่าวถึงมาก คือ ภาพยนตร์อิหร่านเรื่อง Closed Curtain เนื่องจากเป็นภาพยนตร์ที่ จาฟาร์ พานาฮี ผู้กำกับ แอบถ่ายทำในช่วงเวลาที่เขาถูกทางการอิหร่านห้ามสร้างภาพยนตร์ 20 ปี และเรื่องนี้ก็ได้รับรางวัลในสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และเรื่องนี้ พานาฮี ก็สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้โดยสะท้อนว่าเสรีภาพของผู้คนในอิหร่านยังคงถูกแทรกแซงโดยบุคคลที่มีอำนาจ
สำหรับเมืองไทยแล้ว แม้จะมีปัญหาทางการเซ็นเซอร์จนทำให้ภาพยนตร์บางเรื่องไม่ได้ฉายในประเทศ อย่างเช่น Insect In The Backyard ของ “อ็อฟ”ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ หรือแม้แต่ในละครโทรทัศน์ก็มีกรณีของละครเหนือเมฆ 2 ที่ช่องสามยุติการออกอากาศกลางคัน ทำให้หลายคนกังขาเรื่องการที่บุคคลผู้มีอำนาจเข้ามาแทรกแซง แต่ถ้าเทียบกับประเทศแล้ว ปัญหาทางด้านภาพยนตร์ของไทยยังน้อยกว่า บางทีถ้าได้รับการส่งเสริมดีๆ ก็เชื่อว่ามีโอกาสที่วงการภาพยนตร์ไทยจะเติบโตมากกว่าที่เป็นอยู่
**
รางวัลสำคัญๆในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองเบอร์ลิน
- ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม : Child’s Pose
- ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอันดับสอง : An Episode in the Life of an Iron Picker
-ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม : เดวิด กอร์ดอน กรีน (Prince Avalanche)
- นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม : พอลลินา การ์เซีย (Gloria)
- นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม : นาซิฟ มูจิช (An Episode in the Life of an Iron Picker)
- บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม : จาฟาร์ พานาฮี และ คัมโบซิยา พาร์โทวี (Closed Curtain)
ข่าวเด่น